Tuesday 28 October 2008

หงส์แดง...ได้เวลาแชมป์แล้วหรือยัง ?


"ถึงเวลาเราจะห่างกันมากขึ้นแต่ระยะห่าง ของหัวใจเรา ยังใกล้กันเหมือนเดิมนะจ๊ะ" ผมหวานใส่ "เธอคนนั้น" ที่เมืองไทยก่อนโดนหาว่าผมควรจะไปทำงาน โรงลิเกน่าจะ เหมาะกว่าการเป็นคอลัมนิสต์ฟุตบอลเป็นไหนๆ หลังจากบอก เธอว่าเวลาของอังกฤษและประเทศไทยจะต่างกัน 7 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นต้นไป ^_^

ยังไงก็...อย่าเพิ่งอ้วก กันนะครับแค่ต้องการจะบอกว่าคอบอลบ้านเรา ต้องดูบอลช้าขึ้นอีกหนึ่งชั่วโมงแต่ไม่รู้จะ เอาเรื่องอะไรขึ้น ต้นเลยเอามุกลิเกเรียกพี่เนี่ยแหละเกริ่นนำซะเลย ฮ่า

สำหรับวันอาทิตย์ที่ผ่านมาคิวดูฟุตบอลของผมนั้นถือเป็น "บิ๊กเกม" ให้ตัวเองครับเพราะ ได้มีโอกาสไปชมคู่เชลซีพบลิเวอร์พูล ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ดีใจมากมายตามประสาคนบ้าบอล...

การเดินทางไปสนามจากบ้านย่าน Earl's court ของผมก็เลยถือว่าสะดวกมาก เพราะนั่งรถไฟไปแค่สองสต็อปก็ถึงแล้ว เกมนี้เตะเวลา 1.30 ที่อังกฤษตื่นมาจึงมีเวลานั่งอ่านข่าว สเปอร์สปลดรามอสฟ้าผ่าก่อนเกมกับโบลตันแล้วจึงออกไปหม่ำ Breakfast ที่ห้องทำงานของนักข่าว
ไฮไลต์ก่อนเกมนี้นั้นราฟาเอล เบนิเตซประกาศเสียงดัง ฟังชัดครับว่าพร้อมจะพาลูกทีมมาหยุดสถิติไร้พ่าย 86 นัด ของเจ้าถิ่น ทำเอาผมถึงกับตะขิดตะขวงใจไม่น้อยว่าหงส์แดงจะ ทำได้หรือในวันที่ขาดหัวหอกหมายเลขหนึ่งของทีมอย่างเฟอร์นานโด ตอร์เรส ?

เกมนี้ราฟาและลูกทีมตอบคำถามนี้ของ ผมแบบสะอาดหมดจดยิ่งกว่า น้ำยาล้างจานซันไลต์เมื่อออกนำไป ก่อนจากลูกยิงที่ถือว่าเฮงเล็กๆ เมื่อชาบี้ อลอนโซ่ยิงไปแฉลบโจเซ่ โบซิงวาเข้าไปในนาทีที่ 10 และตลอดทั้งเกมก็โชว์ฟอร์มได้สมราคาคุย ที่กุนซือสมองเพชรชาวสแปนิชว่าไว้จริงๆ

นอกเหนือจากการหยุดสถิติในบ้านสุดหรูของเชลซีแล้ว เกมนี้ยังถือเป็นการส่งสัญญาณจากหอ กระจายข่าวที่แอนฟิลด์ไปถึงอีกสอง ทีมเต็งอย่างแมนฯยูไนเต็ดและอาร์เซนอลไปในตัวด้วยว่า ปีนี้หงส์แดงคงจะไม่หลุดจากวงโคจร การลุ้นแชมป์ง่ายดายเหมือนในอดีตอีก

การคัมแบ็กแบบเหนือชั้นในเกมพลิกกลับมาเอาชนะทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มิดเดิลสโบรห์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และวีแกน คงแสดงให้เห็นนะครับว่าพวกเค้ามีจิตใจที่มุ่งมั่น และกระหายต่อความสำเร็จขนาดไหนและคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ ที่จะทำให้สิ่งเหล่านี้บังเกิดได้หลายต่อหลายครั้งในช่วงเวลาที่ใกล้กันแบบนี้

เกมนี้ก็เช่นกันที่นักเตะพลังหงส์เล่นได้ยอดเยี่ยม ไม่แพ้นัดที่เอาชนะแมนฯยูไนเต็ดเลย เพราะเปี่ยมไปด้วยวินัยในเกมรับ ความทุ่มเทของนักเตะทุกคนในสนาม และการเล่นที่ดูเป็นระบบ ระเบียบผิดหูผิดตาจากหงส์แดงปีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง

เชลซีหลังจากเสียประตูแรกไปเร็ว ตลอดทั้งเกมก็พยายามครองบอล ถ่ายบอลไปทั่วสนามเพื่อดึงผู้เล่นของหงส์แดง ออกมาจากแอเรียอันตรายเพื่อหาจังหวะเข้าทำแบบไม่หยุดหย่อน แต่ทว่าการขึ้นนำไปก่อนในเกมที่ต้องเล่นเป็นทีมเยือนแบบนี้มันเลย ช่วยให้เกมของหงส์แดงเล่นได้อย่างสบายใจขึ้นไม่กดดันเพราะมีตุนอยู่แล้ว 1 ประตู

ขณะที่เชลซีหลายต่อหลายจังหวะ ดูร้อนรนกันไปเองเมื่อ โดนแผงกองกลางของลิเวอร์พูลวิ่งเข้าเพรสซิ่งทำลายจังหวะ นักเตะอย่างแลมพาร์ด เดโก้ สองมิดฟิลด์โฟร์เอสสร้างสรรค์ เกมนี้โดนสั่งประกบไม่ให้ตั้งหลักตั้งลำได้เลยเพราะชาบี้ อลอนโซ่และฮาเวียร์ มาสเคราโน่นั้นคอยตามติดเป็นเหาฉลาม คุณไปไหนผมไปด้วย ชวนทะเลาะตลอดเกมทำเอาแลมพ์และเดโก้ซึ่งไร้อิทธิฤทธิ์ไปเลย ทำหน้าเป็นตูดลิงตอนจบเกมเพราะ ไม่ได้เล่นเกมที่ตัวเองถนัด ฮ่า

เมื่อสองตัวอันตรายในแดนกลางเชลซีโดน ประกบติดมันก็เลยเป็นที่มาของการบังคับทางอ้อม ให้ผู้เล่นเชลซีต้องสาดบอลยาวใส่กำแพงเหล็กของทีมเยือน สาดไปแล้วก็เด้งกลับมาหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งจาก Press Box ที่ผมนั่งอยู่ก็เห็นชัดครับว่าบิ๊กฟิล สโคลารี่นั้นหงุดหงิดมากทีเดียว ที่ปากเปียกปากแฉะบอกนักเตะว่าให้เน้นบอล เรียดกับพื้นแต่นักเตะไม่ฟังเลยตะบี้ตะบันโยนมันเข้าไปจนนักข่าวฝรั่งที่นั่งข้างๆ สองสามคนยังบ่นประหลาดใจที่เห็นเชลซีเล่นแบบนี้

มีจังหวะนึงฮามากครับ บิ๊กฟิลเรียกจอมทัพคู่บารมีอย่างเดโก้ไป กระซิบพึมพำอะไรไม่ทราบแต่ผมเดาว่าน่าจะกระซิบ ให้เล่นบอลกับพื้นมากขึ้น เดโก้ผงกหัวหงึกๆ เหมือนจะรู้เรื่องแต่ถัดไปอีกไม่กี่วิเท่านั้นครับ มิดฟิลด์เลือดฝอยทองได้บอลเสร็จ เพื่อนใกล้ๆ มีไม่จ่าย แกเลือกโยนยาวแล้วดันพลาดทำเอาบิ๊กฟิลนอตหลุดตะโกนออกมา "โอ้มายก็อด!" พลางส่งสายตาอาฆาตพยาบาทจนเดโก้ที่แอบเหลือบหน้า มามองเจ้านาย ถึงกับจ๋อยเลยทีเดียว ที่สอนอยู่ไม่ทันไรเอ็งเอาอีกแล้ว อ้ายเดโก้เอ้ยย !!??

มุมนึงก็เห็นใจนักเตะเชลซีนะครับที่โดนบีบจนเล่นบอล กับพื้นไม่ถนัด เพราะเซตบอลเข้าถึงจุดเข้าทำอันตรายทีไร ก็โดนแนวรับหงส์แดง ตามติดไม่ให้โอกาสตั้งป้อมยิงแถวสองหรือผ่านบอลสวยๆ ตามช่องเลย
การยืนตำแหน่งของแนวรับหงส์แดงนั้นทำการ บ้านมาได้ดีมากเชลซีเลยไม่มีทางเลือกต้องบอมบ์ให้ กองหน้าไปวัดดวงเอาอย่างที่เห็นและแผงหลังลิเวอร์พูลซึ่งนำโดยเจมี่ คาร์ราเกอร์และดาเนี่ยล แอกเกอร์ก็เหนียวซะ นี่ไม่รู้ว่ามาร์ติน สเคอร์เทลกลับมาจะเบียดตำแหน่งคืนได้มั้ย น่าสนใจครับ

เมื่อบุกแล้วเจาะไม่เข้าหน้าเป้าอย่างอเนลก้าโดนตัดออกจากเกม ผลการแข่งขันก็เลยออกมาอย่างที่เห็นเชลซีพ่าย ในลีกคาบ้านเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี...ปล่อยให้แฟนตัวเองเดินคอตกกลับบ้านโดยทันทีที่ฮาวเวิร์ด เว็บบ์เป่านกหวีดหมดเวลาการแข่งขัน มีแฟนเชลซีรายนึงวิ่งหลุดมาในสนามหวัง จะเล่นงานนักเตะหงส์แดงยังดีที่การ์ดของ สนามคว้าตัวไว้ได้ทันไม่อย่างนั้นเกมนี้ไม่ใครก็ใครสักคน ของทีมหงส์แดงอาจมีเจ็บตัว
ภาพแห่งความชื่นมื่นของเหล่าแฟนบอลเดอะค็อปที่ตาม มาเชียร์ถึงขอบสนาม จำนวนหลายพันคนในเกมนี้เดินออก จากสนามร้องรำทำเพลงอย่างมีความสุข ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาอ่อนๆ ประหนึ่งว่าวันเวลาแห่งความยิ่งใหญ่ของพวกเค้ากำลังจะมาถึงในเร็ววันนี้

นานเหลือเกินที่พวกเค้าไม่ได้สัมผัสแชมป์ลีก...ถึงเวลาหรือยังที่แฟนหงส์จะได้เดินฉีกยิ้มอย่างเต็มภาคภูมิเสียที ?

No comments: