Sunday 16 November 2008

อิทธิฤทธิ์ลุงจ่าจบลงที่คราเวน ค็อตเทจ

ฟุตบอลพรีเมียร์ชิพคู่วันเสาร์สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาสี่อรหันต์ ‘บิ๊กโฟร์’ที่ผมคาดหมายไว้ว่าจะพากันเก็บ3คะแนนเต็มกันได้หมดปรากฏว่าดันหลุดคู่อาร์เซนอลVSแอสตันวิลล่าไปเสียฉิบหลังโดนแอสตัน วิลล่าบุกมาหยามถึงถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม2-0โดยงานนี้ลูกทีมของอาร์เซน เวนเกอร์ได้ทิ้งเครื่องหมายเควสชั่นมาร์คตัวโตเรื่อง‘ความสม่ำเสมอ’ให้แฟนบอลได้สังกะสัยกันต่อไปว่าสุดท้ายปีนี้พวกเค้าพร้อมแน่หรือยังกับการไล่ล่าตำแหน่งแชมป์อย่างที่ปากว่า
เกมก่อนที่ป๋อแป๋ๆมาก็เกิดเล่นดีมีชัยเหนือ‘ปีศาจแดง’ของท่านหมื่นเฟอร์กี้ไปได้อย่างแสบสันต์2-1...ถามว่าวันก่อนนู้นฟลุ๊กหรือเปล่าคงบอกได้เต็มปากว่าไม่ แต่ไอ้อาการสามวันดีสี่วันร้ายเนี่ยสิครับบอกตามตรงว่ากลัวเหลือเกินว่าคำว่า ‘พวกเราดี/มีคุณภาพพอจะเป็นแชมป์’จะเป็นแค่คำพูดนักการเมืองของอาร์เซน เวนเกอร์...
ด้านแมนฯยูไนเต็ดยังโชว์ฟอร์มได้สมราคาแชมป์เก่าเมื่อไล่ยำสโต๊คซะจนกลับบ้านแทบไม่ถูกไป 5-0พูลสวัสดิ์ ขณะที่หงส์แดงแรงฤทธิ์ปีนี้ดูสม่ำเสมอกว่าที่แล้วมาบุกไปเชือดโบลตันสบายเท้า2-0 ‘สิงห์ไฮโซ’เชลซีก็เช่นกันยังแสดงให้เห็นว่าเป็นทีมที่ชอบรังแกทีมที่อ่อนชั้นกว่าเมื่อชนะเวสต์บรอมวิชไป3-0(แม้ว่าโจทย์ในเรื่องการเอาชนะทีมที่มีแผงหลังยืนออแกไนซ์กันดีๆยังคงอยู่ก็ตาม)
สำหรับคู่ฟูแล่ม-สเปอร์สที่ผมไปชมติดขอบสนามมาที่คราเวน ค็อตเทจเกมนี้ถือเป็นลอนดอนดาร์บี้แมตช์ครั้งที่3ของตัวเองในซีซั่นนี้ต่อไปจากเกมฟูแล่ม-เวสต์แฮมและอาร์เซนอล-สเปอร์ส
ความน่าสนใจก่อนเกมนี้ก็คือกราฟชะตาชีวิตของทีมเยือนในช่วงหลังที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นภายใต้การคุมทีมของ‘ลุงจ่า’แฮร์รี่ เรดแนปป์ที่ยังไม่พานพบกับความปราชัยเลยตั้งแต่กระโดดเข้ามารับงานในถิ่นไวท์ฮาร์ทเลนส่วนฟูแล่มฟอร์ม3นัดหลังสุดในบ้านก็ถือว่ายอดเยี่ยมกระเทียมเจียวไม่แพ้เลยเช่นกัน

11ผู้เล่นของสเปอร์สที่ถูกส่งลงสนามเกมนี้ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงหลายตำแหน่งเลยทีเดียวจากชุดคาร์ลิ่ง คัพเมื่อกลางสัปดาห์ก่อน ไมเคิ่ล ดอร์สัน, อลัน ฮัตตัน, แอร่อน เลนน่อล, เจมี่ โอฮาร่า, และสองกองหน้าที่เพิ่งทำผลงานร่วมกันได้ดีอย่างโรมัน พาฟลูเชนโก้&เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ถูกดร็อปไปเป็นสำรองอย่างน่าเสียดายในเกมนี้
อย่างไรก็ดีทีมชุดแรกที่จัดลงมาหากนับนิ้วดูปรากฎว่าเป็นนักเตะเลือดอังกฤษแท้ๆถึง6หน่อ(ไม่นับแกเรธ เบลที่เป็นเด็กเวลส์) ตรงนี้ถือว่าน่าสนใจมากภายใต้ยุคใหม่ของสเปอร์สที่มีเฮดโค้ชเป็นชาวอังกฤษอีกครั้ง (3คนก่อนหน้านี้ฌักส์ ซองตินี่-ฝรั่งเศษ,มาร์ติน โยล-ดัตช์, ฆวนเด้ รามอส-สเปน)

ขณะที่เจ้าถิ่นฟูแล่มมาเต็มสูบหวังจะเก็บ3แต้มให้ได้เช่นกันโดยขุนพลฟูแล่ม4รายอย่างไซม่อน เดวี่ส์ แดนนี่ เมอร์ฟี่ พอล คอนเชสกี้และบ๊อบบี้ ซาโมร่าต่างก็เคยค้าแข้งกับทีมตราไก่ในอดีตแต่โดยรวมถือว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรโดยเฉพาะบ๊อบบี้ ซาโมร่าที่สอบตกอย่างสิ้นเชิงในถิ่นเดอะเลนซัดไปแค่ประตูเดียวเท่านั้นหลังจากที่เกล็น ฮอดเดิ้ลอุตสาห์ไปลงทุนซื้อตัวมาจากไบรจ์ตันด้วยค่าตัว1.5ล้านปอนด์กลางปี2003

ช่วง 20นาทีแรกของเกมเป็นเจ้าบ้านที่ถือว่าเริ่มต้นออกสตาร์ตได้ดีกว่าเมื่อเน้นบอลเรียดกับพื้นและกดดันสเปอร์สจนหาบอลไม่เจออยู่ช่วงนึงจนกระทั่งเข้านาทีที่21-35เป็นทีของทีมตราไก่บ้างที่เริ่มตั้งหลักได้ดีขึ้นและ‘โมเมนตัม’ในช่วงนั้นหากใครได้ดูอยู่ต้องบอกว่าน่าจะเป็นสเปอร์สที่ออกนำไปก่อนได้จนกระทั่ง...
ลูกโยนกึ่งยิงกึ่งผ่านสุดแสนจะธรรมดาของไซม่อน เดวี่ส์จากทางฝั่งซ้ายของสนาม โจนาธาน วู้ดเกตกระโดดสุดตัวพยายามโหม่งสกัดไว้และบอลตกลงพื้นหนึ่งจังหวะและฮูเรลโญ่ โกเมสน่าจะรับมันเอาไว้ได้ง่ายๆทว่าดันปล่อยบอลปลิ้นเข้าประตูแบบอึ้งกันทั้งสนาม ! 1-0ฟูแล่มนำหน้าตาเฉยทั้งที่เกมช่วงนั้นกำลังถูกกดันอย่างหนักจากสเปอร์ส
เสน่ห์ของเกมฟุตบอลอย่างนึงที่ผมชอบก็คือความผิดพลาดจังหวะเดียวเพียงแค่ช่วงเสี้ยววินาทีก็สามารถเปลี่ยนหน้าตาของเกมได้เลยแต่จังหวะนี้ยอมรับตามตรงครับว่าเวลามันเกิดขึ้นกับทีมรักของคุณแล้วมันเจ็บกระดองใจสิ้นดี พับผ่าเถอะ ! (Y.Y)

หลังจากที่ฟูแล่มออกนำไปได้ในนาทีที่ 35 สเปอร์สก็รวนและหาทางกลับมาสู่ทีมเกมแทบไม่ได้เลยจนครึ่งเวลาหลังแฮร์รี่ เรดแนปป์ต้องเปลี่ยนแปลงทีมอีกด้วยการจัดโรมัน พาฟลิวเชนโก้และแอร่อน เลนน่อลลงมาแทนลูก้า โมดริช (ซึ่งเด่นใช้ได้ทีเดียวแต่ไม่รู้ว่าเจ็บอะไรรึเปล่า) และทอมมี่ ฮัลเดิลสตันที่วันนี้จ่ายบอลเสียค่อนข้างเยอะ

การปรับเปลี่ยนระบบมายืนเป็นหน้าเป้าสองตัวไม่ได้ช่วยอะไรสเปอร์สเท่าไรพราะคู่เซ็นเตอร์ฮาฟของฟูแล่มอย่างเบรเด้ ฮันเกลันด์และแอร่อน ฮิวจ์สเล่นได้โคตรเทพประกบเฮียสากพันล้านดาร์เรน เบนท์ซะจนเป็นไก่ดำสุดเชื่องไปเลยในเกมนี้

เด็กเก่าอย่างบ๊อบ ซาโมร่าและไซม่อน เดวี่ส์ก็ดันทะลึ่งเล่นดีอีก รายแรกตัวใหญ่เก็บบอล+ผ่านบอลสวยๆให้เพื่อนเล่นได้หลายครั้ง นอกจากนี้ยัง‘หักเหลี่ยม’ป่วนเลดลีย์ คิงกัปตันสเปอร์สจนออกลูกเหวอเผลอทำแฮนด์บอลอีกตังหาก ยังดีที่อลัน ไวลี่ย์ตาถั่วไม่เป่าเป็นจุดโทษ

พูดถึงคิงแล้วก็อดสงสารแกไม่ได้จริงๆครับเพราะจากที่ผมสังเกตดูเวลาแกวิ่งหรือเคลื่อนตัวแต่ละทีสีหน้าแกดูไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไรเหมือนกับว่าฝืนลงเล่นทั้งที่หัวเข่ายังเจ็บอยู่ หลายครั้งหลายหนทีเดียวในเกมนี้ที่แอบเห็นเจ้าตัวยืนหอบแดกเหงื่อแตกผลั่กยามที่ทีมเปิดเกมรุกใส่ฟูแล่ม

ใจผมลึกๆแล้วกลัวเหลือเกินว่าเส้นทางการค้าแข้งของคิงอาจจะต้องจบลงเร็ววันนี้หากอะไรๆยังไม่ดีขึ้นมา...และก็จะเป็นเรื่องน่าเสียดายมากต่อทั้งสเปอร์สและทีมชาติอังกฤษหากต้องเสียหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดในประเทศไปก่อนวัยอันควร

ฟูแล่มมาทำให้งานของสเปอร์สหนักอึ้งเป็นสองเท่าเมื่อ‘เอเจ’แอนดี้ จอห์นสันกดเต็มเท้าในกรอบเขตโทษเข้าประตูไปแบบตาข่ายแทบขาด จากนั้นแม้ว่าทีมตราไก่ของผมจะได้ประตูตีไข่แตกในช่วง10นาทีสุดท้ายจากเฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ที่ยิงปาดเรียดเข้าไปอย่างเยือกเย็นแต่เวลาที่เหลือยู่นั้นมันช่างน้อยเหลือเกินแม้ว่าซุ้มม้านั่งข้างสนามสตาฟโค้ชของทั้งฟูแล่มและสเปอร์สต่างก็พร้อมใจเป็นฤทธิ์สีดวงนั่งเก้าอี้กันไม่ติดแล้ว ^^
แต่แทนที่สเปอร์สจะบุกกดดันได้กลับเป็นฟูแล่มด้วยซ้ำครับที่น่าจะได้ประตูปิดกล่องเกมนี้หลายครั้งหลายหนโดยเฉพาะลูกกดเต็มเท้าของจิมมี่ บูลลาร์ดจากฟรีคิกระยะประมาณ25หลาที่บอลพุ่งเป็นจรวดจะเสียบเข้าสามเหลี่ยมอยู่แล้วแต่โกล์สุดเอ๋ออย่างโกเมสก็แก้ตัวได้อย่างเหลือเชื่อ !!?

‘ลูกง่ายๆไม่รับแต่ลูกยากเนี่ยเอ็งเสือกเซฟนะ’ ผมอุทานด่านายทวารค่าตัว7.8ล้านปอนด์ที่พึ่งย้ายจากพีเอสวีเสียงดังไปหน่อยจนนักข่าวฝรั่งข้างๆหันมาถาม ‘มีอะไรรึเปล่า?’

ผมหันไปตอบ ‘โน โน น็อตติง’แม้ว่าจริงๆแล้วผมกำลังองค์ลงโกรธเจ้าโกเมสมากที่เป็นสาเหตุให้ปาฏิหารย์ไม่แพ้ใครมา6นัดรวดของลุงจ่าแฮร์รี่ต้องมาจบลงกับทีมที่ไม่สมควรจะแพ้เลยอย่างฟูแล่ม (จริงๆก็อยากเมาท์หาคนระบายอยู่แต่ขี้เกียจอธิบายเป็นภาษาปะกิตอ่ะครับ นึกคำพูดม่ายออก ฮ่า)
แหม อุตสาห์ไม่แพ้ทีมอย่างอาร์เซนอลและลิเวอร์พูลแต่ทะลึ่งแพ้ทีมอย่างฟูแล่ม...
ตลกร้ายสิ้นดีว่ามั้ยฮะ?

No comments: