Tuesday 18 May 2010

Finally we make it !


นานเหลือเกินครับ ที่ไม่ได้จบฤดูกาลด้วยรอยยิ้มแบบนี้ : )

ฤดูกาลหน้า ขออย่าให้ใครมาดึงตัวหลักเรา อย่าง เลนน่อล ฮัดเดิลสตัน หรือ โมดริชเลย

หมดเวลาขายนักเตะในเล้ากินแล้วครับ ถึงเวลาบันทึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้สโมสรด้วยการกล้าเสริมสตาร์ดังๆไปเลย

ใครเล่นดีในฟุตบอลโลก รีบดึงมานะจ่านะ !

Friday 3 July 2009

ใครว่า ปาฏิหารย์ไม่มีจริง..

ไมเคิล โอเว่นที่ว่าอนาคตดับสนิทไปแล้ว ยังอุตสาห์ได้เซ็นสัญญากับยอดทีมอย่างแมนฯยูไนเต็ด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทำท่าว่าจะไม่มีทีมไหนเหลียว
ลงทุนกับทีมงานแจกโบชัวร์ร่อน เป็นภาพที่น่าเวทนายิ่ง จากนักเตะเนื้อหอมที่ทุกทีมบนโลก อยากมีไว้ครอบครอง เหลือเพียงแค่ 'ความทรงจำดีๆ'

แต่ความพยายามนี้ก็ไม่สูญเปล่า...
ชีวิตคนเรา ขอแค่อย่าท้อแท้ เชื่อเถอะว่ายังมีแสงสว่างที่ปลายทางเสมอ
แม้กายจะบอบช้ำ เหนื่อยล้า แต่ใจยังสู้ต่อ

-Nothing is Impossible- สู้ต่อไปนะโอเว่น

Friday 26 June 2009

ผิดหวังกับชุดเหย้าใหม่สเปอร์ส

เมื่อวานเป็นวันแรก (25 มิถุนายน) ที่ทางสเปอร์สเปิดตัวและนำชุดเหย้า/เยือน ของซีซั่นใหม่มาวางขาย คาดว่าแฟนไก่เดือยในอังกฤษจำนวนไม่น้อยเลยละแห่กันไปที่สโมสร

แต่ดูๆเหมือนแฟนบอลบางส่วนจะออกแนวไม่ค่อยประทับใจกับชุดแข่งใหม่ซักเท่าไร โดยเฉพาะชุดเหย้าสีขาวที่แทบไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ นอกจากแถบตัว V สีเหลืองอ๋อยมาขัดลูกตาเปล่าๆ

ผมเองก็เป็นอีกคนที่เห็นแล้ว 'ไม่ปลื้ม' เลย....เฮ้อ เซ็ง !

ปล. ถึงเสื้อไม่สวย แต่ขอจบฤดูกาลด้วยอันดับสวยๆละกันเนอะ

Sunday 21 June 2009

ดู ดู๊ ดู ดู เธอทำ

บังเอิญเข้าไปอ่านข่าวบอลในเว็บ Daily mail ปรากฏว่าช็อคตาตั้งกับภาพทอม ฮัลเดิลสตันยืนพุ่งโย้ยังกะคนท้อง 5 เดือน ในมือถือถุงแม็คโดนัลล์

ตอนแรกนึกว่าของจริง อ่านไปอ่านมาปรากฏว่าแฟนบอลตัวแสบใช้โปรแกรมตัดต่อภาพ

แหมถ้ามันโย้แบบนี้จริง ก็คงไม่แปลกว่าทำไมลุงจ่าถึงไม่ค่อยปลื้มทอมมี่เรา ฮ่า
ปล.พุงกับถุงบิ๊กแม็คนั่นตัดต่อ แต่กางเกงลิงสีชมพูเป็นของทอมจริงๆ มันกล้าเนอะว่ามะ?
โรนัลโด้ถึงกับอายเลยทีเดียว อิอิ

Thursday 18 June 2009

GOAL 3 : หนังฟุตบอลที่่ไม่ค่อยเกี่ยวกับฟุตบอล

Goal ภาคแรกถือเป็นหนังที่เกี่ยวกับฟุตบอลเรื่องนึงที่ผมชื่นชมไม่แพ้เรื่อง Green Street และ หนังเตะเสี้ยวลิ่มยี่ที่ฮาโดนใจผมสุดๆ

ขณะที่ภาค2ของGoal แม้จะดังเปรี้ยงเท่าภาคแรกแต่ผมเชื่อว่าคอบอลไม่มากก็น้อยยังอยากจะรู้ว่าภาคต่อมาจะเป็นเช่นไร...

เมื่อคืนที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ดู Goal ภาคล่าสุดที่ว่ากันว่าจะลงโรงต้นปี 53 ต้อนรับมหกรรมฟุตบอลโลกที่แอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพ ผ่านเว็บ http://quicksilverscreen.com/watch?video=67764

ภาคนี้ตัวเอกจากสองภาคแรกอย่างซานติเอโก้ มูเนซแทบจะไม่มีบทบาทอะไรเลย โดยทางผู้สร้างเน้นไปที่ตัวละครอื่นที่แสดงเป็นเพื่อนมูเนซซึ่งติดทีมชาติอังกฤษไปฟุตบอลโลก ขณะที่ตัวเอกของเรื่องดันประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์บาดเจ็บชวดเล่นให้ทีมชาติเม็กซิโก (ชาติเกิดของพ่อ) ยืนดูเพื่อนเล่นตลอดเรื่อง

เรื่องนี้ดูไปดูมาเป็นหนัง Drama ซะอย่างนั้น คนที่คาดหวังจะเห็นเรื่องราวในสนามนั้นคงผิดหวังไม่น้อย ขณะที่คนที่ชอบแนวดราม่าหน่อยๆก็คงจะซึ้งกับเรื่องราวของสายใย ความรัก และความผูกพันของตัวละคร ที่ดึงมาโยงกันได้อย่างแนบเนียน

อีกจุดนึงที่หนังเรื่องนี้ทำได้ดีก็คือฉากต้อนรับมหกรรมฟุตบอลโลก และ ความน่ารักของแฟนบอลที่ตามไปเชียร์ทีมที่ตัวเองรัก อ๋อ..เพลงประกอบหนังก็เพราะดีครับ

โดยรวมแล้วถือว่า Goal 3 เป็นหนังฟุตบอลที่เกี่ยวกับฟุตบอลน้อยมั่กๆ ก็ได้หวังละครับว่าภาคหน้า (ถ้าหากมี) ผู้กำกับท่านนี้จะเน้นไปที่เรื่องราวของชีวิต ซานติอาร์โก้ มูเนซให้มากกว่านี้หน่อย เพราะภาคนี้ได้เกริ่นไว้ครับว่า มูเนซ เซ็นสัญญา 2 ปี เตรียมเล่นให้ สเปอร์ส หลังจบฟุตบอลโลก
ปล. หากอยากโหลดหนังมาเก็บไว้ก็เว็บนี้เลยครับ : )

Monday 15 June 2009

รุด-โทนี่ ใครกันที่เหมาะกับสเปอร์ส?

ปิดฤดูกาลทีไรก็ตกเป็นข่าวว่าจะจีบคนนั้นที แอบเหล่คนนี้ทีเป็นประจำสำหรับ 'ไก่เจ้าชู้' ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ส เพราะล่าสุดหลังวืดตัวแกเรธ แบร์รี่ที่ไปรับทรัยพ์พร้อมค่าเหนื่อยก้อนโตที่แมนฯซิตี้ ลุงจ่าเราก็เริ่มทำการบ้านภาคฤดูร้อนด้วยการตกเป็นข่าวว่าสนใจสองกองหน้าวัยดึกอย่างรุด ฟาน นิสเตลรอย และ ลูก้า โทนี่ เพื่อมาเป็นตัวแทนของโรมัน พาฟลิวเชนโก้ ที่ทำท่าว่าจะโดนอับเปหิจะเล้าไก่ค่อนข้างชัวร์
รายแรก น้ารุด - อดีตหัวหอกฝีตีนดีที่เคยยิงระเบิดกับแมนฯยูไนเต็ด แต่ภายหลังย้ายมาค้าแข้งในซานติเอโก้ เบอร์นาบิวกับเรอัล มาดริดแล้วเหมือนจะเข้าโรงหมอมากกว่าลงเล่น แถมความรวดเร็วก็ลดไปเยอะ แว่วๆว่าค่าตัว ล้านกว่าปอนด์เท่านั้นเอง ค่าเหนื่อยเท่าไรไม่รู้แต่ด้วยประสบการณ์และความนิ่งหน้าปากประตูของ 'รุด' น่าจะทำให้แนวรุกของเราดีขึ้นไม่มากก็น้อย
ทัศนะส่วนตัว - ได้มาจะดีมาก อย่างน้อยก็ดีกว่าเบนท์และพาฟ ที่หมูหกหน้าประตูบ่อยๆ

รายต่อมา - ลูก้า โทนี่ หอกวัยดึกอีกคนของบาเยิร์น มิวนิค ผลงาน2ฤดูกาลที่ผ่านมาในสโมสรถือว่าใช้ได้เลยยิงไปทั้งสิ้น 61 ประตู ค่าตัว 4 ล้านปอนด์ + ค่าเหนื่อยก้อนโต ประมาณ 5.5 ล้านยูโร ต่อปี ถือว่าสูงลิบเลยละกับกองหน้าวัยขนาดนี้

ทัศนะส่วนตัว - พอดีว่าพึ่งดูฟุตบอลคอนเฟดเดอเรชั่น คู่ระหว่างอิตาลี-อเมริกา จบ (อิตาลีชนะ3-1) ผมว่าฟอร์มโทนี่เกมนี้ ต่ำกว่ามาตรฐานมาก โอเคแม้จะเก็บบอลได้ หากแต่ว่าดูการเคลื่อนที่ช้าลงไปมาก แถมพลาดการทำประตูลูกจ่อๆไปเสียฉิบ เกรงเหลือเกินครับว่ามาเจอบอลเร็วๆหนักๆในอังกฤษแล้วคุณน้าแกจะสอบตกไม่เป็นท่าเหมือนนักเตะจากลีกกัลโช่คนอื่นๆ
สรุปแล้วในใจลึกๆหากลุงจ่าแฮร์รี่ต้องการกองหน้าชั่วโมงบินสูงมาเสริมทีมจริงๆ ผมขอยกมือเชียร์ 'รุด ฟาน' เพราะเคยเล่นในพรีเมียร์น่าจะคุ้นเคยกับระบบการเล่นที่นี้

คุณผู้อ่านละครับ อยากได้ใครมาเสริมกองหน้าให้ไก่เดือยทองของเรา ฟาน นิสเตลรอย หรือ โทนี่?
ปล. จริงๆผมว่าซานตาครูซ ยอน คาริว หรือ คาร์ลตัน โคลก็เป็นชอยส์ที่ไม่เลวนะ : )

Sunday 10 May 2009

Onside With...Jermain Defoe : คุยสบายๆกับนายเดโฟ

Life
Q: เมื่อไรก็ตามที่มีเวลาให้ตัวเอง
JD: ถ้าวันไหนอยากอยู่คนเดียวก็จะหาเพลงมานั่งฟัง ถ้าไม่อย่างนั้นก็จะออกไปหาเพื่อนๆ ผมชอบที่จะอยู่กับผู้คน อย่างไรก็ตามมีหลายครั้งเหมือนกันที่ผมอยากอยู่ชิวๆคนเดียว
Q: เมื่อคุณรู้สึกแย่มากๆ
JD: กลับบ้านไปหาคุณแม่ของผม ซานดร้า ผมเจอท่านบ่อยๆเพราะว่าเธอเป็นผู้ที่มีอิทธิพลสำหรับผมมากเหลือเกิน เธอเข้าใจผมเสมอและในช่วงที่ฟอร์มตกก็ได้แม่นี้แหละคอยให้กำลังใจ นอกจากนี้เธอยังทำอาหารได้สุดยอดมากๆ นี้แหละคืออีกสาเหตุว่าทำไมผมถึงกลับไปหาแม่บ่อย ! (หัวเราะ)

Q: อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองมั้ย?
JD: ผมแฮปปี้กับสิ่งที่ผมเป็นนะ
Q: สิ่งที่คุณคิดว่าดีที่สุดที่พ่อแม่สอนมา
JD: การวางตัวในสังคมและการเคารพผู้อาวุโสกว่า บางคนอาจจะเข้าใจว่าพวกนักฟุตบอลคงเป็นพวกเย่อหยิ่งทะนงตัวแม้กระทั่งกับผู้หลักผู้ใหญ่ แต่สำหรับผมแล้วผิดถนัดเลย ผมไม่ใช่คนประเภทนั้น

Q: บทเรียนที่สำคัญที่สุดในชีวิต
JD: ทำอย่างไง ได้อย่างนั้น สิ่งๆนี้สอนให้ผมตั้งใจฝึกซ้อมให้หนักขึ้นเพื่อเป็นนักฟุตบอลที่ดีกว่าเดิม
Q: ข้อเสียของคุณ
JD: ต้องตัดผมทุกอาทิตย์...ให้ตายเถอะแต่ผมไม่สามารถปล่อยให้มันยาวได้ ข้อแก้ตัวของผมก็คือ ทรงผมแหล่มแล้วฟอร์มจะแหล่มตาม !

Q: วันสำคัญที่สุดในชีวิต
JD: ได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพกับเวสต์แฮม อย่างไรก็ดีมีอีกหลายๆครั้งที่ผมได้เจอช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยม อย่างเช่นการได้เปิดซิงลูกแรกในนัดที่ลงเล่นให้เวสต์แฮมในเกมพบวอลซอล์ (ตอนอายุ17) และลงเล่นทีมชาตินัดแรกก็ยิงประตูได้เลย
Q: เพลงติดปากช่วงนี้
JD: Joe อัลบั้ม New Man
Q: คนที่ทำให้คุณมีเสียงหัวเราะเสมอ
JD: สเตฟาน ญาติสนิทของผม หมอนี้ไม่เคยหยุดปล่อยมุกแม้ว่าบางครั้งมันออกจะฝืดๆก็ตาม

Taste- รสนิยม
Q: ตึกที่ชอบ
JD: จริงๆแล้วไม่มีนะ แต่ถ้าเป็นภูเขาละก็คงเป็นที่ Pitons ณ เซนต์ลูเซีย (St. Lucia)

Q: ภาพวาด
JD: ภาพเสก็ตของบ็อบ มาร์เล่ย์ที่ผมแขวนไว้ที่บันได้บ้าน ดูแล้วรู้สึกดีเสมอ

Q: การเดินทาง
JD: St.Lucia บ้านหลังที่สองของผม (บรรพบุรุษของเดโฟมาจากที่นั้น)

Q: สถานที่สุดโปรดในอังกฤษ
JD:ฮาร์ดฟอร์ด เชียร์ (Hertfordshire) บ้านเกิดของผมเอง ทุ่งหญ้าและวิวทิวทัศน์สวยอย่าบอกใคร

Q: ของติดตัวที่ขาดไม่ได้
JD: ไอพอต เพราะว่าผมรักเสียงเพลง

As a boy
Q: หนังสือที่ชอบ
JD: ไม่มีครับ แม่ผมพูดอยู่เสมอว่าผมไม่เคยนั่งนิ่งๆได้เกิน2นาทีเลยสมัยเป็นเด็ก

Q: ตัวการ์ตูนที่ชอบ
JD: นินจาเต่าฮับ!
Q: รายการทีวีสุดโปรด
JD: ทอมแอนด์เจอร์รี่ (Tom&Jerry) ผมชอบอะไรที่เคลื่อนไหวเร็วๆ

On Spurs
Q: วันแรกที่สเปอร์สเป็นอย่างไรบ้าง
JD: ผมจำมันได้แม่น พอถึงสนามปุ๊บบอกตามตรงตกหลุมรักทันที นอกจากนี้ผมสนิทกับพวกเลดส์ลี่ย์ (คิง) และ แอนโทนี่ การ์ดเนอร์เป็นส่วนตัวอยู่แล้ว การปรับตัวจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่

Q: บุคคนแรกที่คุณเจอที่สโมสร
JD: เดวิด พลีท ผู้จัดการทีมชั่วคราวในเวลานั้น ผมชอบการฝึกซ้อมของเค้าน่ะ สนุกดี

Q: เพื่อนที่ดีที่สุดที่สเปอร์ส
JD: เลดเดอร์ (ชื่อเล่นเลดส์ลีย์ คิง) สุดยอดสุดแล้ว เพราะเป็นเพื่อนที่จริงใจและเฮฮาได้อีก

Q: ความผิดหวังครั้งร้ายแรง
JD: ผมพยายามที่จะไม่จำมัน เพราะเชื่อว่าอะไรที่มันผิดพลาดไปไม่สามารถกลับมาแก้ไขได้ ผมจึงพยายามทำงานให้หนักเพื่อลบความทรงจำเหล่านั้นออกไป

Q: คู่ต่อสู้ที่คุณให้ความยอมรับมากที่สุด
JD: เพื่อนรักของผม ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ เนื่องจากเป็นนักเตะที่ฝึกซ้อมหนักมากแถมยังตัวเล็กกว่าอีก!
Q: ประตูที่อยู่ในความทรงจำ
JD: เกิดขึ้นในเดือนพฤษจิกายนปี2004 เกมพบกับอาร์เซนอล ผมลากบอลผ่านผู้เล่นสาม สี่คนก่อนซัดโครมเข้ามุมอย่างสุดสวย เยนส์ เลห์มันไม่ได้ขยับ
Q: กิจวัตรก่อนลงแข่ง
JD: ตื่น 9โมงเช้า หาอะไรเบาๆทาน ก่อนออกเดินยาวๆเป็นการวอร์มอัพร่างกาย ฟังเพลงเรียกความฮึกเหิมเล็กน้อยก่อนอาบน้ำอาบท่าเดินทางไปสนาม

Q: สนามในพรีเมียร์ชิพที่ทำให้คุณประทับใจ
JD: โอลด์ แทรฟฟอร์ด สมัยยังเด็กผมฝันมาเสมอว่าจะได้ลงเล่นที่สนามแห่งนี้ เนื่องจากเป็นสนามที่ใหญ่ ผู้ชมแน่น และบรรยากาศสุดยอด ในฐานะนักเตะการได้ลงเล่นกับยอดทีมอย่างแมนฯยูฯแล้วเอาชนะพวกเค้าได้ในบ้านเป็นอะไรที่พิเศษอยู่แล้ว
Q: สิ่งที่คุณคิดว่าดีที่สุดที่สเปอร์สละ
JD: แฟนบอลที่สุดยอดคอยหนุนหลังเราอยู่ตลอดเวลาไงล่ะ ไม่ว่าคุณจะอยู่แห่งหนใดคุณจะพบแฟนสเปอร์สเสมอ ผมรู้ซึ้งดีตอนที่ย้ายออกไปว่าคิดถึงสโมสรแห่งนี้ขนาดไหน...
Jermain Defoe Career timeline
1982: ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 1982, Beckton London

1997: ขณะที่อายุ14 หนุ่มน้อยซาไกถูกค้นพบโดยแมวมองทีมชารล์ตัน และเล่นให้ทีมเยาวชนของ ‘ดาบอัศวิน’ ก่อนโดนเวสต์แฮมฉกไปเซ็นสัญญาในเวลาต่อมา

2000: หลังจากได้แชมป์ถ้วยเยาวชนกับเวสต์แฮม เดโฟถูกดันขึ้นมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในเกมลีกคัพพบวอลซอร์แถมทำประตูชัยในเกมนั้นได้อีกด้วย

2001: ถูกยืมตัวไปเล่นให้บอร์นมัธทั้งฤดูกาล ก่อนประกาศศัดาความเป็นยอดดาวยิงด้วยการยิงประตู10นัดติดต่อกันทำลายสถิติของจอห์น อัลดริดจ์

2004: เดือนมกราคมปี2004 หลังยิงเป็นว่าเล่นกับเวสต์แฮม (105นัด 41ประตู) เดโฟตัดสินใจย้ายมาสเปอร์สสลับฝากกับบ็อบบี้ ซาโมร่าที่สอบตกในถิ่นไวท์ ฮาร์ทเลน โดยนัดแรกที่เล่นให้ทีมตราไก่ก็ยิงประตูเปิดซิงให้ตัวเองได้เลย และทำแฮตทริกในเกมพบเซาธ์แธมตันได้ด้วยในปีนั้น

2008: หลังจากเล่นให้ทีมมา4ปี เดโฟไม่พอใจกับบทบาทข้างสนาม จึงย้ายมารับใช้แฮร์รี่ เรดแนปป์ผู้ปลุกปั้นในวัยเด็กที่ปอร์ทสมัธ ยิงไป15ประตูจากการลงเล่น31นัด

2009: ย้ายตามกุนซือหน้าง่วงกลับมาถิ่นไวท์ ฮาร์ทเลนอีกครั้ง และเพียงแค่เกมที่สองก็ยิงทีมเก่าอย่างปอมปีย์ได้เลย

Credit : สเปอร์สแม็กกาซีนฉบับเดือนเมษายน2009