Monday 3 November 2008

ส่วนผสมที่ลงตัวของเชลซีจะพาทีมเถลิงแชมป์ !?

เริ่มทวีความเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ ครับสำหรับฟุตบอลพรีเมียร์ชิพ หลังจากผ่านนัดที่11 ไปเป็นที่เรียบร้อย...บทสรุปสุดท้ายถึงตอนนี้ 4 ทีมบนหัวตารางก็ยังหน้าเดิมอย่างสี่อรหันต์ "บิ๊กโฟร์" ซึ่งตรงจุดนี้สะท้อนให้เห็น สัจธรรมที่ชัดเจนของลีก เมืองผู้ดีว่าการผูกขาดของ ความสำเร็จยังผลัดกันเชยชม อยู่เพียงไม่กี่ทีมเท่านั้น

อำนาจของเงินตรานั้นมีอิทธิฤทธิ์ มากทีเดียวในมุมมองของผม ความสามารถในการซื้อผู้เล่น บิ๊กเนมราคาแพงมาเสริมทีม ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างทีมใหญ่และ ทีมเล็กจริงอยู่แม้ทีม เล็กบางทีมจะสร้างปรากฏการณ์ได้บ้างเป็นครั้งคราว อย่างเช่นที่ ฮัลล์ ซิตี้และสโต๊คแสดงให้เห็นกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปทุกอย่างก็น่าจะเหมือนเดิม

คือทีมเล็กประสบการณ์น้อยมักขาดความสม่ำเสมอ, ตัวหลักๆเจ็บตัวสำรองห่างชั้นทดแทนกันไม่ได้, แบกรับความกดดันที่ถาโถมเข้าทั้งจากสื่อและแฟนบอลไม่ไหว ฯลฯตรงนี้ทำให้ผมคิดว่าเมื่อถึง "ปลายทาง" ของซีซั่นมาถึง ทีมใหญ่ก็ยังจะเป็นหน้าเดิมๆไม่น่ามีการผลิกโผ

วันเสาร์ที่ผ่านมาผมมีคิวไปที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ เป็นครั้งที่สองในรอบ 7 วันหลังจากวีกก่อนได้ชมบิ๊กเกมคู่เชลซี-ลิเวอร์พูล ครั้งนั้นทีมสิงห์ไฮโซโดนเชือดคารัง เสียสถิติไม่แพ้ใครในบ้านตัวเองมา 4 ปีกว่าลงซึ่งสร้างความผิดหวังให้กองเชียร์มากทีเดียว

อย่างไรก็ดีสถิติมีไว้เพื่อถูกทำลาย และผมก็เชื่อลึกๆครับว่าเชลซีคงไม่ถึงกับ ชวดแชมป์จากการพ่ายแพ้ต่อทีมหงส์แดงเพียงแค่นัดเดียว !

เพราะล่าสุดทีมจ่าฝูงร่วมอย่างหงส์แดง ก็โชว์ความไม่สม่ำเสมอให้เห็นอีกครั้งเมื่อบุกไปโดน สเปอร์สสอย 2-1 ทั้งที่มีโอกาสปิดเกมนับครั้งไม่ถ้วนสุดท้ายต้องกลับแอนฟิลด์มือเปล่า ทำให้เกิดคำถามจากหลายฝ่ายขึ้นมาอีกครั้งว่า พวกเค้าดีพอแล้วหรือยังสำหรับตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ชิพในปีนี้ วีกก่อนเจอเชลซีเล่นอย่างเทพพอเจอสเปอร์สทีมอันดับบ๊วยของตารางแท้ๆกลับเก็บไม่ได้สักคะแนน
ส่วนอาร์เซนอลปีนี้ยิ่งแล้วใหญ่ กลางสัปดาห์นำสเปอร์ส 4-2 จนถึงนาทีที่ 87 ก่อนโดนตีเสมอไปอย่างแสบสัน เสาร์ที่ผ่านมากลับ "บ้อท่า" หมดปัญญารับมือลูกทุ่มไกลอันเป็นทีเด็ดของสโต๊คพ่ายไป 1-2 โอกาสเป็นแชมป์ถึงตอนนี้ผมกล้าพูดเลยว่า ยากมากถึงยากที่สุด
ด้านแมนฯยูไนเต็ด "แชมป์เก่า" มีทีเด็ดอยู่ที่เกมรุกสุดอันตราย คริสติอาโน่ โรนัลโด้,ดิมี่ เบอร์บาตอฟ และเวย์น รูนี่ย์เป็นตัวชูโรง ความสามารถในการจบสกอร์ของนักเตะในตำแหน่งอื่นก็ทำได้ดี เสียอยู่อย่างเดียวแนวรับที่มีจุดอ่อนให้เห็นอยู่บ้าง การเสียสามประตูให้แก่ฮัลล์ ซิตี้ทั้งที่นำมา 4-1 แสดงให้เห็นว่าเรื่องของสมาธินักเตะชุดนี้อาจยังมีปัญหา
ผิดกับเชลซีสองเกมล่าสุดที่ ยิงไป 8 ลูกไม่เสียแม้แต่ประตูเดียว!

เกมนี้บรรยากาศในสนามถือว่าครึกครื้นเหมือนเช่นเคย ผมนั่งอ่านหนังสือโปรแกรมประจำเกมใน Press room หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่เขียนเอาไว้ว่าจะพยายามไม่สนใจทีมอื่น มากนักเพราะไม่อยากกดดัน แต่จะขอโฟกัสเฉพาะผลการแข่งขันของตัวเองและ คงแนวทางการเล่นภายใต้ปรัชญา "ดูสนุกแต่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ"

จอห์น เทอร์รี่เขียนเอาไว้ในหน้า Captain's note บอกว่า Attacking quality หรือคุณภาพจากผู้เล่นในแนวรุกจะเป็นตัวชี้วัดเลยว่าปีนี้ใครจะเป็นแชมป์ซึ่งเกมนี้ หากใครได้ดูพวกเค้าเล่นก็คงเห็นพ้องตรงกันนะครับว่าเกมรุกและทีมเวิร์กนั้นยอดเยี่ยมไร้ที่ติเลยจริงๆ

การกลับมาเริงระบำบนฟลอร์หญ้าอีกครั้งของมิดฟิลด์พรสวรรค์อย่าง โจ โคล สร้างความแตกต่างให้ทีมมากทีเดียว เซนส์บอล การยืนตำแหน่งรวมไปถึงเทคนิคที่ทำให้ทีมได้ประตูแรก... สามประสานในแดนกลางประกอบไปด้วย จอห์น โอบี มิเกลยืนห้อยต่ำคอยสกรีนและเชื่อมเกมจากหลังไปหน้า ความแม่นยำในการผ่านบอลสั้น-ยาว+ความคิดสร้างสรรค์ในการปั้นเกมของเดโก้ เมื่อรวมกับ "ทีเด็ด" จากลูกยิงไกลและการขึ้นเติมเกมของแฟรงค์ แลมพาร์ดซึ่งมีอย่างอิสระไม่ต้องพะวงเกมรับมาก ทำให้ผมมองว่ามิดฟิลด์ของพวกเค้าในเวลานี้มีคุณภาพ ที่สุดในลีกและดูลงตัวมากเหลือเกิน

มูฟเมนต์ของนักเตะทั้ง 11 คนในสนามก็เป็นอีกจุดนึงที่ถูกเสริมเข้ามาหลังการเข้ามา กุมบังเหียนของบิ๊กฟิล สโคลารี่ หากสังเกตกันดี ๆ จะเห็นนะครับว่าการช่วยกันวิ่งโอเวอร์แลปเติมเกมในแนวรุกหรือวิ่งมา Cover พื้นที่เมื่อเพื่อนร่วมทีมหลุดตำแหน่งยามที่ต้องตั้งรับผมว่า จุดนี้เชลซีทำได้ดีเอามากๆ

แนวรับที่มีปราการเหล็กอย่างจอห์น เทอร์รี่ยืนอยู่ก็ยากเหลือเกินที่จะพลาดพลั้งเสีย ประตูง่ายๆและหาก เจทีไม่ดวงแตกบาดเจ็บยาวผมเชื่อว่า ตรงนี้แหละที่จะให้ทัพสิงห์บลูมีโอกาส เป็นแชมป์มากกว่าเพื่อน
ไม่ใช่ว่าแนวรับอีกสามทีมลุ้นแชมป์อย่าง อาร์เซนอล,แมนฯยูฯ และลิเวอร์พูลไม่เหนียวนะครับ แต่แค่ดูไม่ปึ้กเท่าเชลซีก็แค่นั้น...
อาร์เซนอลที่มีกัลลาสยืนอยู่ช่วงหลังโรยไป เยอะและผิดพลาดบ่อย ลิเวอร์พูลคู่เซ็นเตอร์เหนียวแต่แบ็กสองข้าง ผมมองแล้วยังเติมเกมไม่ดีและไม่คล่องตัวในแนวรับ ส่วนแมนฯยูฯแคนดิเดตตัวสำคัญของเชลซี...ริโอ เฟอร์ดินานด์ยังต้องพัฒนาให้ดีกว่านี้หากหวังจะเป็นที่พึ่งให้ทีมได้ เหมือนอย่างที่เทอร์รี่มีต่อเชลซี

ครับ เส้นทางยังอีกไกลก็จริงแต่นั้นคือบทสรุป ณ สถานการณ์เวลานี้ที่เชลซีนั้น "แจ่ม" และดู "ลงตัว" ที่สุดในสายตาของผม

No comments: