เบื้องหลังเกม อังกฤษ VS คาซัคสถานที่นิวเวมบลีย์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ไฮไลต์ชัยชนะอันท่วมท้นและ 3 แต้มล้ำค่าถูกบดบังด้วยประเด็น โห่ 'โคลคล้ำ'
วัฒนธรรมการดูฟุตบอลที่พ่อ แม่ พี่น้อง บุคคลในครอบครัวต่างก็มีส่วนหล่อหลอมให้ชาวอังกฤษแทบทุกคนเติบโต มากับการดูฟุตบอลการตามเชียร์สโมสรทีมรัก ของตัวเองจนกลายเป็นว่าฟุตบอลอยู่ในสายเลือด หายใจเข้า-ออกเป็นฟุตบอล
ไม่ใช่แค่เฉพาะในทีมชาตินะครับ ที่สโมสรฟุตบอลอยู่ได้จริงๆ แต่แรกเดิมทีนั้นกลุ่มคนชาวบ้านเหล่านี้มิใช่หรือที่เข้ามา กำลังใจทีมในสนามอยู่ทุกอาทิตย์แต่ภายหลัง ผมรู้สึกสะเทือนใจแทนแฟนบอลท้องถิ่นครับ ที่ความสำคัญของพวกเค้าถูกลดค่าลงไป หลังองค์กรหรือสโมสรต่างก็เบนไปให้ความสำคัญ กับแฟนบอล นอกประเทศมากกว่าสืบเนื่องมาจากการที่ ฟุตบอลอังกฤษกลายเป็นแบรนด์ระดับโลกในยุคตลาดเสรีแบบนี้ รายได้จากกลุ่มคนเล็กๆในประเทศจึงดูขี้ปะติ๋วไปเลยในชั่วโมงนี้
หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างสมาคมฟุตบอลอังกฤษ(เอฟเอ) ฟาบิโอ คาเปลโล่กุนซือรวมทั้ง ริโอ เฟอร์ดินานด์กัปตันทีมในเกมนี้ต่าง ก็ออกมากางแขนปกป้องแอชลีย์ โคล รวมถึงยังประณามการกระทำ ของแฟนบอลกลุ่มเล็กๆนี้ว่าเป็นการกระทำที่ บ้าคลั่ง
จังหวะนั้นหาก ได้ชมกัน แอชลีย์ โคลก็ผิดจริงที่ดูดบอล ลงมาอย่างเทพแต่ดัน ตื่นตูมžไปเองรีบกระดกบอลเด้งดึ๋งๆ กลับไปหน้ากรอบเขตโทษตัวเองปล่อยให้ ชามบิล คุเคเยฟ วิ่งเข้าไปล่อเป้าเดวิด เจมส์โล่งๆ ทั้งที่เจ้าตัวมีชอยส์เลือก ทำได้ตั้งเยอะแยะในจังหวะนั้นเช่น ส่งบอลเรียดให้เพื่อนเล่น ต่อหรือหากไม่แน่ใจว่ามีใครวิ่งเข้าข้างหรือเปล่า ก็เคลียร์บอลทิ้งมันเองไปเลย ไม่ใช่สองจิตใจแบบนี้
จริงอยู่ว่าการ 'โห่'ใส่นักเตะทีมตัวเองนั้นดูเป็นการทำลายขวัญและ กำลังใจของนักเตะคนนั้นๆที่เป็นผู้ถูกกระทำ แต่โดยส่วนตัวถามว่าแฟนอังกฤษผิดมากมั้ยที่ทำแบบนี้... ผมมองว่าก็ผิดแต่พวกเค้าก็มีสิทธิ์ที่จะ ออกสิทธิ์ออกเสียงหากไม่พอใจไม่ใช่หรอครับ ?
อย่าลืมว่าแฟนบอลกลุ่มเล็กๆกลุ่มนี้ในสโมสรอาจเป็นแฟนบอลอาร์เซนอล ที่ยังถือโทษโกรธแค้นแบ็กผิวสี ที่หน้าเงินย้ายทีมข้ามฝากไปอยู่กับคู่แข่งอย่างเชลซีซึ่งถือเป็นอริตัวฉกาจในลอนดอน
ครั้งนึงนานมาแล้วหากยังพอจำกันได้เทพเจ้าลูกหนังของชาวอังกฤษอย่าง เดวิด เบ็คแฮม ก็เคยโดนแฟนบอลอังกฤษเกลียดขี้หน้ามาแล้วโทษฐานที่ดันไปเสียบหนักใส่ดิเอโก้ ซิเมโอเน่จนโดนใบแดงไล่ออกจากสนามและอังกฤษตกรอบฟุตบอลโลกปี 1998 ที่ฝรั่งเศสไปอย่างน่าเสียดาย
ครั้งนั้นเบ็คแฮมกลายเป็น แพะรับบาปžของคนทั้งชาติจนเกือบเสียผู้เสียคน ยังดีที่ได้บรมกุนซือ อย่างเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันคอยหนุนหลัง และให้กำลังใจจนเจ้าตัวลุกขึ้นมาสู้และภายหลังก็สถาปนา ตัวเองเป็นกัปตันทีมชาติที่มุ่งมั่นและ เป็นที่รักของแฟนบอลอังกฤษจวบจนทุกวันนี้
'รักมากก็เกลียดมาก'น่าจะเป็นนิยาม ที่เหมาะสมกับแฟนบอลอังกฤษมากที่สุด หากเราย้อนกลับไปดูกรณีของ โซล แคมป์เบลที่กลายร่างจาก King of the lane กลายเป็นจูดาสžเพียงชั่วข้ามคืน หรือ เดวิด เบนท์ลีย์ก็โดนโห่จากการปฏิเสธเล่นให้ทีมชาติรุ่นยู 21 เพียงเพราะอยากพักผ่อน
อย่าลืมว่า Passion ของแฟนบอล อังกฤษแท้ๆนั้นรุนแรงมากจนน่ากลัว ผมเองหากไม่ได้มาอยู่ที่อังกฤษคงไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนี้...
ผู้คนที่นี่ สามารถนั่งจิบเบียร์คุยกัน สนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับฟุตบอลได้เป็นวันๆกับคนแปลกหน้า โดยไม่มีเบื่อไม่เว้นแม้แต่กับเอเชียอย่างผมที่มาแรกๆก็แปลกใจที่นั่งดูบอล อยู่ที่ผับก็มีอิงลิชแมนรายนึงเข้ามาชวนคุย เรื่องฟุตบอลจนแทบจะไม่เป็นอันดูเกมที่ถ่ายทอดสดเพราะมัวแต่คุยกับแก
วัฒนธรรมการดูฟุตบอลที่พ่อ แม่ พี่น้อง บุคคลในครอบครัวต่างก็มีส่วนหล่อหลอมให้ชาวอังกฤษแทบทุกคนเติบโต มากับการดูฟุตบอลการตามเชียร์สโมสรทีมรัก ของตัวเองจนกลายเป็นว่าฟุตบอลอยู่ในสายเลือด หายใจเข้า-ออกเป็นฟุตบอล
ฉะนั้น ความรักที่มีต่อเกมลูกหนัง จนมันแรงกล้ากลายเป็น Passionหรือ แปลเป็นไทยได้ว่า ความรัก ความปรารถนาที่รุนแรงและแรงกล้าทำให้การแสดงออกหลายๆครั้งของแฟนบอล นั้นออกจะรุนแรงไปบ้าง เช่น การยกพวกตีกันของ ฮูลิแกนลูกหนังซึ่งหากใครได้ดูหนังเรื่อง Green Street หรือ Football Factory คงจะเข้าใจความรู้สึกที่แฟนบอลมีต่อทีมที่พวกเค้ารักได้มากขึ้นครับว่า ฟุตบอลกับไลฟ์สไตล์ที่นี่นั้นเป็นเรื่องที่ยากจะแยกออกจากกัน
เกมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมายอดแฟนบอลอังกฤษกว่า 89,107 คนในสนามน่าจะตอบคำถามเรื่อง ความรักชาติ (Patriotism) ว่ามีมากขนาดไหนได้เป็นอย่างดีเพราะแม้คู่แข่งจะมีศักดิ์เป็นแค่สมันน้อยž ที่คงไม่รอดเขี้ยวของสิงโตคำราม แต่แฟนบอลก็ยังอุตส่าห์เข้าไปชมเกมจนเกือบ เต็มสนามแบบนี้คือเรื่องที่เอฟเอและนักเตะแข้งทอง ทั้งหลายควรพึงสังวรณ์ไว้ครับว่า ถ้าไม่มีกลุ่มแฟนบอลที่รักทีมเหนียวแน่นขนาดนี้ พวกเค้าจะหาเงิน 2.5 ล้านปอนด์เข้ากระเป๋าได้ง่ายดายกว่านี้คงไม่มีแล้วในช่วงเศรษฐกิจกำลังซบเซา
ไม่ใช่แค่เฉพาะในทีมชาตินะครับ ที่สโมสรฟุตบอลอยู่ได้จริงๆ แต่แรกเดิมทีนั้นกลุ่มคนชาวบ้านเหล่านี้มิใช่หรือที่เข้ามา กำลังใจทีมในสนามอยู่ทุกอาทิตย์แต่ภายหลัง ผมรู้สึกสะเทือนใจแทนแฟนบอลท้องถิ่นครับ ที่ความสำคัญของพวกเค้าถูกลดค่าลงไป หลังองค์กรหรือสโมสรต่างก็เบนไปให้ความสำคัญ กับแฟนบอล นอกประเทศมากกว่าสืบเนื่องมาจากการที่ ฟุตบอลอังกฤษกลายเป็นแบรนด์ระดับโลกในยุคตลาดเสรีแบบนี้ รายได้จากกลุ่มคนเล็กๆในประเทศจึงดูขี้ปะติ๋วไปเลยในชั่วโมงนี้
ส่วนนึงผมคิดว่า ค่าตั๋วฟุตบอลที่สูงขึ้นในแต่ละปีก็มีส่วนทำให้แฟนบอล มีอารมณ์ฉุนเฉียวง่ายขึ้นและความอดทนที่จะรอคอยต่อความสำเร็จนั้นเริ่มจะน้อยลง สวนทางกับราคาค่าตั๋ว...
อารมณ์เกลียดชัง ความเครียด ความรัก หรือ อาการผิดหวังมีเพียงเส้นบางๆกั้นอยู่ หากแต่กรณีโคลคล้ำโดนโห่นี้ ผมเชื่อนะครับว่า เกิดจากอาการผิดหวังไม่อยากเห็นทีมรักผิดพลาดง่ายๆและเสียประตูหมูหกแบบนี้ และหากแอชลีย์ โคลที่ฟอร์มกำลังฮอตสุดๆในสโมสรก้มหน้าก้มตาเล่นเพื่อเอาใจชนะใจแฟนบอลอังกฤษ อีกไม่นานเกินรอครับเค้าก็จะกลายเป็นขวัญใจมหาชนอย่างที่ครั้งนึง เดวิด เบ็คแฮมพิสูจน์กันให้เห็นไปแล้ว
'เสียงโห่' จากแฟนบอลกลุ่มเล็กๆอาจดูว่าป่าเถื่อน ไม่ให้เกียรติทีมตัวเอง แต่หาก FA มองอีกมุมนึงก็ต้องเข้าใจหัวอกแฟนบอลที่รักชาติสุดๆกลุ่มนี้ด้วยนะครับ
1 comment:
ขอบคุณมาก ๆ นะครับ สำหรับบทความดีๆ
Post a Comment