Tuesday 23 December 2008

หงส์จะไม่ได้แชมป์เพราะขาด "Killer Instinct"

แฮปปี้ซันเดย์"...ลมเย็น ๆ แสงแดดอ่อน ๆ ของบ่ายวันอาทิตย์ที่ผ่านมาผมเดินทางไป สนามฟุตบอลทางตอนเหนือของกรุงลอนดอน ที่ทั้งใหญ่โต, สวยงามและเพียบพร้อมไป ด้วยสิ่ง อำนวย ความสะดวก มากมาย อย่างเอมิเรตส์ สเตเดี้ยมของ "ไอ้ปืนใหญ่" อาร์เซนอล

Wi-fi เร็วจี๊ด, อาหารของ Press ก็อร่อย ทุกอย่างสะอาด สะอ้านแถมรีเซฟชั่นเป็นกันเองนิสัยดี ทำให้ผมรู้สึกดีทุกครั้ง ที่ได้มาสนามแห่งนี้ แม้มันจะเป็นสนามของทีมคู่ปรับตัว ฉกาจของทีมสุดโปรดผมก็เถอะ
การมาครั้งนี้สิ่งนึงที่แปลกตาไปก็คือ การแต่งตัว ของเจ้าหน้าที่และสตาฟฟ์ของทีมปืนโต ที่หันไปทางไหนก็มีแต่สีแดงให้เห็นเนื่องมาจากเทศกาลคริสต์มาสที่มีขึ้นในเร็ววันนี้นั่นเองครับ : )


นอกจากนี้อาร์เซนอลก็ยังได้จัดแคมเปญ "Be a Gooner. Be a Giver" ซึ่งเป็นโครงการที่สโมสรทำกิจกรรมเพื่อการกุศล ให้แก่ "Teenage Cancer Trust" หรือมูลนิธิที่ดูแลช่วยเหลือเด็กวัยรุ่นที่ป่วยโรคมะเร็งทั่วประเทศอังกฤษ โดยงานนี้พวกไดเรกเตอร์และนักเตะได้สละ "ค่าเหนื่อย" รวมกันได้ 300,000 ปอนด์เพื่อเป็นเงินสมทบทุนช่วยเหลือ โครงการนี้ให้มีเงินทุนนำไปดูแลน้องๆผู้ป่วยต่อไป ซึ่ง "ทีเด็ด" ที่ผมติดใจและอยากให้ลองไปหาดูก็คือหนังโฆษณาสั้นของโครงการที่ชื่อ "Do what I Say" นั้นฮามากเมื่อนักเตะปืนโตต้องรับบทเป็น "เบ๊" รับใช้พวกเด็กๆมีทั้งเป็นพนักงานต้อนรับ ช่างทาเล็บยันกะเทยใส่วิก! ยังไงลองเข้าไปดูที่เว็บไซต์ www.beagoonerbeagiver.org กันเองแล้วกันนะครับเพราะผมคงเล่าได้ไม่ฮาเท่าดูของจริง

ความสลักสำคัญของเกมนี้อย่าง ที่ทราบกันดีนะครับว่ามีความหมาย ต่อทั้งสอง ทีมเหลือเกิน...อาร์เซนอลนั้นแพ้ไปแล้วถึง 5 ครั้งในซีซั่นนี้แต่การเอาชนะได้ทั้งแมนฯยูฯและเชลซี ทำให้พวกเค้ายังมีลุ้นกับการ "คัมแบ็ก" กลับสู่เส้นทางการลุ้นแชมป์อีกครั้งหากปราบลิเวอร์พูล ซึ่งเกมนี้ไร้เงาของราฟาเอล เบนิเตซผู้จัดการทีมคนเก่ง ที่พักรักษาตัวการผ่าตัดนิ่วอยู่ที่บ้านแต่ก็ "โฟนอิน" สั่งการแซมมี่ ลีและสตาฟฟ์อยู่ตลอด
เกมนี้ปืนใหญ่อาร์เซนอลขาดแค่ "นักเตะสตั๊ดชมพู" นิคลาส เบนด์ทเนอร์กองหน้าสำรองของ ทีมซึ่งไม่ได้กระทบ ทีมมากนักเนื่องจากฝีเท้าแค่เกรดบีแต่ความเด่นของรองเท้าเอาไปเลย A+ ส่วนลิเวอร์พูล "จ่าฝูง" เกมนี้นอกจากขาดผู้จัดการทีมสั่งการ ข้างสนามแล้วข่าวร้าย ยิ่งกว่าก็คือเจ้าลูคัส เลว่าได้ลงเป็นตัวจริงแทนฮาเวียร์ มาสเคราโน่ที่เจ็บซึ่งตรงนี้แฟนหงส์น่าจะเซ็งอารมณ์ยิ่งกว่าขาดผจก.เสียอีก (ฮา)


แม้จะเสียประตูไปก่อนจากลูกยิงที่การจับ, พลิก และปล่อยบอลออกจากเท้าชอตนี้ของ "โรบิน เดอะ แมน" ฟาน เพอร์ซี่ ถือว่าเวิลด์คลาสสุด ๆ แต่ เกมโดยรวม "หงส์แดง" ถือว่าไม่ได้เป็นรองเจ้าบ้านสักเท่าไร และเกมนี้จังหวะบอมบ์ยาวเข้ามาถือว่าได้ผลหลายครั้งเพราะแผงหลังอาร์เซนอลยืนกันค่อนข้างสูง... ในที่สุดกำแพงแนวรับของทีมปืนโตก็พังจนได้เมื่อร็อบบี้ คีนที่ค่อนข้างเงียบอาศัยจังหวะ "แขกดอย" จับบอลเด้งดึ๋ง ๆ หนึ่งทีก่อนซัดเปรี้ยงเต็มแรงบอลพุ่งวาบเข้าสามเหลี่ยมไปแบบที่แฟนบอลและ นักเตะหงส์แดงเองคงช็อกว่าคีนน้อยยิงเข้าไปได้ยังไง เพราะฟอร์มโดยรวมของเจ้าตัวยังถือว่า "ห่วย" และลูกขยันที่พยายามแสดงออกมาก็ไม่ค่อยจะเกิดประโยชน์ต่อทีมสักเท่าไรนัก

หลังตีเสมอได้ก็เป็นขุนพลเรด แมชีนครับที่เหนือกว่าเจ้าบ้านค่อนข้างเยอะก่อนหมดครึ่งแรกน่า จะแซงขึ้นนำได้ด้วยจากสองจังหวะของเจอร์ราร์ดและเดิร์ก เคาท์ ทว่า "หงส์แดง" ที่ผมถือว่าเล่นได้ดีมาตลอดตั้งแต่เปิดเกมก็เล่นได้ "น่าด่า" อย่างยิ่งครับหลังจากที่ได้เปรียบเรื่องตัวที่มีมากกว่าหนึ่งคน

ช็อตโดนไล่ออกของเอ็มมานูเอล อเดบายอร์นั้นขออนุญาตไม่หยิบยกมาพูดแล้วกันนะครับ เพราะว่าหากใครดูบอลเป็นก็คงรู้ว่าจังหวะหันหลังให้บอล และกางแขนกันแบบนี้ยังไงก็ถือเป็นการเล่นที่ "แฟร์" หาไม่แล้วลูกแบบนี้หากถือเป็นการฟาวล์ในเกมอื่น ๆ ละก็ เราคงไม่ได้เห็นมาร์ค วิดูก้าหรืออลัน เชียเรอร์ซึ่งขึ้นชื่อในการบังบอลแล้ว กลับตัวยิงซัดประตูกันถล่มทลายในอดีตเป็นแน่! (งานนี้ต้องให้เครดิตแบ็กหงส์ขี้สำออยและ กรรมการตาถั่วครับไม่อย่างนั้นใบเหลืองแบบนี้คงไม่เกิด)

อย่างไรก็ดีการที่ลิเวอร์พูลมีตัวผู้เล่นมากกว่า พวกเค้าก็ไม่ได้แสดงความกระหื่นกระหาย ที่จะเอาชนะเพื่อเก็บ 3 คะแนนเข้ากระเป๋าเลยซึ่งถึงตรงนี้แม้จะยังนำเป็น "จ่าฝูง" อยู่ เนื่องจากขณะที่ผมเขียนงานชิ้นนี้เชลซียังไม่ลงเตะกับเอฟเวอร์ตันแต่ผมเชื่อมั่นสุด ๆ ครับว่าถึงวันนี้เชลซีจะไม่ชนะเอฟเวอร์ตันและแซงหงส์แดงขึ้นนำจ่าฝูงไม่ได้ แต่ก็คงอีกไม่นานเกินรอ ครับที่ยอดทีมจากเมอร์ซีย์ ไซด์จะต้องถูกถีบลงจากบัลลังก์แน่นอนพันเปอร์เซ็นต์ คอมเฟิร์ม!

ส่วนอาร์เซนอลการที่พวกเค้าไม่แพ้ในวันนี้ถือว่าน่าชมเชยเพราะการเล่น 10 คนร่วม ๆ ครึ่งชั่วโมงกับทีมระดับท็อป แล้วไม่เสียประตูแถมโชว์ความมุ่งมั่นที่มีมากกว่าให้เห็นนั่น ต้องบอกว่าพวกเค้ามีนักเตะและกุนซือที่ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ แม้ว่าทีมปืนใหญ่ในสายตา ผมปีนี้ยังเป็นทีมที่ไม่คู่ควรกับแชมป์ก็ตามเนื่องจากทำหมูหกบ่อยครั้งเกินไป

บทสรุปของเกมนี้ระดับความมันส์ยกให้เป็นเกมระดับ 5 ดาวเพราะดีกรีความร้อนแรง ทั้งในและนอกสนามจัดได้ว่า "ดุ" สุด ๆ ยิ่งช่วงหลังจากที่ฮาวเวิร์ด เวบบ์ไล่กองหน้าก้านยาวเลือดโตโกออกแล้ว แฟนปืนใหญ่ "โห่" ไม่ยอมรับคำตัดสินของกรรมการได้ดังสนั่นและน่าขนลุกมาก ในสนามนักเตะปืนโตก็เกือบจะควบคุม อารมณ์ไว้ไม่อยู่หลายจังหวะเช่นกันซึ่ง 6 ใบเหลืองกับอีก 1 ใบแดงน่าจะบอกเรื่องราวทุกอย่างได้ดี...

สถานการณ์ของทั้งสองทีมในเวลานี้ผมถือ ว่าลิเวอร์พูลเสียหายพอสมควรที่ทำได้แค่เสมอ ทั้งที่ดวงดีมีผู้เล่นมากกว่าหนึ่งคนใน ช่วงเวลาเหลือเฟือที่น่าจะปิดบัญชีเจ้าบ้านได้แต่ก็ Lack of killer instinct หรือไม่มี "สัญชาตญาณนักฆ่า" ซึ่งตรงนี้จะมีผลต่อการลุ้นแชมป์ใน บั้นปลายของทีมอย่างแน่นอน

ขณะที่ "เดอะ กันเนอร์ส" เกมหน้าต้องออกไปเยือนแอสตัน วิลล่าในวัน Boxing day (26 ธันวาคม) ซึ่งจะเป็นบททดสอบครั้งสำคัญของ ทีมครับว่าลูกทีมของอาร์แซน เวนเกอร์ที่มีดีพอที่จะยืนหยัดเป็นหนึ่งในสี่อรหันต์ "บิ๊กโฟร์" อยู่อีกหรือไม่เนื่องจากหากพลาดท่าเสียทีขึ้นมา นอกจากจะโดนทีมสิงห์ผงาดทิ้งไป 6 คะแนนแล้ว "ความมั่นใจ" ซึ่งเป็นปัญหาหลักของทีมอ่อนประสบการณ์ชุดนี้น่าจะ "ร่วง" ยิ่งกว่าตลาดหุ้นในอเมริกา และเผลอๆเวนเกอร์อาจจะถอดใจลาออกไปคุมเรอัล มาดริดอย่างที่ตกเป็นข่าวตอนจบฤดูกาลก็ได้
อันนี้แฟนปืนต้องตามข่าวกันให้ดี ๆ อย่าให้คลาดสายตา!

No comments: