Wednesday 24 September 2008

Director of Football... ...พวกคุณนั่นแหละคือจุดอ่อน


ถือว่าอยู่ในช่วง พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก อย่างแท้จริงสำหรับนิวคาสเซิลที่ นับตั้งแต่ เควิน คีแกน เปิดตูดลาออกไป ก็มีแต่ความวุ่นวาย ไม่รู้จักจบจักสิ้น
แฟนบอลก่อหวอด ประท้วง ขับไล่ประธานสโมสร อย่างหนักและ ต่อเนื่องถือเป็นภาพ ที่เราไม่ได้เห็นกันบ่อยนักในวงการฟุตบอล ฟอร์มรูดมโหฬารในลีก นักเตะแต่ละคนเริ่มเป็น กังวลกับอนาคตการค้าแข้งของตัวเอง + ไร้ซึ่งแรงบันดาลใจที่จะลงเตะ และปัญหามากมาย ที่อีกนับไม่ถ้วน ฯลฯ และ ฯลฯ
แต่บัดนี้ครับ เหล่าแฟนของทูนอาร์มี่ น่าจะได้มีรอยยิ้มเล็ก ๆ กันมากขึ้น หลังเห็นข่าวการเร่งขายสโมสรของไมค์ แอชลีย์ โดยล่าสุดก็ได้จ้าง ‘ตัวกลาง’ อย่าง เซย์มัวร์ เพียร์ซ (Seymour Pierce) ซึ่งเป็นธนาคารเพื่อการลงทุนของประเทศอังกฤษ เป็นผู้ดูแล และจัดหานายทุนผู้สนใจ มาให้ "เฮียตือ" เลือก หลังจากเหนื่อยกับการวิ่งหานายทุนเอง
ชื่อของ ‘เซย์มัวร์ เพียร์ซ’ อาจจะไม่คุ้นหูแฟนบอลมากนัก แต่หากศึกษาให้ดีเราจะพบว่า ซีอีโอ ของพวกเค้าคือ คีธ แฮร์ริส ซึ่งที่ผ่านมาก็ฝากผลงานไว้มากมายกับบทบาท Football deal-broker หรือ ‘โบรกเกอร์ฟุตบอล’ ที่ติดต่อเจรจาให้ ดีล เชลซี กับ "อากู๋" โรมัน อราโมวิช และ แมนฯซิตี้ กับ เสี่ยแม้ว อดีตนายกฯ ไทยเรา ประสบความสำเร็จมาแล้ว
สื่อน้อยใหญ่ ในเมืองผู้ดีหลายสำนัก ก็ยืนยันตรงกันครับว่า ขณะนี้ ความเป็นไปได้ที่ นิวคาสเซิลจะถูกเปลี่ยนมือในเร็ววันนี้นั้น มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จาก ผู้สนใจจาก ทั้ง จีน กาตาร์ ดูไบ และ ล่าสุดกลุ่มผู้ลงทุนจากไนจีเรีย ที่กำลังจะเป็น ‘ม้ามืด’ ยื่นข้อเสนอให้ ‘เฮียตือ’ รับไว้พิจารณา
อย่างไรก็ดี ผมคิดว่า Asking Price 400 ล้านปอนด์ ที่แอชลีย์ แปะป้ายไว้ออกจะสูงไปนิด หากเทียบกับตอนที่เฮียแกซื้อมาแค่ 134.4 ล้านปอนด์ และอีก 110 ล้านปอนด์ กับค่าตัวนักเตะ เบ็ดเสร็จก็ตกอยู่ราวๆ 244.4 ล้านปอนด์
ดังนั้นผมคิดว่าหากแกจะหวังดีกับนิวคาสเซิลจริงๆ ราคา 300-350 ล้านปอนด์ ก็น่าจะพอหยวนๆกันได้ เพราะได้กำไรเข้ากระเป๋าไปพอสมควร และที่สำคัญที่สุด สโมสรจะได้รีบ Set Up แผนผังองค์กร + หาผู้จัดการทีมใหม่ เพราะอย่างที่ทราบนะครับ ตราบใดที่ยังไม่มีการ เทกโอเวอร์ อย่างเป็นทางการ ผู้จัดการทีม มีกึ๋น มีระดับที่ไหนก็คงไม่โง่มาคุมทีมที่อนาคตคลุมเครือ ไม่รู้จะออกหัวหรือก้อย แบบนี้แน่
เพราะลำพังอย่างที่เราเห็น แคร์เทกเกอร์ อย่าง คริส ฮิวจ์ตัน ก็เล่นได้แค่บท ‘พระรอง’ และ ไม่มีบารมีในการที่จะก้าวมาคุมทัพเสียเลย ทั้งแท็กติกส์ที่วาง และการกระตุ้นลูกทีมข้างสนาม
ฉะนั้นก็ได้แต่ลุ้นละครับว่า ทูนอาร์มี่จะได้เฮดังๆ กับเจ้าของใหม่ที่ เร็วๆ นี้...
สำหรับโปรแกรมของนิวคาสเซิล ค่ำคืนนี้ พวกเค้าจะลงสนามพบกับ สเปอร์ส ในศึกคาร์ลิ่งคัพรอบสาม โดยคู่นี้ผมว่าเป็นมวย ที่มาเจอกันถูกที่ ถูกเวลามั่ก ๆ เพราะว่า ฟอร์มห่วยพอกันในลีก (ฮ่า)
ทีมนึงสภาพเป็น นกสาลิกาปีกหัก บินเรร่อน หาเจ้าของ ขณะที่ผู้มาเยือน จากสมญานาม ไก่เดือยทอง ที่ดูหะรู หะรา น่าเกรงขาม บัดนี้ทำตัวเป็น ไก่แช่บ๊วย ให้ทีมอื่นหัวเราะเยาะและแซวแฟนสเปอร์สกันสนุกปาก เพราะปิดเทอมใหญ่ที่ผ่านมา ลงทุนไปแต่งองค์ทรงเครื่องทีมอย่างหล่อ หวังจะก้าวไปติด ‘ท็อปโฟร์’ แต่สุดท้ายก็ ความฝัน ลมๆ แล้ง ๆ อีกตามเคย
นิวคาสเซิล และ สเปอร์ส มีอะไรคล้ายๆ กันหลายอย่างครับ ทั้งการเป็นสโมสรที่ขนาดกลางกึ่งใหญ่ (แต่ไม่ใหญ่) แต่แฟนบอลกลับเรียกร้อง โหยหาความสำเร็จ + คาดหวังจากทีมสูงน่ากลัว จนบางครั้งลืมมองโลกแห่งความเป็นจริงที่ว่า แมนฯยูฯ เชลซี อาร์เซนอล และ ลิเวอร์พูล คือ พี่ใหญ่ตัวจริงในลีก
ครั้นจะไปขอแทรก ทีมอย่าง วิลล่า หรือ เอฟเวอร์ตัน ที่ฟอร์มสม่ำเสมอกว่าในช่วงขวบปีหลัง ก็ดันไม่ได้อีก แฟนๆ ก็เลยเกิดอาการ Frustate หรือ อารมณ์บ่จอย โห่ทีมตัวเองให้เห็นกันในปีนี้ (นักเตะสเปอร์สโดนแฟนตัวเองโห่แล้วในเกมล่าสุดที่เสมอวีแกนในบ้าน)
ตำแหน่ง Director of Football หรือ ผู้อำนวยการฟุตบอล ที่ เดนนิส ไวส์ และ เดเมี่ยน โคโมลี่ กุมบังเหียนอยู่ ก็เป็นอีกหนึ่ง ‘ต้นตอ’ สำคัญที่ผมมองว่าเป็น จุดอ่อน ของทั้งสองทีม ที่ควรรีบถูกกำจัดออกก่อนที่อะไรๆ สายเกินแก้...
ในรายของ เดนนิส ไวส์ นั้นอย่างที่ทุกคนทราบกันอยู่แล้วครับว่า จุ้นจ้าน ไปซะทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการซื้อขายนักเตะใหม่ ต่อสัญญานักเตะเก่า หรือไปเป่าหูแอชลีย์ให้ขาย โจอี้ บาร์ตัน และ ไมเคิล โอเว่น ออกจากทีม
ขณะที่ โคโมลี่ ถึงจะไม่ร้ายเท่า ไวส์ แต่ จำได้แม่นเลยครับว่า ครั้งนึง มาร์ติน โยล เคยออกมาสับนายโคโมลี่ คนนี้ว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ทีมสเปอร์สของโยลเสียบาลานซ์ และผลงานออกทะเลจนโดนปลดในที่สุด
ครั้งนั้นยอมรับเลยว่า แอบว่ากุนซือหัวเหม่งชาวดัตช์ว่ารำไม่ดี โทษปี่โทษกลอง แต่ตอนนี้ผมเริ่มปักใจเชื่อคำกล่าวหาของโยลที่มีต่อ โคโมลี่แล้วล่ะครับ
สายตาการเป็น Scout ของโคโมลี่รวมถึงการให้คำปรึกษาแก่รามอสนั้น ถือว่า ‘สอบตก’ อย่างรุนแรง มีอย่างที่ไหนปล่อย สามหอกพระกาฬ ไล่มาตั้งแต่ เดโฟ คีน เบอร์บาตอฟ ออกจากทีม และได้กองหน้าที่ไม่มีใบการันตีประตูอย่าง โรมัน พาฟลูเชนโก้ มาจับคู่กับสากอย่าง ดาร์เรน เบนท์ !!??
การปล่อยผู้เล่นที่เป็นเสาหลักและเล่นได้ดีพอตัวในซีซั่นที่แล้วอย่าง สตีด มัลบรองค์ ก็ถือว่าเสียหายมากเนื่องจากปีกฝรั่งเศสรายนี้ เป็นคนนึงที่ฟอร์มสม่ำเสมอมากที่สุดคนนึงเลยหากไม่นับ คีน-เบอร์บา ที่เป็นสองตัวชูโรงของทีม
ส่วนตัวผมค่อนข้างเชื่อนะครับว่า การตัดสินใจ ซื้อ-ขายผู้เล่นในทีมสเปอร์ส ไม่ได้มาจากไอเดียของรามอสเพียว ๆ และ 80 % ของทุกดีลเป็นการตัดสินใจของโคโมลี่แทบทั้งสิ้น ดังนั้น หากบอร์ดบริหารสเปอร์สเริ่มคิดที่จะไล่รามอสออกผมว่ามันไม่ค่อยแฟร์เท่าไร เพราะโคโมลี่ต่างหากที่อยู่เบื้องหลังการซื้อ-ขาย จะไล่ก็ควรจะไล่ทั้งคู่ถึงจะถูก
บทบาทของผู้จัดการทีมในพรีเมียร์ชิพ เปลี่ยนไปมากจริงๆ ครับ จากที่เคยมีอำนาจเด็ดขาดในการซื้อ-ขาย ปัจจุบันเหลือแค่จัดทัพ คุมทีม ขณะที่เรื่องต่างๆ นอกสนามเป็นหน้าที่ของ ผู้อำนวยการกีฬาเกือบหมด
คนเป็นประธานสโมสรเองก็ต้องแบ่งหน้าที่ และขอบเขตความรับผิดชอบให้ชัดเจนด้วย อย่าให้ ตำแหน่ง ผอ. ฟุตบอลมาทำให้ทีมเสียบาลานซ์ หรือ สปิริต ของทีมอย่างที่ สเปอร์ส กับ นิวคาสเซิล กำลังประสบพบเจออยู่
หาไม่แล้ว ก็จะอมบ๊วยเค็ม จมอยู่ก้นตารางอย่างที่เห็น...

No comments: