Wednesday 24 December 2008

โอกาสทองของแมนฯยูฯ?

สะดุดขาตัวเองล้มอีกจนได้ ครับสำหรับเชลซี ของหลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่กลางดึกวันจันทร์ ที่ผ่านมาเมื่อทำได้แค่เสมอ กับเอฟเวอร์ตันที่กูดิสันน์ ปาร์คไป 0-0 ทั้งที่ก่อนเกมมีโอกาส ดีเหลือเกิน ที่จะฉกฉวย "โอกาส" ขึ้นเป็นจ่าฝูงแทนลิเวอร์พูล ที่ทำ ได้แค่เจ๊ากับอาร์เซนอล ไปเมื่อวันอาทิตย์

ตอนนี้ปัญหาของทีมสิงห์บลูผมว่าไม่ใช่เฉพาะ ความมั่นใจยามลงเล่นในบ้านตัวเอง อย่างเดียวแล้ว ละครับเพราะฟอร์มนอกบ้าน (นับเฉพาะในลีก) ที่เคยเป็น "จุดขาย" ชนะรวดมาตลอดตั้งแต่เดือน มีนาคมก็ถูกเบรกไปแล้ว เรียบร้อยท่ามกลางปัญหาอีกเป็นกระบุงตามมาทั้ง "ใบแดง" ของจอห์น เทอร์รี่ซึ่ง จะพลาดลงเล่น 3 เกมกับเวสต์บรอมวิช, ฟูแล่มและเซาธ์เอนด์

นอกจากนี้ผู้จัดการทีมอย่าง "บิ๊กฟิล" ก็มีโอกาสสูงเหลือเกิน ที่จะถูกลงโทษ จากสมาคมฟุตบอลอังกฤษเมื่อปรี่เข้าไปหาฟิล ดาวน์ในช่วงพักครึ่งและปากไวถามว่า "คุณไม่กลัวเหรอที่ไล่เทอร์รี่ออก ?" ซึ่งประเด็นนี้นอกจากจะถือเป็นการขู่แล้วยังเป็น การไม่ให้เกียรติผู้ตัดสิน+ขัดต่อแคมเปญRespect ของยูฟ่าที่รณรงค์กันมานานแบบเต็มๆ

เท่านั้นไม่พอหลังเกมกุนซือหนวดจิ๋มเลือด แซมบ้ายังทำตัวเพี้ยน หนักขึ้นไปทุกวัน ด้วยการไม่ยอมออกมาให้สัมภาษณ์ท้าย เกมซึ่งตรงนี้นักข่าวอังกฤษที่เดินทาง มาไกลถึงเมืองลิเวอร์พูลหลายคนถึง กับว่าเขียนเหน็บแนมว่า กุนซือเชลซีเป็น พวกขี้ขลาดตาขาวไม่กล้าตอบคำถามนักข่าว...

ประเด็นนี้จากประสบการณ์ตรงที่ได้ดูการให้สัมภาษณ์แบบสดๆ ใน "เพรสคอนเฟอเรนซ์" ของบิ๊กฟิลมาหลายต่อหลายครั้งผมรู้สึกเห็นใจ อดีตกุนซือทีมชาติบราซิลไม่น้อยครับ เพราะแต่ละเกมต้องโดน พวกนักข่าวฝีปากร้ายพากันยิงคำถามยากๆ ต้อนคนที่ไม่ได้ใช้ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ต้องจนมุมได้แต่นั่งยิ้มงงๆ หรือบางทีแกฟังได้ไม่เคลียร์เท่าไรแต่จากการที่เจ้าตัว พยายามสื่อสารออกไปก็ดันทะลึ่งไม่ตรงกับที่ใจคิดแบบเป๊ะๆ และหลายทีก็ถูกนำไปตีเป็นข่าว ที่บิดเพี้ยนทางความหมายและ ส่งผลต่อสถานการณ์ของทีมให้เลวร้ายแบบไม่จำเป็น

อย่างไรก็ดีแม้ผมจะเห็นใจกุนซือมาดชิวๆ ของเชลซีรายนี้แต่ส่วนนึงก็มองว่าแกพลาดพอสมควร ที่ไม่ส่งใครสักคน ออกมาตอบคำถามแทนเพราะการที่หายหัว กันไปหมดทั้งโค้ชและทีมงานแบบนี้ถือว่ายิ่งเป็นการตอกย้ำปัญหาภายในของ ทีมสิงห์บลูว่ามีมูลความจริงมากขึ้นทุกทีเพราะ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวเล็ดลอดออกมาว่านักเตะ ซีเนียร์ในทีมหลายรายอย่างจอห์น เทอร์รี่และแฟรงค์ แลมพาร์ดไม่ค่อยพอใจ วิธีการฝึกซ้อม ที่สบายจนเกินไป, ระบบ+ปรัชญาของทีมหรือความกังขาในตัวเดโก้ ที่หลายคนมองว่า มิดฟิลด์เล็กพริกขี้หนูรายนี้เป็น "เด็กเส้น" ในทีมเล่นไม่ดีแต่ก็ไม่โดนเปลี่ยนออก ฯลฯ

ส่วนกรณี "ย่ำอก" ของอเล็กซ์ภาพช้าที่ออกมา ถือว่ามีสิทธิ์ถูกแบนย้อนหลัง เยอะมากและหากเอฟเอเอาผิดขึ้นมาจริงๆ ปัญหาของทีมรองจ่าฝูง จะเข้าขั้นวิกฤติเลยทีเดียว เพราะกองหลังจะขาดทั้งเทอร์รี่, อเล็กซ์และริกกี้ คาร์วัลโญ่ที่ยังเจ็บโดย เซ็นเตอร์ฮาล์ฟจะเหลือเพียงบรานิสลาฟ อิวาโนวิช เพียงคนเดียวซึ่งไม่เพียงพอแน่นอน สำหรับโปรแกรมหนักช่วง "บ็อกซิ่ง เดย์" ลากยาวไป จนถึงต้นปีหน้า ไอ้การจะหวังลุ้นให้แข้งเชลซีงัด ฟอร์มดุออกมาเหมือนอย่างในช่วง ต้นฤดูกาลก็คงเป็นเรื่องยากเพราะอย่าลืมครับว่าช่วงนี้ "โมเมนตัม" ของทีมสิงห์บลูเริ่มกู่ไม่กลับแล้วอีกทั้ง Winning Mentality ที่เคยฝังรากอยู่ใน จิตวิญญาณนักเตะเชลซีชุดของโจเซ่ มูรินโญ่และอัฟรัม แกรนต์ก็เริ่มเจือจางและเหือดแห้งไปตามเวลา ชั่วโมงนี้จึงไม่มีทีมไหนที่จะแฮปปี้ ดิ๊ด๊ามากไปกว่าแมนฯยูไนเต็ดของป๋าเฟอร์กี้แล้วละครับ เพราะก่อนหน้าที่จะไปเตะบอลสโมสรโลกที่ญี่ปุ่นหลายๆ ฝ่ายเกรงกันว่าทีมผีแดง จะถูกทำแต้มทิ้ง ห่างออกไปไกล เมื่อกลับมาเล่นในเกม "บ็อกซิ่ง เดย์" อีกทีกับสโต๊ค ซิตี้วันที่ 26 ธันวาคมนี้

ที่ไหนได้ "บิ๊กทีม" ที่เหลือดันหยิบยื่นของขวัญวันคริสต์มาสอันล้ำค่าให้ทีม "แชมป์เก่า" ซะอย่างนั้น...อันนี้ต้องมาดูกันครับว่านักเตะปีศาจแดงจะฉกฉวยโอกาสเก็บ 6 คะแนนเต็มจาก 2 เกม ที่มีอยู่ในมือในการเจอสโต๊คและโบโร่ได้หรือไม่?

1 comment:

Anonymous said...

ขอบคุณมาก ๆ นะครับ สำหรับบทความดีๆ