Thursday 25 September 2008

อาร์เซนอล"เต็งหนึ่ง"คาร์ลิ่งคัพ 2008-2009


หลังจากกลับมาประจำการที่อังกฤษ ได้สองอาทิตย์ ในที่สุดอะไรหลายๆอย่างในชีวิต ของผมก็เริ่มลงตัว และเข้าที่เข้าทางแล้วละครับ : )

ทั้งสภาพอากาศที่แม้จะหนาวขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็เริ่มชิน เรื่องเรียนก็ปรับตารางเวลาตัวเอง จนในที่สุดก็เจอ ‘จุดสมดุล’ และสุดท้าย ไลเซนส์ของ "คิกออฟ" ที่เป็นกังวล ก็ได้มาและคาดว่าหากโชคดี สุดสัปดาห์นี้ผมจะได้ออกไปดูเกมสดๆ ที่ขอบสนามซะทีหลังจากที่พรีเมียร์ชิพ ได้ฤกษ์เปิดฉากไปสักพักใหญ่แล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดีจายครับ

เพื่อเป็นการ ฉลองการคัมแบ็ก ทู ลอนดอนให้ตัวเอง วันอังคารที่ผ่านมา ผมก็เลยหาโอกาส แวบ ออกไป ปลดปล่อยอารมณ์สบายๆนอกบ้าน โดยพาเพื่อนซี้ต่างวัย ‘แมทธิว’ เด็กลูกครึ่งไทย-ฮ่องกง วัย 16ไปฉลองวันเกิดย้อนหลังให้น้องชายที่ร้านอาหารจีน แถวไชน่าทาวน์ซะหน่อย โดยงานนี้แม้ผมจะออกปากขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงน้อง แต่คุณแม่ของแมทธิวไม่ยอมครับ ผมจึงได้ ลาภปากเป็น ติ่มซำ ข้าวหน้าเป็ด และ ไอศครีม Hagen Daz (อิอิอิ โชคดีได้อีก)

เสร็จจากการพาน้องไปหม่ำข้าว และเดินเล่น แถวๆ เลสเตอร์ สแคว์ (Leicester Square) ซึ่งไม่ไกลจากย่านไชน่า ทาวน์ ผมก็ปิดของท้ายวันด้วยการไปชม ฟุตบอลคาร์ลิ่งคัพคู่ แมนฯยูฯ-โบโร่ที่ผับ ซึ่งผลการแข่งขันที่ออกมาก็ถือว่าไม่ต่างจากที่ผมคาดไว้สักเท่าไร เพราะแมนฯยูฯ ชนะไปตามฟอร์มแม้ว่าจะส่งชุดผสมลงสนามในเกมนี้ก็ตาม

นักเตะดาวรุ่ง พวกตัวสำรอง รวมถึงพวกเพิ่งเรียกความฟิตกลับมาได้ อย่าง คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ถูกส่งลงสนามในเกมนี้ เพื่อ เคาะสนิม และเรียกความมั่นใจจาก Competitive แมตช์บ้าง เพื่อให้ชิน+คุ้นเคยกับจังหวะของเกม หากต้องลงสนามในบางครั้งบางคราวที่ทีม เจอกับปัญหาผู้เล่น เจ็บ-แบน ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกหนีไม่พ้นอยู่แล้วระหว่างฤดูกาล

และก็เหมือนทุกๆปี ฟุตบอลคาร์ลิ่ง คัพ ยังเป็นแค่ ‘ถ้วยน้ำจิ้ม’หรือ ‘สนามเด็กเล่น’ สำหรับทีมใหญ่ๆอย่างเช่นเคย จะมีก็แค่ทีมระดับกลางกึ่งล่างเท่านั้นครับที่ให้ความสนใจกับถ้วยใบนี้
ดังนั้นอย่าแปลกใจครับ หากว่าเราเห็นทีมในพรีเมียร์ชิพ พลาดท่าตกรอบ เร็วกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งฟูแล่มและเวสต์แฮม สองทีมจากลอนดอนคือ ตัวอย่างที่ดูตัวผู้เล่นที่ถูกส่งลงสนามก็รู้ว่า ไม่เน้นกับถ้วยใบนี้ แม้ว่าจะจัดอยู่ในข่ายทีมกลางๆก็ตามที

ใจนึงก็รู้นะครับว่า จิอันฟรังโก้ โซล่า และรอย ฮอดจ์สัน นั้นมีนักเตะค่อนข้างจำกัด ดังนั้น ครั้นจะส่งชุด 11 คนที่ดีที่สุด ลงสนามตลอด ทุกถ้วย ทุกเกมนั้น คงเป็นไปไม่ได้ และ อันดับในลีกนั้นมีความสำคัญมากกว่า จึงต้องเลือกเอา อย่างใดอย่างนึง

สโต๊ค และ ซันเดอร์แลนด์ อีกสองทีมจากพรีเมียร์ชิพ ที่ทำได้แค่ เสมอ 2-2 กับทีมต่ำชั้นกว่าทั้งคู่ ก็ถือว่าเอาตัวรอดได้อย่างหวุดหวิด ไม่อย่างนั้น ปีนี้ ความน่าสนใจของ คาร์ลิ่ง คัพ จะลดน้อยลงไปเยอะทีเดียว หากไม่เหลือทีมระดับพรีเมียร์ชิพให้ ได้ตามเชียร์กัน

อย่างไรก็ดี หลังเห็นฟอร์ม และ สกอร์ไลน์ 6-0 ของเด็กๆอาร์เซนอล ที่ยำใหญ่ เชฟฯยูไนเต็ด แล้วก็คงต้องบอกว่าเวนเกอร์และเด็กยังกันส์ มีความปรารถนาที่แรงกล้ากับถ้วยใบนี้สูงมาก และ ผมก็กล้าฝันแทนแฟนปืนโตเลยครับว่า ปีนี้มีลุ้นมากเหลือเกินที่จะเข้ารอบลึกๆ ในถ้วยนี้ ดีไม่ดีถึงแชมป์ได้เลย หากยังเล่นได้ยอดเยี่ยมแบบนี้

สไตล์ และ ระบบของทีมที่ถูกวางไว้แน่นจากฐานราก อย่างที่เคยเรียนไว้ ก็เล่นได้แจ่ม และเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพไม่ต่างจากทีมชุดใหญ่ แม้เกมนี้จะส่ง นักเตะอย่าง คีแรน กิ๊บส์ แอร่อน แรมซีย์ ฟราน เมริด้า แจ็ก วิลเชียร์ และ คาร์ลอส เบล่า ซึ่งถือว่าเด็กมาก แต่เด็กชุดนี้ ก็เต็มไปด้วย ศักยภาพ และมีอนาคตที่สดใสรออยู่

น่าปลื้มแทน แฟนบอลอาร์เซนอลนะครับ ที่มี กุนซือ และบอร์ดบริหาร มีแนวทางในการทำทีมเหมือนกันคือ เน้นให้ความสำคัญ กับระบบเยาวชน ทีมงานแมวมองที่มีอยู่ทั่วโลก รวมถึงสายตาของเวนเกอร์ที่เข้าขั้นสุดยอดอยู่แล้ว เมื่อรวมกับระบบการเล่นที่เน้นให้เล่นเป็นระบบเดียวกันทุกรุ่น ทำให้จะจับใครไปเล่นตรงไหน ก็ไม่ใช่ปัญหาของทีมปืนโตชุดนี้

ครับ..ถึงผมจะยังไม่แน่ใจว่าอาร์เซนอล จะไปได้ไกล และยืนระยะได้แค่ไหนในลีก แต่กับเส้นทางคาร์ลิ่ง คัพ ที่หลายๆทีม ไม่เน้นให้ความสำคัญนัก ผมเชื่อครับว่า ทีมปืนโตนี้แหละคือ เต็งหนึ่งในใจใครหลายคน รวมทั้งตัวผมเอง

No comments: