Friday 28 November 2008

โอกาส "บิ๊กโฟร์" ในเวทียุโรปปีนี้ไม่ง่าย

จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีกรอบแบ่งกลุ่มนัดที่ 5 สถานการณ์ของ "บิ๊กโฟร์" ที่เตะกันไปเมื่อวันอังคารและพุธที่ผ่านมาถือว่าสอบผ่านกันแบบ ฉิวเฉียดเส้นยาแดงผ่าแปดเลยทีเดียวแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดของท่านหมื่นเฟอร์กี้ลงเล่นแบบชิวๆ ในการออกไปเยือนบีญาร์เรอัลที่สเปน ด้วยเงื่อนไขที่ทั้งคู่ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องห้ำหั่นกันแบบเอาเป็นเอาตาย เนื่องจากคะแนนนำโด่งแค่กอดคอกันก็เข้ารอบสบายแฮแล้ว ผลการแข่งขันที่ออกมาจึงถือว่าไม่ได้พลิกล็อกแต่อย่างใด เจ๊ากันไปแบบโนสกอร์ 0-0

อย่างไรก็ตามสิ่งนึงที่น่าสนใจคือทีมที่มีแนวรุกสุดหฤโหดอย่าง "ผีแดง" ออกอาการบ้อท่ายิงใครมาไม่ได้สองเกมติด ถือว่าผิดวิสัยแฟนๆ พอสมควร วยน์ รูนี่ย์ช่วงก่อนหน้านี้ฟอร์มร้อนดังสุกรพิโรธได้โอกาสสับไกจังหวะเจ๋งๆเป็นไม่ได้ ยิงเป็นหาย แต่สองเกมที่ผ่านมาดูฟอร์มและความเฉียบคมเหมือนจะดรอปลงไป วันอาทิตย์นี้ต้องออกไปเยือนคู่ปรับร่วมเมืองอย่างแมนฯซิตี้หากยัง "ปิดบัญชี" กันไม่คมแบบนี้ไม่แน่เหมือนกันว่าแฟนผีอาจมีปวดใจได้

ด้าน "ไอ้ปืนใหญ่" อาร์เซนอลที่ลงเล่นภายใต้ผู้นำทีมคนใหม่อย่าง เชสก์ ฟาเบรกาสถือว่าประเดิมสนามต่อหน้าแฟนๆ ในสนามเอมิเรตส์ สเตเดี้ยมได้ไม่เลว เมื่อโชว์สายตาเหยี่ยวฉวยจังหวะ ฟรีคิกเร็วเปิดบอลแม่นราวกับจับวางให้นิคลาส เบนด์เนอร์จับบอลลงมาแบบก้ำกึ่งจะแฮนด์บอลก่อนควบบอลเข้าไปในเขตโทษ ซัดด้วยอีซ้ายแบบเต็มเหนี่ยวฉลองสตั๊ดสีชมพูสวยสดให้ทีมเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ด้วยสกอร์ไลน์สุดหวิว 1-0

ชัยชนะที่ได้มาส่วนนึงถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดีที่ขุนพลปืนโตชุดนี้จะใช้ฟื้นฟู สภาพจิตใจที่กำลังย่ำแย่ให้กลับคืนมาได้ไม่มากก็น้อย แต่หากใครได้ดูเกมนี้คงต้องบอกว่าลูกทีมของอาร์เซน เวนเกอร์ไม่ได้โชว์ฟอร์มได้เหนือกว่าดินาโม เคียฟผู้มาเยือนจากยูเครนสักเท่าไร อีกทั้งฟอร์มของวิลเลี่ยม กัลลาสกองหลังเจ้าปัญหาก็ยังดูแกว่งๆ ชอบกลมีจังหวะนึงโดนฉกบอลไปจากเท้าดื้อๆ เดชะบุญของเวนเกอร์ที่คงทำบุญมาเยอะจังหวะนี้อิสมาเอล บันกูร่าที่อุตส่าห์โชว์ลูกขยันยิงชนเสานอกออกไปอย่างน่าเสียดาย

ที่น่าห่วงยิ่งกว่าก็คือสไตล์เซ็กซี่ฟุตบอลที่ไหลลื่นเนียนตาดูจะหายไปตั้งแต่ วันโดนวิลล่าบุกมาส่องคาบ้านเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ลากยาวมาเรื่อยจนถึงเกมล่าสุดขณะที่ปัญหาเดิมๆ อย่าง "ความหนัก" ในแดนกลางที่ขาดหายไปก็ยังคงอยู่ (จนกว่าจะซื้อพวกมิดฟิลด์ฮาร์ดแมนมาสักคน) และแนวรับที่ยังดูหละหลวมก็ไม่ได้หนีหายไปไหน อาทิตย์นี้เจอเชลซีที่สแตมฟอร์ด บริดจ์หากไม่ท็อปฟอร์มจริงๆ บอกตามตรงว่าโอกาสชนะยากครับแม้ว่าสิงห์บลู 2 นัดที่ผ่านมา จะดูเนือยๆ ไปก็ตาม

เกมกับบอร์กโดซ์...หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ก็จัดทัพใหญ่ออกรบตามปกติเหมือนเช่นเคยก็จริงแต่การที่ผู้เล่นตัวหลักบางรายตัวอย่างเช่นจอห์น เทอร์รี่ที่ต้องลงบัญชาเกมรับแบบติดๆ ไม่ได้พักเลยทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็มีปัญหาเจ็บเล็กน้อย ขณะที่โอบี มิเกล, แฟรงค์ แลมพาร์ด หรือนิโก้ อเนลก้าก็ถูกใช้บริการแบบ Non-Stop ทำให้ความสดดูจะลดน้อยลงไปและโดนตีเสมอในช่วงท้ายเกมด้วยสถานการณ์ถึงตอนนี้จึงยังเข้ารอบไม่ชัวร์ 100% แต่เกมหน้าดีหน่อยได้เล่นในบ้านเจอทีมที่ตกรอบแน่นอนแล้วอย่างเอฟซี คลูจ คงไม่น่ามีปัญหา
การจัดผู้เล่นชุดใหญ่ยืนพื้นลงสนามในทุกเกมมองเผินๆ แล้วถือเป็นเรื่องที่ดีครับ เพราะโอกาสจะทำแต้มตกหล่นมีน้อย อย่างไรก็ดีถือว่าเป็นดาบสองคมได้เหมือนกันหากว่าความเหนื่อยอ่อนและ ความล้าเข้ามาทำให้นักเตะฟอร์มหนืดไปซะดื้อๆ เหมือนอย่างที่ผมกำลังกลัวว่ามันอาจเกิดกับเชลซีได้หากว่า "บิ๊กฟิล" ไม่มีการเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหานี้ให้ดี

อย่าลืมว่าฟุตบอลนับจากนี้เป็นต้นไปจะเดินทางเข้าสู่ช่วงโปรแกรมหฤโหด แทบไม่มีเวลาให้นักเตะได้หายใจหายคอกันเลย ดังนั้นหาก "บิ๊กฟิล" ไม่เอาพวกตัวสำรองอดทนอย่างเวย์น บริดจ์, เปาโล เฟอร์ไรร่า, ซาโลมง กาลูหรือสกอตต์ ซินแคลร์ ลงมาสลับสับเปลี่ยนเกมละคนสองคนบ้างพวกตัวหลักมีหวังได้กรอบกันเป็นข้าวเกรียบทอดฮานามิแน่ๆ ครับ ^^

อีกอย่าง...สถานการณ์ของเชลซีในเวลานี้ไม่ใช่เศรษฐีที่มีแบงก์เป็นปึกเต็มกระเป๋าสตางค์อีกต่อไปแล้ว เพราะว่าเจ้าของทีมอย่างโรมัน อบราโมวิชสูญเสียรายได้ไปเยอะจากพิษเศรษฐกิจที่เล่นงานซะจนอ่วมอรทัย หากตามข่าวกันดีๆ จะเห็นว่าพวกเค้าเริ่มทำการ Cut cost หรือตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกมาได้สักพักนึงแล้ว ไหนจะบอกเลิกสัญญาแมวมองสโมสรที่ฝังตัวอยู่ทั่วโลกเกือบสิบรายเห็นจะได้ ล่าสุดก็มีข่าวแฟรงค์ อาร์เนเซ่นหัวหน้าแมวมองและพัฒนานักเตะเยาวชนจะถูกปลดออกกับเค้าด้วย ผมว่างานนี้เชลซีเห็นทีจะเข้าขั้นลำบากจริงและเปิดตลาดเดือนมกราคม ดิดิเยร์ ดร็อกบาที่มีข่าวดอดไปคุยกับตัวแทนอินเตอร์เผลอๆ ก็ได้ย้ายทีมสมใจละครับหากว่าสิงห์บลูช่วงนี้เกิดหน้ามืดร้อนเงินขึ้นมาจริงๆ

มาถึงทีมสุดท้ายหงส์แดงขวัญใจมหาชนของแฟนบอลหลายคน (แต่โดนน้องไก่ผมจิกนะ ฮิฮิ) นัดล่าสุดได้ "ฮีโร่" คนเดิมอย่างสตีเฟ่น เจอร์ราร์ดขวิดบอลสุดสวยตุงตาข่ายช่วยทีมคว้า 3 แต้ม เอาไว้ได้อีกแล้ว
เกมนี้ราฟา เบนิเตซส่งทีมลงเล่นด้วยระบบ 4-2-3-1 โดยใช้หัวขิงเป็นหน้าต่ำคอยสนับสนุนเกมรุกเฟร์นานโด ตอร์เรส รูปเกมเท่าที่ดูไฮไลต์ผมว่า โอเคพวกเค้ายังเก็บชัยชนะถูไถไปได้เรื่อยๆ ในเกมที่เจอทีมที่ไม่ได้มีอะไรดีเด่มากอย่างมาร์กเซย์ แต่รอบต่อไปซึ่งแน่นอนว่ามีแต่ทีมที่เขี้ยวและ จัดจ้านกว่านี้เยอะหากหงส์แดงยังเล่นได้มาตรฐานและรูปเกมอย่างที่เห็น ผมเกรงว่าพวกเค้าอาจจะโดนหมัดน็อกตากความไม่ดุดันที่มีมากพอในเกมรุก ร็อบบี้ คีนที่อุตส่าห์ไปสอยมาราคาแพงก็ทำท่าจะสอบตกในรั้วแอนฟิลด์

ครับ นี่คือสถานการณ์ล่าสุดจากที่ผมเห็นและวิเคราะห์ออกมาตามเนื้อผ้า ไม่ได้เลือกเชียร์ทีมไหนเป็นพิเศษเพราะลึกๆ แล้วหวังไว้ว่าวันนึงน้องไก่จะมาเล่นในเวทีแชมเปี้ยนส์ ลีกกะเค้าบ้าง (ป่านนั้นลูกคงโตแล้ว ฮา) เอาเป็นว่าผมเอาใจช่วยทุกทีมละครับที่มาจากเกาะอังกฤษไหนๆ ก็พำนักอยู่ที่ประเทศเค้าแล้วนี่ !

No comments: