Wednesday 19 November 2008

อังกฤษชุดBต้องพิสูจน์ตัวเอง !

ไม่รู้ว่าเจ็บจริง เจ็บปลอมหรือเจ็บเล่นแต่ทว่าล่าสุดแข้งดังทีมชาติอังกฤษพากันถอนตัวออกจากแคมป์ทีมชาติอังกฤษกันระนาวก่อนเกมกระชับมิตรกับทีมชาติเยอรมนีค่ำคืนนี้

แกนหลักอย่างเวยน์ รูนีย์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, แอชลีย์&โจ โคลที่คาเปลโล่ไม่ได้เรียกมาก็ดูว่าเยอะแล้ว...เคราห์ซ้ำกรรมซัดแฟรงค์ แลมพาร์ดและสตีเฟ่น เจอร์ราร์ดดันมาถอนตัวไปอีก อังกฤษชุดนี้จึงถือว่าเป็นทีมBเลยก็ว่าได้โดยมีแค่จอห์น เทอร์รี่ ‘กัปตันกระดูกเหล็ก’ คนเดียวเท่านั้นที่แม้จะเจ็บเท้าอยู่แต่เลือดรักชาติมันเข้มข้นเกินกว่าจะถอนตัว !

ประเด็นนี้ผมไม่ได้มองว่า ‘ความผิด’อยู่ที่นักเตะหรอกนะครับเพราะลึกๆแล้วเชื่อว่านักเตะทุกคนอยากที่จะลงเตะในนามทีมชาติตัวเองทั้งนั้น (ไม่นับเดวิด เบนท์ลีย์ที่เคยอ้างเหนื่อยไม่เตะทีมชาติชุดยู-21)
หากแต่ว่าเป็นพวกกุนซือจิตใจคับแคบบางรายที่มองว่าโปรแกรมทีมชาติแบบนี้ถือว่าไร้สาระและไม่สมควรมีเนื่องจากมองแต่ประโยชน์ส่วนตัวกลัวจนตัวสั่นว่านักเตะจากค่ายตัวเองจะเจ็บกลับมา

เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน, ราฟา เบนิเตซ, อาร์เซน เวนเกอร์ หรือแฮร์รี่ เรดแนปป์ ฯลฯ ต่างก็เคยออกมา ‘บ่น’โปรแกรมที่เตะชุกไม่เข้าท่า บางรายบารมีเยอะหน่อยอย่างท่านเซอร์ก็เคยมีข่าวว่าถึงกับต่อสายตรงกริ๊งกร๊างไป‘กดดัน’มากกว่าที่จะออกมาในแนว‘ขอร้อง’ให้กุนซือทีมชาติให้เลี่ยงใช้งานนักเตะตัวหลักหากไม่ใช่เกมสำคัญ

‘ประเด็นทีมชาติVSสโมสร’ จึงเป็นสงครามที่มีไม่รู้จักจบจักสิ้นพอๆกับฝ่ายพันธมิตรVSฝ่ายรัฐบาลบ้านเราที่ยืดเยื้อเรื้อรังกลายเป็นปัญหาหลักของประเทศไปแล้ว

ชาวบ้านชาวช่องอย่างอเมริกา อังกฤษหรือญี่ปุ่นเค้าเตรียมรับมือกับพิษเศรษฐกิจที่จะเริ่มส่งผลกระทบกันแล้ว(เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัทเทเลคอมยักษ์ใหญ่อย่าง BT หรือ British Telecomก็กำลังจะปลดพนักงาน10,000คน) ไทยเราที่ล้าหลังหลายปียังทำเป็นทองไม่รู้ร้อนกัดกันอยู่ได้ไม่สงสารในหลวงท่านบ้างเลย เฮ้อ !!

สุดท้ายแล้วผมเชื่อว่า ‘การปราณีประนอม’คือทางออกของปัญหาทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ครับ หากทุกฝ่ายมองถึง ‘ประโยชน์ส่วนรวม’ให้มากกว่า‘ประโยชน์ส่วนตัว’ ทุกอย่างก็น่าจะจบลงด้วยดี

วันนี้มาแนวเครียดได้อีกไม่ว่ากันนะครับ แบบว่าผมมันคนหลายอารมณ์แต่ไม่หลายใจน่ะ ฮ่า ฮ่า

สำหรับรายชื่อนักเตะที่ฟาบิโอ คาเปลโล่เรียกเข้ามาในครั้งนี้ชื่อของไมเคิ่ล โอเว่นยังคงถูกหมางเมินอยู่เช่นเดิมแม้จะเคยทำแฮตทริกในเกมกับทีม‘อินทรีเหล็ก’เมื่อปี2001ก็ตาม

ยอมรับตามตรงนะครับว่าผมแอบลุ้นให้ไมเคิ่ล โอเว่นติดทีมของคาเปลโล่ก่อนการประกาศรายชื่ออยู่เรื่อยๆเพราะส่วนตัวแอบปลื้มความเป็นมืออาชีพและสัญชาติญาณการสังหารประตูที่หาได้ยากจากกองหน้าอังกฤษยุคนี้

ที่เห็นก็มีแต่เจอร์เมน เดโฟเพียงแค่คนเดียวที่ความไวและความคมพอจะมีหวังทาบรอยเท้าโอเว่นได้แม้ว่าที่ผ่านมายามได้รับโอกาสในทีมชาติอดีตเด็กสร้างของเวสต์แฮมรายนี้จะยังไม่สามารถ‘อิมเพรส’กุนซือได้มากเท่าที่ควรก็ตาม

ขณะที่‘แก็บบี้’อักบอนลาฮอร์’หอกตีนจวรดจากค่ายวิลล่าที่ฟอร์มแหล่มกับสโมสรนั้นดูผิวเผินแล้วหมอนี่คงเป็นได้แค่ปรากฏการณ์ระยะสั้นเท่านั้นฝีเท้ายังดาดเกินไปที่จะก้าวมาเป็นตัวหลักในทีมชาติ

อีกประเด็นที่ผมให้ความสนใจก็คือตำแหน่ง‘ปีกซ้าย’ในทีมชาติอังกฤษยามที่ไร้เงาของโจ โคล เนื่องจากที่ผ่านมาสจ๊วต ดาวนิ่งยังไม่ได้โชว์ฟอร์มให้เห็นว่าคู่ควรกับการเป็นอะไหล่สำรองคุณภาพดี ฉะนั้นคนที่ผมอยากเห็นลงสนามในคืนนี้ก็คือแอชลีย์ ยังซึ่งผมคิดว่ามีดีพอแน่นอนหากได้รับโอกาสเผลอๆคุณภาพจะใกล้เคียงหรือเทียบเท่ากับโจ โคลเลยด้วยซ้ำ

ข้อดีหมอนี่มีเพียบครับทั้ง ลีลาการกระชากลากเลื้อย, ทีเด็ดจากลูกเซตพีชรวมถึงทักษะชั้นเลิศอันเกิดจากพรสวรรค์ซึ่งนักข่าวอังกฤษที่นี้จัดให้หมอนี่อยู่ในทำเนียบดาวรุ่งที่น่าจับตามองมากที่สุดของวงการบอลยุโรปเลยนะจะบอกให้ : )

ส่วนมิดฟิลด์คู่กลางที่เกมนี้จะขาดทั้งแลมพาร์ดและเจอร์ราร์ดคงทำให้คาเปลโล่ไม่ต้องคิดเยอะให้ปวดหัวสมองเพราะชอยส์มีให้เลือกไม่มากโดยโควต้าสองตำแหน่งที่ว่างอยู่น่าจะเป็นโอกาสของไมเคิ่ล คาร์ริคที่โชว์ฟอร์มได้ดีในสีเสื้อแมนฯยูไนเต็ดลงสนามจับคู่กับแกเรธ แบร์รี่ที่คาเปลโล่ชื่นชอบเป็นทุนเดิมอยู่
ขณะที่คู่กองหน้ายามไร้ตัวจริงอย่าง เอมิล เฮสกีย์และเวยน์ รูนีย์ คืนนี้ต้องมาเดาใจคาเปลโล่ครับว่าในการออกไปเล่นเป็นทีมเยือนแบบนี้จะเอาระบบ4-5-1มาใช้อีกหรือไม่

หากใช้กองหน้าเป้าคนเดียวคาดว่ากุนซือหน้าหงิกคงต้องใช้กองหน้ารูปร่างสูงใหญ่อย่างปีเตอร์ เคราช์หรือดาร์เรน เบน์คนใดคนนึงมายืนค้ำคอยเก็บบอลแต่หากว่าตัดสินใจใช้ระบบ4-4-2ก็ต้องดูกันละครับว่าแกจะจัดใครลงสนามระหว่างคู่เดโฟ-เคราช์/ เดโฟ-เบนท์/ อักบอนลาฮอร์-เคราช์ หรือ อักบอนลาฮอร์-เบนท์

ความเห็นของผมต่อเกมนี้เชื่อว่าการไปออกไปเยือนเยอรมนีซึ่งมีศักดิ์เป็นถึงรองแชมป์ยูโร2008แม้จะเป็นลงเตะกระชับมิตรธรรมดาแต่แน่นอน 1000%ว่าเมื่อไรก็ตามที่อังกฤษพบเยอรมนีซึ่งถือเป็นคู่รักคู่แค้นกันมาเรื่องของ‘ศักดิ์ศรี’มันจะมาค้ำคอกันอยู่และต่างฝ่ายต่างก็ไม่อยากแพ้

เยอรมนีชุดนี้แม้จะขาดตัวหลักอย่างมิชาเอล บัลลัค, ฟิลิปป์ ลาห์มหรือทอร์สเท่น ฟริงก์สแต่โดยรวมยังถือว่าน่ากลัวโดยเฉพาะแนวรุกที่มีมิโรสลาฟ โคลเซ่มาริโอ โกเมซ, ลูคัส โพโดลสกี้เป็นความหวังในแนวรุก หากแผงหลังอังกฤษเผลอหรือไม่คอยประกบให้ดีรับรองว่าน้ำตาตกในแน่นอน

บอลคู่นี้ผมคิดว่าออกได้ทั้งสามหน้าโดยผล‘เสมอ’ มีโอกาสเกิดขึ้นสูงสุดแต่ถ้าหากมีทีมที่ชนะผมคิดว่าน่าจะเป็นเจ้าถิ่นเยอรมันครับที่น่าจะได้เปรียบจากเสียงเชียร์ในบ้าน

1 comment:

Anonymous said...

ขอบคุณมากครับ สำหรับข้อมูล