Thursday 18 December 2008

Welcome back "บิ๊กแซม!"

โดนเด้งไปตามคาดครับสำหรับกุนซือ เลือดผู้ดีผิวสีคนแรกของพรีเมียร์ชิพอย่างพอล อินซ์ หลังผลงานของ "กุหลาบไฟ" แบล็คเบิร์นกลายเป็นกุหลาบเฉาในช่วงหลัง 11 นัดไม่ชนะใครเลยแถม6นัดหลังสุดก่อนโดนปลดแพ้รวด ทีมหล่นไปอยู่รองบ๊วยสถานการณ์ ล่อแหลมต่อการร่วงตกชั้นเหลือเกิน

แปลกแต่จริงนะครับเพราะซีซั่นก่อนทีม กุหลาบไฟ ยังโชว์ฟอร์ม ได้แข็งแกร่งอยู่เลยทีมใหญ่ๆเจอเป็นหนาว +จบอันดับที่7ด้วยภายใต้การคุมทีม ของอดีตฮีโร่ผีแดงอีกคนอย่างมาร์ค ฮิวจ์สซึ่งภายหลังชิ่งไปนอนบนกองเงิน กองทองของเศรษฐีจากอาบู ดาบีแต่ถึงตรงนี้ยัง "สอบไม่ผ่าน" เช่นกันในชายคาซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์

การเข้ามาของอินซ์หลังจากพาทีมเล็กๆอย่างแม็คเคิลส์ฟิลด์ ทาวน์และเอ็มเค ดอนส์ประสบความสำเร็จน้อยนิด (เพราะความจริงยังไม่ได้พิสูจน์ฝีมืออะไรมากมาย) แต่จากการที่ชื่อเสียงเก่าๆสมัยเป็น นักเตะพอขายได้จึงบุญพาวาสนาส่ง ได้รับความไว้วางใจจากท่านประธานจอห์น วิลเลี่ยมส์ให้พาทีมลงฟาดฟันกับเหล่ากุนซือเสือ สิงห์ กระทิงแรดในพรีเมียร์ฯ + ประสบการณ์นั้นเชี่ยวกว่าอดีตดาวเตะ ผีแดงเยอะผลเลยออกมาอย่างที่เห็น

อินซ์จึงกลายเป็น "เหยื่อ" รายล่าสุดของกุนซือหนุ่มที่ผันจากนักเตะ มาเป็นกุนซือทั้งที่ยังไม่พร้อมที่โดนปลดออกไปต่อจากรอย คีนอดีตกุนซือซันเดอร์แลนด์ที่พาทีม แมวดำผลงานดิ่งลงเหวแม้ว่าจะSpend เงินไปถึง70ล้านปอนด์ก็ตามในช่วงสองซีซั่นที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามในเคสของอินซ์ผมมองว่า "น่าเห็นใจ" มากกว่ารอย คีนเยอะเพราะว่ามาคุมทีมปุ๊บสองกำลังหลักของทีมอย่างแบร๊ด ฟรีเดลและเดวิด เบนท์ลีย์ก็ถูกขายออกไปเลยที่สำคัญเงิน 20ล้านปอนด์ที่ขายนักเตะได้ก็ไม่ได้ถูกนำมาเสริมทัพให้มันดีขึ้น (ผมไม่ขอนับพอล โรบินสันและร็อบบี้ ฟาวเลอร์ที่ย้ายเข้าในช่วงที่เลย "จุดพีก" ตัวเองไปแล้ว)

ฉะนั้นจังหวะการเข้ามาคุมทีมของอินซ์จึงถือว่า "เสี่ยง" ตั้งแต่ต้นเพราะเข้ามาในช่วงที่ถือว่า สโมสรกำลังกระเป๋าแห้งแต่ สโมสรดันเลือกคนอ่อนประสบการณ์มาคุมทีม งานนี้ "แพะตัวจริง" ผมขอชี้ไปที่จอห์น วิลเลี่ยมส์ครับโทษฐานที่เลือกกุนซือ ไม่เข้ากับสถานการณ์ของทีม

แต่น่าเสียดายครับว่าประธานสโมสร นั้นก็เปรียบได้กับเจ้าของกิจการ... ทำผิดก็ถือว่าไม่ผิดและหากตัดสินใจพลาดก็แค่ "หาแพะ" มารับเคราะห์ไปเรื่องก็จบง่ายเหมือนในกรณีของอินซ์นี่แหละ

ส่วนข่าวความเคลื่อนไหวล่าสุดของ กุนซือใหม่แบล็คเบิร์นเนี่ยในที่สุด ก็ได้ประกาศกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า "บิ๊กแซม" แซม อัลลาร์ไดซ์จะเข้ามากู้วิกฤติในถิ่นอีวู้ด ปาร์คเป็นที่แน่นอนหลังจากปล่อยให้หลายฝ่ายคาดเดากันอยู่ไม่ถึง24ชั่วโมง

งานนี้ถือว่าจอห์น วิลเลี่ยมส์ปฏิบัติการเดินเรื่องได้เงียบ+รวดเร็วกว่าไนออล ควินน์ประธานซันเดอร์แลนด์มากเพราะก่อนหน้านี้อย่างที่เห็นข่าวกันอยู่ว่าเป็นซันเดอร์แลนด์ ที่ติดต่อกับบิ๊กแซมก่อนแต่สุดท้ายเป็นทีมกุหลาบไฟที่ตัดหน้าคว้าบิ๊กแซมไปได้สำเร็จ ฉะนั้นชอยส์ของซันเดอร์แลนด์นับจากนี้ก็จะเหลือน้อยลงแล้ว ซึ่งโทษใครไม่ได้เลยนอกจากตัวเองเพราะไม่รีบตัดสินใจยื่นข้อเสนอ ให้มันเป็นเรื่องเป็นราวผิดกับแบล็คเบิร์นที่ปลดอินซ์ไปคืนวันอังคารและสอยอัลลาร์ไดซ์ได้ในวันรุ่งขึ้น

อย่างไรก็ดีก่อนหน้าที่จะมีการแต่งตั้ง อัลลาร์ไดซ์ขึ้นแทบทุกสื่อที่อังกฤษเทน้ำหนักไปทางแกรม ซูเนสส์ซะเยอะครับแต่ทว่า เป็นอดีตกุนซือหนวดหินที่ออกมาประกาศ ไม่ขอหวนกลับไปคุมทีมเก่าที่เค้าเคยคุมอยู่เมื่อปี 2000-2004

ขณะที่ "บิ๊กแซม" อดีตกุนซือนิวคาสเซิลและโบลตัน ที่ว่างงานมาตั้งแต่มกราคมปีที่แล้ว ก็กำลังกระสันอยากแก้มือหลังทำผลงานได้ไม่แจ่มในถิ่นเซนต์เจมส์ ปาร์ค+คงทนกลิ่นสาปลูกหนังไม่ไหวมีข่าวไป ทั่วทั้งกับซันเดอร์แลนด์และล่าสุดกับแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส

และสุดท้ายก็ตัดสินใจกระโดด มาคุมทีมแบล็คเบิร์นแบบสายฟ้าแลบได้อีก !

ส่วนตัวผมยังเชื่อนะครับว่าการ กลับสู่วงการในครั้งนี้อัลลาร์ไดซ์จะไม่สอบตกรอบ2 อย่างแน่นอนเพราะ8 ปีกับโบลตันแสดงให้เห็นกันไปแล้วว่าเจ้าตัวเหมาะสมขนาดไหน ที่จะคุมทีมเล็กๆซึ่งไม่ได้มีความคาดหวังสูงจนเกินตัวแบบนิวคาสเซิล

จากนี้จับตามองทีมกุหลาบไฟกันให้ดีละกันครับ ผมว่าพวกเค้าจะมีพัฒนาการเขย่งก้าวกระโดดได้พอๆกับสเปอร์สหลังได้แฮร์รี่ เรดแนปป์มาคุมทีมเลยล่ะ

เชื่อไม่เชื่ออันนี้อยู่ที่ดุลยพินิจของแต่ละคนนะครับแต่เสาร์นี้พวกเค้าเล่นในบ้านพบสโต๊ค ซิตี้ซึ่งผมว่าจะไปแทงแบล็คเบิร์นรอไว้เลยเพราะว่าได้เงินชัวร์ อิอิ

No comments: