Wednesday 22 October 2008

ผจญภัยที่แมนเชสเตอร์ (ตอน 1)

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมดีดตัวเอง ออกนอกกรุงลอนดอน เป็นครั้งแรกนับ ตั้งแต่ฟุตบอลพรีเมียร์ชิพ ฤดูกาลนี้เปิด ฉากขึ้น โดยงานนี้มุ่งหน้า ขึ้นเหนือ สู่เมือง แมนเชสเตอร์เพื่อชมเกมคู่ แมนฯยูไนเต็ด-เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยนที่แข่งกัน ไปวันเสาร์ที่ผ่านมา

"จี" และ "โจ" คือเพื่อนร่วมทริปนี้และ ทั้งคู่เป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้ผมตัดสินใจ ออกเดินทางอีกครั้งนึง ทั้ง ๆ ที่วันเดียวกัน ก็มีคู่ที่น่าสนใจกว่าใน ลอนดอนอย่างอาร์เซนอลพบเอฟเวอร์ตัน เราสามคนมีจุดหมายปลายทาง ที่ต่างกันไปในการมาเยือนดินแดน "เดอะเธียเตอร์ออฟดรีม" แห่งนี้...

"จี" ลูกอาเสี่ยเจ้าของกิจการนวดแผนโบราณที่เมืองไทยเป็นแฟนเชลซีมานาน และกำลังจะกลับเมืองไทยกลางเดือนหน้าจึงอยากไปดูสนาม ของทีมคู่ปรับสำคัญว่าจะยิ่งใหญ่อลังการขนาดไหน
ส่วน "โจ" เด็กแนวแฟนผีแดงเพิ่งมาอังกฤษได้ไม่นาน มีความฝันอยากจะไปโอลด์ แทรฟฟอร์ดเพื่อบรรลุการเป็น เด็กผีให้สมบูรณ์แบบการเป็นสาวกพันธุ์แท้และ ผมนักข่าวฟุตบอลที่เกลียดผีแดงอย่างกับขี้ (เนื่องจากชอบใช้เงินกวาดนักเตะสเปอร์สไปเข้าเล้า!!) เกิดมายังไม่เคยไปเหยียบสนามแห่งนี้เช่นกัน การมาเยือนสักทีไม่ให้เสียชาติเกิด ประกอบกับการได้มีเพื่อนร่วมเดิน ทางอีกต่างหากทริปนี้ จึงพอหยวนได้ครับ ^^
การเดินทางของเราสามคนก็เริ่มต้นที่สถานีรถไฟ Euston, London โดยแพลนของเราในครั้งนี้ก็คือจะไปดูบอลที่แมนฯยูฯก่อนค้างแรมที่นั่น 1 คืน ก่อนที่วันรุ่งขึ้นจะไปลิเวอร์พูลซึ่งไม่ไกลมากจากแมนเชสเตอร์ (ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.โดยรถโค้ช) เพื่อท่องเที่ยว+เยี่ยมชมสนามแอนฟิลด์ของลิเวอร์พูลและกูดิสัน ปาร์คของเอฟเวอร์ตันให้คุ้มค่าเวลาและเม็ดเงินที่เราเสียไปกับค่าเดินทางให้ได้มากที่สุด


เราออกจากลอนดอนเวลาประมาณ 11 โมงเช้าและนั่งรถไฟ National Express ไปถึงเมืองแมนเชสเตอร์เวลาประมาณบ่าย 3 โมงตรง เกมคู่นี้นั้นเริ่มเวลา 5 โมงครึ่ง แม้จะไม่ทันการเดินทัวร์พิพิธภัณฑ์อย่างที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก แต่ก็ยังเพียงพอสำหรับการเดินเล่นรอบสนามรวมถึงเมกะสโตร์เพื่อ ให้นายโจสวมวิญญาณเลือดเศรษฐีเดือด กระหน่ำช็อปของฝากกลับลอนดอน

บรรยากาศรอบๆ สนาม ยิ่งใกล้ถึงเวลาคิกออฟเท่าไร ไม่ทราบว่ากองเชียร์ได้ไหลกันมาจากไหนเยอะแยะเดิน กันเบียดกันให้เต็มไหนเต็มหนึ่งแม้คู่แข่งจะเป็นแค่เวสต์บรอมฯ ที่ศักดิ์และศรีเป็นรองสุดกู่แต่นี่แหละครับคือ สโมสรที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นที่รักของแฟนบอลทั่วทุกมุมโลก

Press room และ Press Box ที่นี่ผมโดนใบสั่งจากรีเซฟชันสาวหน้าประตูว่า "กรุณางดใช้กล้องถ่ายรูปข้างในนะคะ" หลังเห็นผมถือเจ้ากล้อง Nikon D-40x อยู่กับมือทำเอาผมถึงกับเซ็งอารมณ์อยากจะเก็บภาพข้างในมาฝากท่านผู้อ่านแต่ก็อด เอาเป็นว่าคราวหน้าถ้าได้มาจะแอบชักภาพมาให้ได้ครับ สัญญา !

สำหรับรูปเกมอย่างที่ทุกท่านคงได้ทราบผลกันไปแล้วว่าผีแดงกดไปเน้นๆ 4-0 แม้ว่าในครึ่งแรกจะโนสกอร์เจาะไข่แดงทีมเยือนไม่ได้ก็ตาม เนื่องจากแนวรับของเวสต์บรอมฯ นั้นยืนกันได้เป็นระบบระเบียบดีมาก ส่วนนึงต้องชมการวางหมากของโทนี่ โมว์เบรย์ที่สามารถต้านทานแนวรุกมหาประลัยของทีมปิศาจแดงเอาไว้ได้ถึง 55 นาที อย่างไรก็ดีแมนฯยูฯก็ยังเป็นทีมที่มี Winning-Mentality หรือความกระหายของนักเตะที่จ้องจะเอา 3 คะแนน ให้ได้ทุกๆ นัดที่ลงสนามและการไม่เคยผ่อนเกม ถอนคันเร่งจนกว่าจะสิ้นสุดเสียงนกหวีดจากกรรมการ

สิ่งนี้แหละครับจำเป็นที่สุดสำหรับแชมเปี้ยนในกีฬาทุกประเภท เพราะเราไม่สามารถชะล่าใจหรือประมาทคู่แข่งได้เลยแม้เสี้ยววินาทีเดียว หากเค้า/เธอ หรือทีมทีมนั้นต้องการที่จะ ประสบความสำเร็จในบั้นปลายของการแข่งขัน

นั่นคือสิ่งที่ "บิ๊กโฟร์" แตกต่างและพิเศษกว่าทีมอื่นๆ ในลีก...

เกมนี้ก็เช่นเดียวกันพลพรรคปิศาจแดงแสดง ให้เห็นถึงความลงตัวของทีมที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ได้คริสติอาโน่ โรนัลโด้กลับมาฟิตลงสนาม และดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟเริ่มมองตาก็รู้ใจกับเวย์น รูนีย์หัวหอกฟอร์มฮอตที่สุดในเกาะอังกฤษเวลานี้

"เหนือฟ้ายังมีฟ้า" คือสิ่งที่ผมกลัวแทนเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันเนื่องจากในวันเดียวกันเชลซีของหลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ซึ่งมีนักเตะเจ็บกันเป็นเบือกลับไม่ได้มีเอฟเฟกต์ใดๆ กับผลการแข่งขันเลย แม้ต้องออกไปเป็นทีมเยือนและไล่กะซวกมิดเดิลสโบรห์ไส้แตกคาบ้าน 5-0 ประกาศศักดาการเป็นแคนดิเดตหมายเลขหนึ่งในการขอแย่งแชมป์ลีกคืนจากแมนฯยูไนเต็ดแบบเต็มตัว

ครับ เกมที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดจบลงไปด้วยความชื่นมื่นของแฟนผีแดงกว่า 7 หมื่น 5 พันคน แต่การเดินทางของผม จี และ โจยังไม่จบเนื่องจากต้องค้างแรมกันที่แมนเชสเตอร์ เราไม่ได้บุ๊กโรงแรมกันมาล่วงหน้าจึงแวะพักท้องกันที่ร้าน KFC แถวสนามก่อนคุยกันว่าจะออกเดินล่าหาโฮเต็ลถูกๆ ที่ไม่ไกลจากโค้ชสเตชันกัน เพราะรุ่งขึ้นมีคิวต้องไปทัวร์ลิเวอร์พูลกันต่อ

ชิวครับ ยังชิวได้อีกเพราะนาทีนั้นไม่คิดว่าตัวเองกำลังจะต้องตกระกำลำบากเดินแบกกระเป๋าหนักๆ เป็นหลายกิโลหาโรงแรมเกือบทั้งคืน !!!

เชื่อมั้ยครับว่าคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาโรงแรม ในตัวเมืองแมนเชสเตอร์เต็มเกือบหมด ที่พอจะเหลือก็เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้น และราคาก็มหาโหด 200 ปอนด์อัพ เดินวนไปวนมาอยู่ร่วมชั่วโมงเศษ อากาศยิ่งดึกยิ่งหนาว+แรงเริ่มหมดเราจึงตัดสินใจ เรียกแท็กซี่โดยก่อนขึ้นก็ถามว่าพอจะรู้จักโรงแรมถูกๆ ย่านชานเมืองแมนเชสเตอร์บ้างมั้ย

"โอเช ขึ้นมาเลยพ่อหนุ่ม ไอพอจะรู้ที่พักถูกๆ เดี๋ยวไอจัดห้าย" โอ้ โล่งอกครับ ผมและเพื่อนๆ กระโดดขึ้นแค็บดำแบบไม่ลังเลถึงค่าใช้จ่ายที่เริ่มบานปลาย (ออกจากสถานีรถไฟตอนขาไปสนามก็นั่งแท็กซี่โดนไป 8 ปอนด์ แบบว่าอยากถึงสนามเร็วๆ วัยรุ่นใจร้อน^^)

ขับไปขับมาตาลุงนี่ไม่รู้ขับอ้อมหรือเปล่าพวกเราชักเสียวจึงถามไปว่า "ลุงฮะ อีกไกลมั้ย"
"ไม่กี่ไมล์หรอกไอ้หนู" ชิบหายแล้วสิครับตาลุงมันพาออกนอกตัวเมืองซะไกลแบบนี้ ถ้าขืนไม่ได้โรงแรมจะกลับเข้าเมืองยังไงวะเนี่ย ??!! ในใจผมเริ่มร้อนรุ่มแต่ยังนิ่งไม่อยากทำให้จีและโจที่เงียบไปเลย เสียขวัญ

ลุงคนนี้มาปล่อยเราที่หน้าโรงแรมจิ้งหรีดแห่งนึงครับ บอกว่าหัวมุมถนนมีโรงแรมถูกๆ อีกสองสามที่ ลองเดินหาดูคิดว่าน่าจะมีห้องว่าง จ่ายตังค์โดดลงรถเรียบร้อยปรากฏว่าเคราะห์ซ้ำกรรม ซัดโรงแรมจิ้งหรีดสภาพเก่าๆ ก็ยังทะลึ่งเต็มหมด!
มองหน้ากันเลิ่กลั่ก แล้วจังหวะนี้ ทั้งเหนื่อย ทั้งหนาว ทั้งหมดแรงปนท้อใจไม่รู้จะซุกหัวนอนที่ไหนดีพอดีว่า ระหว่างทางที่นั่งมาเราเห็นร้านอาหารไทยชื่อร้าน Thai Banana ระดมความกล้ากันเฮือกสุดท้ายดีกว่าไม่มีที่นอน จึงตัดสินใจกันว่าจะเดินเข้าไปถามเผื่อว่าจะได้คำแนะนำอะไรบ้างจากคนไทยในต่างแดนด้วยกันแบบนี้...

ป.ล.เนื้อที่หมดไว้จะมาต่อพรุ่งนี้นะครับว่าคืนนั้นเราไปลงเอยกันที่ไหนและทริปที่ลิเวอร์พูลจะเป็นเช่นไร โปรดติดตามครับ : )

1 comment:

Anonymous said...

ขอบคุณมาก ๆ นะครับ