Monday 8 December 2008

Winning Mentality เรื่องง่ายๆที่เรือใบไม่มี



ไม่มีพลิกล็อกครับสำหรับศึกฟุตบอลพรีเมียร์ชิพ คู่วันเสาร์ที่ผ่านมา...สี่ทีมใหญ่อย่างลิเวอร์พูล, เชลซี, อาร์เซนอล และแมนฯยูฯต่างก็พากันเก็บ 3 คะแนนกันได้ถ้วนหน้าแม้ว่าบางทีมจะพากัน หืดขึ้นคอเล็กน้อยถึงปานกลางเลยทีเดียวกว่าจะเอาชนะได้

อาร์เซนอลที่อาทิตย์ก่อนเพิ่งบุก ไปเอาชนะเชลซีได้ถึงแสตมฟอร์ด บริดจ์ 2-1 วีกนี้ได้เล่นในบ้านเจอวีแกนหลายคนคิดว่าปืนโต น่าจะยิงได้มากกว่าหนึ่งเม็ด แต่สุดท้ายก็ได้ประตูโทนของเอ็มมานูเอล อเดบายอร์ที่ยิงไว้ตั้งแต่นาทีที่ 16 ทำให้แฟนบอลเดอะ กันเนอร์สยิ้มได้ที่ไม่ทำแต้มหล่น เช่นเดียวกันกับแมนฯยูไนเต็ดที่ทำเสียวซี๊ด มาได้ประตูชัยเอานาทีสุดท้ายจากเนมันย่า วิดิชเล่นเอาแฟนผีเกือบรอเก้อ แถมทำท่านต่อทั้งหลายกระเป๋าฉีกกันทั้งบางเลย ทีเดียวที่ดันมาทะลึ่งยิงน้อยเอาเกมนี้ !

สำหรับผมวีกเอนด์ที่ผ่านมาเลือกไปดูเกมที่ใช้ เวลาเดินทาง น้อยที่สุดอย่างคู่ฟูแล่ม VS แมนฯซิตี้ เพราะช่วงนี้รายงานป.โท ที่มหาวิทยาลัยเข้าเยอะได้อีก จึงต้องแบ่งตารางเวลาทำอะไรให้ดี ไม่งั้นมีหวังเป็นคุณปู่ประจำยูแน่ๆ ^^’

ตั้งแต่เปิดฤดูกาลมานี้ถือเป็นครั้งแรก ของผมที่จะได้เห็นฟอร์มทีมเรือใบ เล่นแบบติดขอบสนาม ระหว่างการเดินทางจึงแอบมีตื่นเต้นเล็กๆ คิดว่าจะได้เห็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดใน พรีเมียร์ชิพ อย่างโรบินโญ่ (32.5ล้านปอนด์) ลงร่ายมนต์แข้งให้เป็นขวัญตา แต่ทว่าเจ้าเล็กพริกขี้หนูชาวแซมบ้าดันทะลึ่ง เจ็บซะ เซ็งอารมณ์ครับ
สภาพอากาศในเกมนี้ถือว่ากำลังดีและ ไม่ค่อยหนาวอย่างที่คิด อุณหภูมิอยู่ราว ๆ 10 องศา แต่การมีแสงแดดช่วยได้เยอะแม้ว่า ที่นั่งของนักข่าวแถวผมจะโดนแดดแยงตา เกือบตลอดดูเกมไปต้องยกเอามือมาบังเหลี่ยม แดดจนเมื่อยแขนสุดๆ

เจ้าถิ่นฟูแล่มฟอร์มช่วงหลังถือว่าโอใช้ได้ รอย ฮอดจ์สันจัดผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามขณะที่แมนฯซิตี้ ขาดทั้งเอลาโน่, โรบินโญ่และไมคาห์ ริชาร์ดส์มาด้วยระบบ 4-2-3-1ทิ้งเบนจานี่ไว้เป็นหน้าเป้าคนเดียว โดยมีสตีเฟ่น ไอร์แลนด์, ดาริอุส วาสเซลล์ และฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์คอยสนับสนุนอยู่ข้างหลัง

ช่วงต้นเกมเริ่มได้อย่างสุดจืด โดยเฉพาะเจ้าบ้านที่เล่นยังกับว่าไม่ได้ทาน Breakfast กันมาจากบ้าน + เสียงเชียร์ของแฟนบอลฟูแล่มจำนวน 24,012 คน ไม่ได้เร้าอารมณ์เหมือนแฟนบอลทีมอื่นในลอนดอน (ผมยกให้แฟนอาร์เซนอลเชียร์บอลมันโดนใจเป็นที่สุด)

เล่นกันเหม่อ + เครื่องเหมือนยังไม่ร้อนก็โดนไปก่อนเลยครับสำหรับทีมเจ้าสัวในเกมนี้ โดยเป็นปาโบล ซาบาเลต้าแบ็กขวาอาร์เจนไตน์ที่เติมเกมรุกได้เยี่ยมหลายจังหวะเปิดบอลจากทางด้านขวา สุดแม่นให้เบนจานี่กระโดดเขกแบบเต็มกบาลเข้าไปตั้งแต่นาทีที่ 6 ปล่อยให้นักเตะฟูแล่มยืนมองหน้ากันเลิกลั่กประมาณว่าพยายามมองหาคนผิด ซึ่งจริงๆตัวที่ต้องรับผิดชอบในจังหวะนี้คือแบ็กซ้ายคอนเชสกี้ที่ไม่ได้ พยายามบล็อกการเปิดของซาบาเลต้าเลย 1-0 ทีมเยือนนำ

หลังโดนไปก่อนสองมิดฟิลด์คู่กลางฟูแล่มอย่างแดนนี่ เมอร์ฟี่กัปตันทีมและจิมมี่ บุลลาร์ด ก็พยายามเร่งฟอร์มทำเกมตามช่องได้สวยๆ หลายจังหวะโดยเฉพาะบุลลาร์ด ที่เกมนี้วิ่งพล่านไปทั่วสนามหวังจะมัดใจฟาบิโอ คาเปลโล่ที่เข้ามาชมเกมนี้ด้วย

และแล้ว...ความพยายามของมิดฟิลด์ ทรงผมคุณป้าก็สำฤทธิ์ผลในนาทีที่ 27 เมื่อเป็นบ็อบบี้ ซาโมร่าที่เปิดบอลทะลุช่องให้บุลลาร์ดซึ่งวิ่งทำทาง มารอในกรอบเขตด้านขวาโทษ มีเวลาเหลือเฟือที่จะเลือกมุมยิงและ ก็ไม่เหลือครับหมอนี่ยิงได้ดีจริงๆในจังหวะนี้

ก็ถือว่าเป็นเคราะห์กรรมที่ซิตี้ต้องชดใช้ไปในเกมนี้นะ ครับเพราะว่ามีจังหวะนึงก่อนหน้านี้ริชาร์ด ดันน์กัปตันร่างอวบทำแฮนด์บอลแบบชัดเจนแต่ร็อบ สไตล์สไม่เป่าจ้า (ผิดพลาดได้อย่างสม่ำเสมอและคงเส้นคงวาสุดๆ สำหรับผู้ตัดสินรายนี้ ฮา)

พูดถึงดันน์แล้วก็ห่วงแมนฯซิตี้ไม่ได้ครับว่าการที่มีกองหลังตัวอ้วนเชื่องช้าเป็นผู้บัญชาการเกมรับ ซึ่งช่วงหลังก็มักจะเป็นเค้าเองนี่แหละที่เป็นบ่อเกิดให้ทีมต้องเสียประตูแบบง่ายดายอยู่บ่อยครั้ง ผมคิดว่าทางที่ดีเปิดตลาดเดือนมกราคมนี้ไหนๆซิตี้ก็รวยพอที่จะซื้อกาก้าและบุฟฟ่อนในราคามหาโหดแล้ว พวกเค้าก็จำเป็นอย่างยิ่งเลยที่จะหาเซ็นเตอร์ฮาล์ฟและกลางรับแจ๋วๆอีกสักตัวสองตัวมาเสริมทีม เพื่อทำให้บาลานซ์ของทีมมันดีขึ้นและโครงการสานฝันทำ อันดับไปเล่นบอลยุโรปก็น่าจะพอเป็นจริงได้อยู่บ้าง...

หลังจากตีเสมอได้เกมในครึ่งเวลาหลังแทนที่ทั้งคู่จะบู๊สู้ตายเพื่อ 3 แต้ม แต่เปล่าเลยครับ Winning Mentality ไม่ได้ถูกฝังอยู่โสตประสาทของทั้งนักเตะฟูแล่มและแมนฯซิตี้รวมทั้ง ผู้เป็นกุนซือเลยเมื่อตลอด90นาทีมีการเปลี่ยนตัวเพียงแค่คนเดียว! เท่านั้นไม่พอยังเล่นแบบดึงเช็งพอใจกับหนึ่งแต้มทั้งคู่อีกเกมจึงจบลงไปแบบเนือยๆ 1-1

เวลาเจอทีมใหญ่ก็พอใจแค่เสมอ พอออกไปเยือนก็ไม่กล้าแลกแล้วอย่างนี้เมื่อไร ละครับที่แมนฯซิตี้จะยิ่งใหญ่เท่า "บิ๊กโฟร์" อย่างที่กลุ่มนายทุนจากอาบูดาบีโม้เอาไว้ช่วงเทกโอเวอร์?

หลังเดือนมกราคมนี้ที่แมนฯซิตี้คงได้นักเตะเกรด B เป็นอย่างน้อยร่วมทีมมากขึ้น เราต้องมาจับตามองกันให้ดีว่าสไตล์การทำทีมของมาร์ค ฮิวจ์สจะเปลี่ยนไปมั้ย หากว่าทีมแจ่ม+ลงตัวมากขึ้นแล้ว ยังสั่งให้ลูกทีมเล่นแบบกั๊กๆแบบนี้อยู่ผมว่า บางทีฮิวจ์สอาจจะไม่ใช่คนที่เหมาะสม สำหรับตำแหน่งกุนซือแมนฯซิตี้ที่สุดก็ได้
ส่วนฟูแล่มของรอย ฮอดจ์สันไม่มีอะไรต้องติมากมายครับ แม้ว่าเป็นเจ้าถิ่นแท้ๆแต่ก็พอใจกับหนึ่งคะแนน อย่าลืมว่า "เป้าหมาย" ของแต่ละทีมนั้นแตกต่างกันไป

ฮัลล์ ซิตี้นั้นอาจพอใจแล้วที่ตัวเองไม่ตกชั้น ขณะที่ฟูแล่มก็ขอจบให้สวยที่สุดในลีกไม่ดิ้นรนหนีตกชั้นเป็นพอ ...แต่ซิตี้กับโครงการยักษ์ที่กลุ่ม ADUG แพลน+ลงทุนไปผมคิดว่าหากทีมจบซีซั่นด้วยอันดับต่ำกว่า10เนี่ย สถานะของฮิวจ์สอาจตกที่นั่งลำบาก

และเพื่อเป็นการเซฟหน้าที่การงานตั้งแต่เนิ่นๆจากนี้ไป ฮิวจ์สควรต้องฝังรากเรื่อง "ความกระหาย" ที่จะเอาชนะคู่แข่งให้มากขึ้นแล้วละครับหากคิดจะพาเรือใบลำนี้ไต่อันดับให้สูงกว่าที่เป็นอยู่

2 comments:

ธานคับ said...

หวัดดีครับคุณเอก ได้ข่าวอังกฤษกำลังหนาวดูแลสุขภาพดีนะครับ ส่วน แมนซิติ้ ผมก็มองว่าแผงหลัง คือจุดอ่อนจริงๆ ครับ อุตสาหืไปได้ กอมปานี มา น่าจะให้ ยินหลัง ดันจับมายืนกลางรับ เสียดายครับ

เอก อุดมสุข said...

หวัดดีครับคุณธาน

หนาวได้อีกครับอังกฤษช่วงนี้...ส่วนซิตี้เปิดตลาดรอบนี้ต้องดูครับว่าจะสอยใครมาได้บ้างแล้วถ้าได้มาฮิวจ์จะใช้งานได้ดีขนาดไหน สมกับเงินที่หว่านลงไปรึเปล่า

ผมชอบความเป็นอาชีพฮิวจ์นะครับแต่เรื่องฝีมือถึงตอนนี้ผมยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร