Tuesday 30 December 2008

เคาท์ดาวน์@ลอนดอน...งานใหญ่ท้ายปีที่หลายคนถวิลหา

ใกล้เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แบบนี้ทีไร...หวนทำให้ผมคิดถึงบรรยากาศจิบเบียร์เย็นๆหน้าลานเบียร์ห้างเซ็นทรัล เวิลด์และซีคอน สแคว์เหลือเกินครับเพราะช่วงที่อยู่เมืองไทยเข้าหน้าหนาวแต่ละปีเพื่อนฝูงเป็นต้องชักชวนกันไปจิบเบียร์ เชียร์บอล+เหล่หญิงบ้างตามประสานักศึกษามหาลัยที่ชอบเฮฮาสังสรรค์แบบผม

ครั้นมาอยู่ที่ประเทศอังกฤษด้วยอากาศที่มันหนาวเกือบทั้งปีอยู่แล้วอีกทั้งราคาเบียร์ต่อไพนท์(1 แก้วใหญ่) ก็ไม่ใช่ถูกๆตกแก้วละ3-4ปอนด์เป็นอย่างน้อยทำให้ผมกับน้องเบียร์ต้องห่างเหินกันไปจะมีบ้างตามงานพิเศษของเพื่อนอย่างวันเกิดหรือวันหยุดยาวๆจริงถึงจะได้‘ตักสุรา’ กันจนฟ้าสางและมานั่งเสียดายทีหลังทุกทีเพราะสตางค์เกลี้ยงกระเป๋าในตอนเช้า (ฮา)

ไม่กี่วันมานี่ผมเห็นหนังสือพิมพ์หลายฉบับเขียนถึง‘พฤติกรรมการดื่ม’ของลอนดอร์เนอร์แล้วตกใจครับเพราะว่าLondon Ambulance Service (LAS) หรือหน่วยพยาบาลเคลื่อนที่ของกรุงลอนดอนต้องทำงานกันหนักมากจนไม่มีเวลาหยุดฮอลิเดย์เหมือนอาชีพอื่นๆในช่วงคริสต์มาส-ปีใหม่เนื่องจากมีประชาชนโทรสายด่วนเข้ามาขอความช่วยเหลือกันเยอะมากโดยสาเหตุนั้นไม่ใช่เจ็บไข้ได้ป่วยเรื่องอุบัติเหตุแต่อย่างใด หากแต่โทรเรียกหน่วยพยาบาลเพื่อมาดูคนเมาที่อ้วกหรือหมดสติไปจนกลับบ้านไม่ได้จึงนอนหลับพริ้มกลางถนนบ้างตามสถานีรถไฟบ้างจนนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอนอย่างคุณบอริส จอห์นสันถึงกับสั่งให้มีการนำเตนท์พักฟื้นและHelping pointไว้ในสถานี Liverpool Street ขนาดนั้นเลยทีเดียว !

นึกแล้วก็ขำนะครับเพราะกลับกันหากเป็นประเทศไทยคงไม่มีใครหน้าไหนมาพาคุณไปนอนพักหรือปฐมพยาบาลหากเมาเสียสติแน่เผลอๆจะโดนจับเอา อันนี้ผมว่าผู้ว่ากทม.คนใหม่ของเราน่าจะนำไอเดียนี้ไปต่อยอดบ้างเพราะคนไทยเราช่วงหลังก็กินเหล้าเก่งไม่แพ้พวกคอทองแดงอย่างชาวอังกฤษซะเมื่อไร อิอิ
ก็ว่ากันไปนะครับสำหรับเรื่อง ‘ดื่ม’ที่เขียนมาก็ไม่ใช่อะไรอยากให้ดื่มกันแบบมีสติมี&ลิมิตกันนิดนึงใครที่ขับรถขับราก็ต้องระวังกันเพิ่มขึ้นอีกหน่อยเพราะหากตัวเองไม่เจ็บก็สงสารคนอื่นที่อาจต้องเป็น ‘เหยื่อเคราะห์ร้าย’ของความเลินเล่อเราบ้าง อย่าลืมว่าชีวิตคนเรามันแสนสั้นอยู่แล้วจะหาเรื่องให้มันสั้นเพิ่มทำไมถูกมั้ยครับ?

สำหรับ ‘ลอนดอนคอร์นเนอร์’ วันนี้อยากนำเสนอเรื่องราวของการเฉลิมฉลอง New Year Eve (วันที่31มกราคม) ของผู้คนที่นี้มาให้ได้อ่านกัน : )

อย่างที่ทราบกันดีนะครับว่า ‘ลอนดอน’ เป็นอีกหนึ่งเมืองใหญ่ของโลกที่ขึ้นชื่อเรื่องการจุดพลุเฉลิมฉลอง (Fireworks) ซึ่งอลังการงานสร้างเป็นอย่างมากตามประสาประเทศที่พัฒนาแล้วและนับตั้งแต่ปี2003เป็นต้นมาสถานที่ซึ่งขึ้นชื่อลือชาว่ามาอังกฤษแล้วควรจะไปสักครั้งในชีวิตก็คือการดูพลุไฟสีสันสวยสดความยาวประมาณ 10-15นาทีที่ริมแม่น้ำเธมส์ (Thames River) ตรงแถวๆหอนาฬิกาบิ๊กเบนและชิงช้าสวรรค์ลอนดอนอาย

ผมเองเคยมีประสบการณ์ตรงมาแล้วในปีก่อน บรรยากาศของงานนี้บอกตามตรงครับว่าประทับใจมั่กๆ...ยอดผู้ร่วมงานเกือบ2แสนคนที่ไปแม้หลายคนจะเมาปลิ้นแต่ก็ไม่มีลูกเกเรให้เห็นแถมพอถึงเวลาเคาท์ดาวน์นับถอยหลังเสียงนับ 9 8 7...ดังกระหึ่มน่าขนลุกมาก จนกระทั่งเข็มนาฬิกาสั้น-ยาวเดินทางมาแตะที่เลข12เท่านั้นเสียงโห่โร่แสดงความปลื้มปิติยินดีแถมคู่รักหลายรายก็โชว์สวีทให้เห็นด้วยการยืนกอดหรือจุมพิตกันท่ามกลางเสียงพลุไฟที่ดังขึ้น ดังขึ้นพร้อมเสียงเพลงที่ทางเทศบาลกรุงลอนดอน (Mayor of London) ตระเตรียมไว้ก็ถูกนำมาเปิด ‘บิ๊ว’ อารมณ์ให้งานนี้มีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ สำหรับปีนี้การเฉลิมฉลองที่ริมแม่น้ำเธมส์ก็จะจัดขึ้นตามปรกติแต่ที่ผมไปเช็คหาข้อมูลมาคาดว่าปีนี้พลุไฟอาจจะสวยเป็นพิเศษเพราะถือเป็นปีแรกที่อังกฤษยอมให้มีสปอนเซอร์รับหน้าที่จัดการแสง สี เสียงโดยงานนี้ LG ร่วมกับช่างทำดอกไม้ไฟระดับโลกอย่างคุณคริสตอฟ เบอร์ธอนโน (Christophe Berthonneau) และสำนักบริหารแห่งมหานครลอนดอนเป็น3ประสานผู้ดำเนินงานหลักของการเคาท์ดาวน์ในครั้งนี้

ไฮไลต์ของงานคร่าวๆจะมีบอริส จอห์นสัน นายกเทศมนตรีมหานครลอนดอนเป็นผู้อวยพรให้แก่ทุกคนด้วยการปรากฏตัวเป็นรูปภาพบนอาคารเชลล์ บิลดิ้ง (Shell Building) ริมฝั่งแม่น้ำเธมส์ผ่านการฉายภาพของเครื่องโปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกโดยคุณจอห์นสันได้คุยก่อนงานว่า

“เซ็นทรัลลอนดอนมีสุดยอดบาร์ ร้านอาหารและโรงแรมชั้นนำระดับโลกผมว่าไม่มีเมืองใดที่เหมาะจะจัดงานฉลองปีใหม่เท่านี้แล้วและการแสดงดอกไม้ไฟก็จะทำให้ผู้คนในอังกฤษและทั่วโลกตระหนักถึงความมีเสน่ห์และความสุขของมหานครแห่งนี้ โดยส่วนตัวแล้วผมอยากบอกให้นักธุรกิจทั่วโลกทราบว่าลอนดอนจะเปิดโอกาสครั้งสำคัญในการทำธุรกิจและใช้ชีวิตอย่างมีเอกลักษณ์ให้กับท่านแม้เศรษฐกิจโลกที่ซบเซาก็ไม่อาจลดคุณค่าของสถาปัตยกรรม, วัฒนธรรม, อาหารและผู้คน ในมหานครที่ยิ่งใหญ่ของโลกแห่งนี้ได้”

งานนี้ต้องมาดูครับว่าที่ท่านนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอนคุยเอาไว้ว่าจะอลังการงานสร้างสุดๆนั้นจะแจ๋วจริงอย่างที่ว่าหรือเปล่า?

อย่างไรก็ดีไม่ว่าจะเคาท์ดาวน์ที่แห่งหนตำบลใดบนโลกใบนี้ ‘การนับถอยหลังสู่ปีใหม่จะเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข หวังว่าทุกคนจะทิ้งปัญหาเรื่องหนักอกทั้งการเมืองที่วุ่นวายก็ดี เรื่องของเศรษฐกิจของปีที่ผ่านมาก็ดีไว้เบื้องหลังและเฉลิมฉลองให้กับปีใหม่ ที่สดใสและสวยงามกว่าเดิม’

‘Happy New Year’ ผู้อ่านที่เมืองไทยทุกคน+มีแต่ความสุขไร้ทุกข์โศก&พระคุ้มครองครับ: )

2 comments:

Anonymous said...

ขอบคุณครับ

Anonymous said...

Urteter nuytre: http://uznayavto.t35.com