Wednesday 7 January 2009

ความซื่อสัตย์

ว่ากันว่าคุณค่าของการเป็นมนุษย์ชั้นประเสริฐ อย่างนึงนั้นคือการเป็นคนรู้จัก "บุญคุณ" คน และตอบแทนข้าวแดงแกงร้อนของผู้มีพระคุณ

บุตรอาจตอบแทนบิดา มารดาที่ช่วยดูแลประคบ ประหงมกันมาตั้งแต่แบเบาะ ส่งเสียเล่าเรียน จนเติบใหญ่ทำงานเข้าสังคมด้วยการดูแลเอาใจใส่ ให้ความรักเมื่อท่านแก่ตัวลง, พนักงาน/ลูกจ้างทั้งหลาย แหล่ก็เช่นกันเมื่อเจอนายจ้างดีๆ ก็ควรทำงานกับให้สมกับ "ค่าแรง" ที่ตนเองได้รับและ ซื่อสัตย์สุจริตต่อองค์กรทั้งต่อหน้าและลับหลัง

"นักฟุตบอล" และ "สโมสร" ก็เป็นอีกหนึ่งความสัมพันธ์ที่ผมอยากจะพูดถึงในวันนี้...

มกราคมปี 2007 เจอร์เมน เดโฟกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัด น่าเห็นใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อต้องเป็นตัวเลือกอันดับที่ 3 ในตำแหน่งสไตรเกอร์ของสเปอร์สรองจากดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟและร็อบบี้ คีน ซึ่งจับคู่ถล่มประตูกันเป็นล่ำเป็น สันจนไม่มีที่ว่างให้หนึ่งในตัวจบสกอร์ที่ดีที่สุด ของวงการฟุตบอลอังกฤษลงสนามพิสูจน์ฝีเท้า

ทุกครั้งที่ได้โอกาสแม้หัวหอกซาไกจะทำผลงานได้ไม่ขี้เหร่ แถมยิงประตูสำคัญให้ทีมของฆวนเด้ รามอสได้อยู่เรื่อยๆ แต่นั้นก็ไม่ดีพอ ที่จะทำให้เค้าเป็นหนึ่งในสิบเอ็ดคนแรกของสเปอร์สในช่วงนั้น จนกระทั่งปอร์ทสมัธภายใต้การกุมบังเหียนของแฮร์รี่ "ฮูดินี่" เรดแนปป์เล็งเห็นว่า เดโฟอดีตศิษย์โปรดที่เวสต์แฮม ไม่มีความสุข กับชีวิตค้าแข้งในถิ่นไวท์ฮาร์ทเลนเอาเสียเลย พ่อแท้ๆ ของเจมี่ เรดแนปป์ (อดีตดาวเตะลิเวอร์พูลและ สเปอร์สปัจจุบันเป็นผู้วิเคราะห์เกมทางช่อง Sky Sport) จึงตัดสินใจยื่นมือเค้ามาช่วยชุบชีวิตนักฟุตบอล ไซซ์เล็กพริกขี้หนูเชื้อ สายเซนต์ลูเซีย&โดมินิกัน แต่เกิดที่ลอนดอนรายนี้ไปร่วมกันอีก ครั้งที่ปอร์ทสมัธทีมขนาด กลางซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของ ประเทศอังกฤษ

ให้เห็น 8 ประตูจาก 7 เกมแรกภายใต้ชายคาแฟรตตัน ปาร์คทำให้ชื่อของเจอร์เมน เดโฟฮอตฮิตติดลมบนกลาย เป็นขวัญใจของแฟนๆ เดอะปอมปีย์แทบจะทันที และซัมเมอร์ที่ผ่านมาเรดแนปป์โชว์บารมีโค้ช ผู้คร่ำหวอดและ ได้รับการยอมรับในฝีไม้ลายมือมาก ที่สุดคนนึงในวงการฟุตบอลอังกฤษด้วย การกระชากปีเตอร์ เคราช์ "ส่วนเกิน" ในทีมหงส์แดงมาประสานงาน จับคู่กับเดโฟผลัดกันยิงประตูกรุยทาง สู่แคมป์ทีมชาติอังกฤษเติมเต็ม "ความฝัน" ที่ขาดหายไปนานของทั้งคู่อีกครั้ง

การกลับมาเฉิดฉายในเส้นทางค้าแข้งอีกครั้ง ของเดโฟแน่นอน ว่าส่วนนึงต้องให้เครดิตแฮร์รี่ เรดแนปป์ผู้ทำให้ "ดีล" นี้เกิดขึ้น... อย่างไรก็ดีก็ต้องขอบคุณปอร์ทสมัธและปีเตอร์ สตอร์รี่ CEO ของทีมเช่นกันที่ไฟเขียวอนุมัติให้เรื่องผ่านพ้นไปด้วยดี

ชั่วโมงนี้เรดแนปป์สลับขั้วมานั่งแท่นเป็น กุนซือสเปอร์สและ กำลังจะเปิดตัวเจอร์เมน เดโฟขวัญใจคนใหม่แต่หน้าเดิม ในถิ่นไวท์ฮาร์ท เลนในช่วงบ่ายวันอังคาร (เวลาอังกฤษ) หากไม่มีอะไรผิดพลาด ในการตรวจร่างกายช่วงเช้า

ถามว่าเรื่อง "บุญคุณ" และ "ความซื่อสัตย์" ที่นักฟุตบอลเคยมีมากล้น มหาศาลเหลือเกิน ต่อสโมสรต้นสังกัดในอดีตได้สูญสิ้น ไปหมดแล้วใช่มั้ย? นักเตะสักคนที่สามารถอยู่โยงกับสโมสร ได้ตลอดชีวิตเหมือนที่ไรอัน กิ๊กส์, แกรี่ เนวิลล์, พอล สโคลส์ หรือยุคเก่าหน่อยอย่างแมทธิว เลอ ทิสซิเอร์ยังจะมีให้เห็นอยู่อีกรึเปล่า ?

เคสนี้เราสามารถ โยงได้กับกรณีของสจ๊วร์ต ดาวนิ่งที่ร่ำๆ อยากย้ายออกจาก มิดเดิลสโบรห์ทั้ง ที่เพิ่งต่อสัญญายาวกันออกไปเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา, โรบินโญ่เคยร้องห่มร้องไห้ขอย้ายออกจากเรอัล มาดริด หรือคริสติอาโน่ โรนัลโด้ที่หวังใช้ทีมปีศาจแดงเพื่อเป็นบันไดเพื่อต่อยอด ความฝันตัวเองในการค้าแข้งกับทีมราชันชุดขาว ฯลฯ (ไม่ขอนับปัญหาล่าสุดระหว่างคาร์ลอส เตเบซกับแมนฯยูฯนะครับ เพราะผมมองว่าเป็น ทีมผีแดงเองมากกว่าที่ "เล่นแง่" และต้องการเฉดหัวหอก อาร์เจนไตน์พ้นทีม)

อย่างไรก็ดีแม้ผมจะเข้าใจดีว่าการโยกย้ายตัวของ นักเตะเพื่อเติมเต็มความฝันส่วนตัวเป็น กฎเกณฑ์และวัฏจักรของ "การเปลี่ยนแปลง" ซึ่งไม่อาจหลีกพ้นในวงการฟุตบอลยุคอะไรๆ ก็บิสิเนสแบบนี้ ทว่าก็อดใจหายไม่ได้จริงๆที่ต่อไปสโมสรจะเป็นเพียงแค่ "ทางผ่าน" ของใครบางคน...

1 comment:

Anonymous said...

ขอบคุณครับ