วีกเอนด์ที่ผ่านมาหลังย้ายบ้านจัดของเสร็จ ผมก็รีบตรงดิ่งไปสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์เพื่อชมเกมลอนดอนดาร์บี้แมตช์ระหว่างเชลซี-เวสต์แฮมโดยที่ครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสดีอย่างยิ่งสำหรับพลพรรคสิงห์บลูที่จะ ทำแต้มแซงจ่าฝูงอย่างลิเวอร์พูลหากว่าเก็บชัยในนัดนี้ได้
ก่อนเกมนี้โดยส่วนตัวเชื่อมั่นครับว่าทีมสิงห์บลูน่าจะเก็บสาม คะแนนแบเบอร์เข้า กระเป๋าเพราะจันทร์ก่อน ที่ไปดูเวสต์แฮมลงเล่นในอัพตัน ปาร์คพวกเค้าแพ้แบบหมด รูปต่อสเปอร์สไป 0-2 เกมนี้ออกไปเยือนด้วยจึงไม่น่ารอดสันดอนด้วยประการทั้งปวง
อย่างไรก็ดี "ผลการแข่งขัน" ที่ปรากฏออกมามันไม่เป็นอย่างที่หลายคนคิด เมื่อพวกเค้าทำได้แค่เสมอ เวสต์แฮมไป 1-1 ตอกย้ำ "ปัญหา" ฟอร์มในบ้านที่ตอนนี้ชักจะกลายเป็น ปัญหาลุกลามใหญ่โตมากขึ้นทุกวัน
เกือบตลอดทั้งเกมนะครับที่ลูกทีมของหลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ทั้งบุกทั้ง นวดเวสต์แฮมอยู่นานสองนานแต่จังหวะทีเด็ดทีขาดนั้นไม่มี + โชคร้ายมาเสียประตูไปก่อนจากการโต้กลับ แทบจะ ครั้งเดียวในครึ่งแรกของเวสต์แฮมและเป็นเคล็ก เบลลามี่ที่เกมนี้ "ดีด" มากวิ่งไม่มีหมดยิงอัดเสาแรกเข้าไปอย่างเด็ดขาด
จากนั้นครึ่งเวลาหลัง "บิ๊กฟิล" ตัดสินใจส่งดิดิเยร์ ดร็อกบาลงมาเป็นหอกคู่พร้อมกับนิโก้ อเนลก้าดาวซัลโวของลีกและยิงได้เร็วครับเพราะเล่นไปได้ 6 นาที ก็ตามตีเสมอได้จากการประสานกันสามจังหวะจากมิเกล-ดร็อก-แลมพาร์ดแล้วส่งต่อให้อเนลก้าวิ่งมาปิดบัญชีเข้าไป ตามสไตล์อย่างไรก็ดีหลังจากนั้น พวกเค้าบุกแทบตาย แต่ไม่มีปัญญายิงทีมเยือน ซึ่งเกมนี้ผมเห็นได้ชัดว่า "จุดอ่อน" สิงห์บลูชุดนี้นอกเหนือจากความมั่นใจยามเล่นในบ้านแล้ว แผงมิดฟิลด์ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่หลายคนอาจยังมองไม่เห็นหรือไม่ได้สังเกต
กองกลางเชลซีชุดนี้หากดูรายชื่อ 11 คนแรก ที่ส่งลงมาเดโก้, บัลลัค, แลมพาร์ดและโอบี มิเกล สามรายแรกถือว่าอายุอานามแตะเลข 3 กันแล้วขณะที่จอห์น โอบี มิเกลแม้อายุน้อยแต่อย่าลืมว่าลงเล่นมาแทบทุกเกมให้ทีมฉะนั้นความล้า ความเหนื่อยอ่อนเริ่มจะเข้ามามีเอฟเฟกต์ทำให้แดนกลาง Spark หรือเร่งกันไม่ค่อยจะ ขึ้นในช่วงหลังซึ่งตรงนี้เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันเคยหยันทีมเชลซีชุดนี้เอาไว้แล้ว ว่าเป็นทีมที่อายุโดยเฉลี่ย ค่อนข้างสูงหากเทียบกับทีม ที่มีลุ้นแชมป์อยู่ด้วยกัน
ส่วนปัญหาเมนหลักอย่างฟอร์มในบ้านจากที่เคยแข็งแกร่งและ ยากที่จะเสียท่าให้ใครถึงเวลานี้เชื่อว่า ทีมที่มาเยือนไม่ได้เกรงกลัว พวกเค้าเหมือนอย่างเคยแล้ว...ที่สำคัญสภาพจิตใจ ของนักเตะเชลซีเอง ที่กดดันและพลาดกันไปเองอย่าง ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นกับทีมชุดนี้
นี่แหละครับอะไรที่ว่าแน่ๆ ก็ชักจะไม่แน่แล้ว สำหรับพรีเมียร์ชิพปีนี้ "บิ๊กโฟร์" ทุกทีมต่างก็มีปัญหาแตกต่างกันไป... กุนซือทีมไหนรู้ตัว + แก้ปัญหาได้ถูกจุดก่อน ทีมทีมนั้นน่าจะมีโอกาสเป็นแชมป์ในบั้นปลายสูงที่สุด
1 comment:
ขอบคุณมาก ๆ นะครับ
Post a Comment