Wednesday 15 October 2008

ปัญหายังคงมี...แต่อังกฤษจะฟัน 3คะแนน!


3 เกม 9 คะแนน ยิงไป 11 ตุง และนำเป็นจ่าฝูงแต่เพียง ผู้เดียว... ทุกอย่างดูสวยงามเส้นทางการ ไปฟุตบอลโลก ที่แอฟริกาใต้ดูเหมือน จะโรยไปด้วยกลีบกุหลาบ สำหรับผลงาน การคุมทีมของฟาบิโอ คาเปลโล่กุนซือเลือดอิตาเลียน
อย่างไรก็ดีหากมองกันลึกลง ไปอย่าลืมครับว่าคาซัคสถาน เป็นแค่ทีมอันดับ 131 ในฟีฟ่าแรงกิ้งเท่านั้น และบอกได้คำเดียวว่าห้ามประมาทเป็นอันขาด หากไม่อยากต้องช้ำใจอีก เพราะอย่างที่เรารู้กัน ทีมชาติอังกฤษยามชนะ ‘สื่อมวลชน’ ต่างก็ตีข่าวสรรเสริญ เยินยอซึ่งเป็นเรื่องที่ดี
แต่บางครั้ง...ไม่ใช่สิ ผมว่าหลายต่อหลายครั้งทีเดียวที่ ‘ยก’ กันซะลอยไม่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง จนทำให้แฟนบอลรวมถึงนักเตะเองเกิด อาการลืมตัวหลงเข้าใจว่าข้าเจ๋งข้าแน่ที่สุด จนมองข้าม ‘ปัญหา’ ของตัวเองไป หลังจบเกมวันเสาร์ก็มัวแต่พูดถึงประเด็น ‘โห่’ โคลคล้ำ

แต่คนนึงที่ผมว่าไม่ได้หลงดีใจไปกับชัยชนะในนัดนี้และกำลังปวดกบาลกับ ‘ปัญหา’ ที่เค้ามองเห็นอยู่ ก็คือตัวของฟาบิโอ คาเปลโล่ที่จนป่านนี้ก็ยังคิดไม่ตก ว่าจะส่งทีมลงเล่นด้วยระบบไหนแน่ ระหว่าง4-3-3 ที่เจ้าตัวเชื่อมั่นนักหนาว่าจะพาอังกฤษประสบความสำเร็จได้ หรือ 4-4-2 ฟอร์เมชั่นที่อังกฤษคุ้นเคยกันมานานดี

ในเกมกับคาซัคสถานครึ่งเวลาแรกที่อังกฤษลงไปเล่นด้วยระบบ 4-3-3 เห็นกันชัดเจนว่าไม่เวิร์ก และคาเปลโล่ก็รีบถอดแกเรธ แบร์รี่ซึ่งเล่นไม่ขี้เหล่ออกไปแล้วใส่ ‘ไอ้สั้น’ ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ลงไปแทน ในตำแหน่งปีกซ้าย และเล่นในระบบ 4-4-2 ซึ่งดูดีขึ้นผิดหูผิดตาทั้งการ หุบรูนี่ย์ไปยืนตรงกลางหลังเอมิล เฮยกีย์แล้วแดนหน้าสามารถ ประสานงานกันได้ดีขึ้น

ผลลัพธ์ก็คือ ‘หมูพลิ้ว’ กดไปคนเดียวสองประตูตอกย้ำ ชัดเจนว่ารูนี่ย์เหมาะ กับตำแหน่งหน้าต่ำในทีมชาติหาใช่เล่น ด้านกว้างซึ่งเหมือนเป็นการปิดโอกาสให้เจ้าตัวยิงประตู
ปัญหาที่สองซึ่งเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อกันมานานแรมปีก็คือ การจับคู่ในแดนกลาง ระหว่างสตีเว่น เจอร์ราร์ดและแฟรงค์ แลมพาร์ดซึ่งนัดนี้ก็น่า จะประจักษ์กันไปแล้วว่ายังคงดูติดขัดและ ไม่ไหลลื่นเหมือนคู่แลมพาร์ด-แบร์รี่ในนัด กับโครเอเชียที่อังกฤษโชว์ฟอร์มเทพไล่อัดไป 4-1

ไม่มีใครเถียงว่าแลมพาร์ดและ เจอร์ราร์ดต่างก็เป็นสอง สุดยอดมิดฟิลด์ตัวกลางที่ได้รับการยอมรับว่าใครก็อยากจะมีไว้ร่วมทีม เนื่องจากครบเครื่องและเด่นในการปั้นเกมรวมไปถึงยิงประตูได้ด้วย

แต่ทว่าธรรมชาติของทั้งคู่ไม่ใช่โฮลดิ้งมิดฟิลด์ และชอบที่จะวิ่งไปข้างหน้าเติมเกมรุกทำให้ทุกครั้ง ที่ได้จับคู่กันในทีมชาติ มักจะเกิดอาการ ‘กั๊ก’ บทบาทและความรับผิดชอบที่กุนซือ คนใดเข้ามาก็ยังแก้ปัญหาที่ว่านี้ไม่ได้

ล่าสุดในการหารือกันต้นอาทิตย์ที่ผ่านมาแว่วๆ มาว่าอังกฤษจะกลับไปเล่นในระบบ 4-4-2 โดยอาจโยกเจอร์ราร์ดไปยืนทางปีกซ้ายแล้ว ให้แลมพ์&แบร์รี่จับคู่ตรงกลาง โดยมีธีโอ วัลคอตต์เป็นปีกขวาตามเดิมซึ่งก็เข้าใจนะครับว่าคาเปลโล่เสียดาย ความสามารถอันเอกอุของเจอร์ราร์ด แต่บางครั้งเพื่อประโยชน์สูงสุดของ ส่วนรวมคาเปลโล่น่าจะตัดสินอะไรให้มันเด็ดขาดไปเลย อันนี้ไม่แน่เหมือนกันว่าเจ้าตัวอาจจะคิดไว้แล้วและอาจมีเซอร์ไพรส์เลือกดรอปใครสักคนก็เป็นได้ในเกมนี้

ส่วนกรณีของวัลคอตต์กับฟอร์มที่ยังไม่นิ่งใน ทีมชาติหลังเด่นแค่ครึ่งเวลาแรกในเกมล่าสุด และเหมือนเล่นเหมือนแบกความกดดันของคนทั้งชาติเอาไว้บนบ่าหลังทำแฮตทริกได้ก็ต้อง พยายามเข้าใจครับว่าเจ้าหนูธีโอเพิ่งจะอายุ 19 ปี เท่านั้น และแฟนบอลจะคาดหวังให้เจ้าตัวโชว์ฟอร์มเทพทุกนัดคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

สรุปก็คือจุดอ่อนอังกฤษยังคงมีให้เห็นอยู่ไม่ว่าจะเป็นระบบการเล่นที่ยังไม่ลงตัว การจับคู่ของหัวขิง-แลมพ์ยังไม่ได้รับการแก้ไข กองหลังที่ไม่มีเทอร์รี่ดูหลวม ซ้ำยังจะเสียแอชลี่ย์ โคลไปอีกในเกมนี้ ฯลฯ

อย่างไรก็ดีเบลารุสยังไม่ใช่คู่ต่อกรที่สมน้ำสมเนื้อและการไม่มีอเล็กซานเดอร์ เคล็บก็น่าจะทำให้เจ้าบ้านยวบไปเยอะในแนวรุก ดังนั้นบทสรุปของผมก็คืออังกฤษจะได้ 3 คะแนนค่อนข้างแน่โดยมีข้อแม้ว่าห้ามประมาทเจ้าถิ่นเป็นอันขาดครับ

No comments: