Wednesday 12 November 2008

เบนท์จะพาไก่กะต๊ากเหนือหงส์!


หลังย้ายจากชาร์ลตันมาสเปอร์สด้วยค่าตัว แพงระยิบกว่า 16.5 ล้านปอนด์ ในที่สุดดาร์เรน เบนท์ก็เริ่มตอบแทน "ความคุ้มค่า" ให้แฟนบอลไก่เดือยทองได้มีรอยยิ้ม กันบ้างแล้วนะครับ
หลายคนอาจมองว่าเครื่อง ร้อนช้าไปรึเปล่า ? แต่ตอนนี้ผมขอเลือก คิดตามทฤษฎีของการหมักเหล้า ที่ว่าถ้าคุณอยากได้เหล้ารสดีและ กลมกล่อมก็ต้องบ่ม กันนานหน่อย... ฉันใดก็ฉันนั้นถ้าอยากได้ไก่ดำรสชาติเยี่ยมยิ่งอร่อยเหาะ แบบเบนท์มันก็ต้องรอกันเป็นธรรมดาถูกมั้ยครับ ?!! ^^

จำได้ว่าครั้งนึงพงศาวดารลูกหนังอังกฤษก็เคยมีแอนดี้ โคลเป็นต้นตำหรับ "สากกระเบือ" จอมถล่มประตูที่แฟนบอลเห็นแล้วเป็น ร้องยี้เพราะเฮียแกมักจะยิงนกตกปลาเป็นว่าเล่น

แต่โคลก็เป็นราชันแห่งสากที่มีผลงานการยิงประตูถึง 187 ประตู ในลีกเป็นอันดับสองของสถิติยิงประตูตลอดกาลของพรีเมียร์ชิพ เป็นรองก็แค่ดาวยิงค้างฟ้าอย่างอลัน เชียเรอร์ที่สอยไปทั้งสิ้น 261 ประตู เท่านั้น

วันนี้ "คิงโคล" ในวัย 37 ปี ได้ยุติเส้นทางการเป็น สากเลี่ยมทองอย่างเป็นทางการแล้วหลัง ประกาศแขวนสตั๊ดเลิกเล่นหลังโดนโคลิน คัลเดอร์วูด (อดีตกองหลังของสเปอร์ส) ผู้จัดการทีมน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ขอยกเลิกสัญญาแบบหักดิบไปเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

การจบอาชีพค้าแข้งแบบไม่ค่อยสวยหรูของโคลอ่านแล้วก็รู้สึกเห็นใจ+เสียดายไม่น้อยครับ ที่จากนี้อดีตฮีโร่ของทีมปิศาจแดงจะไม่ได้ลงวาดลวดลายและเรียกเสียงฮาจากแฟนๆ อีกต่อไปแล้ว
บรรทัดนี้ก็ขอขอบคุณ +สั่งลา "คิงโคล" จากใจจริงนะครับที่อยู่เป็นสีสันของวงการฟุตบอลอังกฤษมาอย่างยาวนาน

ทีนี้เมื่อเจ้าพ่อแห่งสถาบันสากเลี่ยมทองได้อำลาวงการไป ผมมองดูแล้วทายาทอสูรที่เหมาะสม ทั้งเรื่องสีผิวและสไตล์การเล่นที่คล้ายคลึงก็มีแต่กระทาชายนามว่า ดาร์เรน เบนท์เท่านั้นครับที่สมควรจะได้รับตำแหน่งที่ว่านี้ไปครอง การยืนหาตำแหน่ง, สัญชาตญาณในกรอบเขตโทษรวมถึงความไวคือ สิ่งที่เบนท์และคิงโคลมีซ่อนอยู่ในตัวเหมือนๆ กัน

หากแต่ว่าเมื่อไรก็ตามที่ทั้งคู่ขาดการสนับสนุนที่ดีจากผู้จัดการทีม สองคนนี้ก็จะเป็นแค่สากกระเบือไร้ค่าที่เหมาะแก่การตำน้ำพริกกินเท่านั้น ฉะนั้น "ศักยภาพ" ที่มีอยู่ในตัว กุนซือที่เก่งและเจ๋งจริงเท่านั้นครับที่จะดึงมันออกมาใช้ได้ แฮร์รี่ เรดแนปป์และเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันคือสองคนที่ว่า...เพราะมอบความไว้วางใจ ให้เบนท์และโคลโดยไม่สนว่าคนอื่นจะคิดยังไง

สมัยที่ฆวนเด้ รามอสยังอยู่เบนท์เป็นเพียง หัวหอกตัวเลือกอันดับสุดท้ายรองจาก ดิมี่ เบอร์บาตอฟ,ร็อบบี้ คีน และเจอร์เมน เดโฟมาโดยตลอด จนกระทั่งสามรายข้างต้นย้ายออกไป ฆวนเด้ รามอสก็ไม่เคยที่จะแสดงความเชื่อมั่นในตัว "ไก่ดำ" รายนี้แต่อย่างใดเพราะกุนซือเลือดสเปนพยายามอย่างหนักในการหาหัวหอกมีระดับมาทดแทน การขาดหายไปราวว่าเบนท์ไม่ดีพอในตำแหน่งนี้

เมื่อตัวผู้จัดการทีมเองยังไม่ได้มั่นใจใน ตัวลูกทีมและ เข็นลงสนามไปเพียงเพราะไม่มีทางเลือกอื่น ผลงานและความมั่นใจของนักเตะมันก็ชัดเจนอย่างที่เราเห็นนะ ครับว่าเบนท์ช่วงต้นฤดูกาลเล่น ได้ซังกะตายดูไร้พิษสงสิ้นดี

กลับกันเมื่อเรดแนปป์เข้ามา ฟอร์มการถล่มประตูของเบนท์และสเปอร์สกลับ พุ่งดิ่งขึ้นเป็นเส้นขนานไปพร้อมกันได้อย่างน่าแปลกใจ ล่าสุดการสอยไปทั้งสิ้น 11 ประตู ทุกรายการทำให้หลายฝ่ายเริ่มกลับมาพูดเรื่องความเป็นไปได้ของเบนท์กับทีมชาติอังกฤษอีกครั้ง

ครับ เกมคาร์ลิ่ง คัพรอบ 4 ที่สเปอร์สจะลงดวลกับลิเวอร์พูลคืนนี้เป็นครั้งที่สองในรอบไม่ถึงสองอาทิตย์ ฟาบิโอ คาเปลโล่จะเข้ามานั่งชมเกมด้วยเพื่อดูฟอร์มของนักเตะ สัญชาติอังกฤษในทีมไก่เดือยทอง ที่ตุนเอาไว้หลายหน่อ ทั้งเดวิด เบนท์ลีย์, โจนาธาน วู้ดเกต, ทอม ฮัดเดิลสตัน, เจอร์เมน จีนาส และแอร่อน เลนน่อน เพื่อทำการคัดตัวครั้งสุดท้ายก่อนการประกาศรายชื่อ ที่จะลงเตะนัดกระชับมิตร กับเยอรมนีในวันพุธหน้า (19 พ.ย.)

สำหรับความเห็นของผมก่อนเกมคืนนี้ สเปอร์สซึ่งมีศักดิ์เป็นแชมป์เก่า อยู่คงจัดตัวผู้เล่นชุดใหญ่ลงแบบเต็มสูบ + พวกแข้งดีกรีทีมชาติอังกฤษคงต้อง พยายามโชว์ฟอร์มให้ดีเพื่อโอกาสลุ้นติดทีมชาติ
ตรงกันข้ามกับฝั่งหงส์แดงที่มีข่าวว่า อาจจะพักสตีเฟ่น เจอร์ราร์ดและอาจยังไม่เสี่ยงให้เฟร์นานโด ตอร์เรสลงสนามซึ่งนั้นจะทำให้ทีมเยือนอ่อนยวบไปเยอะ

ซึ่งหากข่าวที่ออกมา ชัวร์ไม่มั่วนิ่ม คืนนี้แฟนไก่เตรียมเฮดังๆ ได้เลยครับ!

1 comment:

Anonymous said...

ขอบคุณมาก ๆ นะครับ สำหรับบทความดีๆ