Friday 19 September 2008

ผีแดง "อิ่มตัว" จากความสำเร็จ ??


รู้สึกเหมือนผมมั้ยครับว่า อาการ "แฮ้งโอเวอร์" ของทัพนักเตะปีศาจแดง ในความสำเร็จจากเมื่อฤดูกาลที่แล้วยังคงแสดงอาการ ให้เห็นกันอยู่ ?

การได้ตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีก รวมไปถึง การก้าวขึ้นไปนั่งแท่นราชันแห่งเจ้ายุโรปอีกครั้ง บางทีอาจจะทำให้ความกระหื่นกระหายของนักเตะและกุนซือ ซึ่งก็เป็น มนุษย์ปุถุชนธรรมดา ที่ได้มาซึ่งความสำเร็จที่ตัวเองหวังเอาไว้เรียบร้อยแล้ว อาจจะทำให้ความรู้สึกอยากได้ อยากมี ลดน้อย ถอยตามลงไป...

ลองนึกภาพเอาน่ะครับ นักเรียนนักศึกษาที่เพิ่งสอบเสร็จ หรือ เรียนจบได้เป็นบัณฑิตมาหมาดๆ นักการเมือง หรือ นักกีฬาดังๆ ที่ได้รับความสำเร็จถึงขีดสุด คนเหล่านี้ (จริงๆ ก็เกิดขึ้นแทบกับมนุษย์ทุกคนนั้นแหละ) บางครั้งอาจเกิดความรู้สึก ‘อิ่มตัว’ หรือ อยากพัก จากเรื่องหนักๆ บ้างก็เป็นได้

ภาพรวมนับตั้งแต่เปิดฤดูกาลเป็นต้นมา เรื่อยไปถึงเกมล่าสุดที่ปะทะ บีญาร์เรอัล ทีมผีแดงเล่นได้เงียบเชียบ ผิดวิสัยโคตรทีมที่ตราตรึงและสะกดใจ แฟนบอลทั่วโลก ที่ยัง ‘ติด’ กับภาพในวันวานว่าพวกเค้าพร้อมจะกะซวกคู่แข่งทุกรายให้ไส้แตกยามเล่นในบ้าน

มันก็เลยเป็นที่มา และ ที่ไป ซึ่งทำให้ผมแอบคิดไม่ได้ครับว่า พวกเค้ากำลังยังไม่ฟื้นจากอาการเมาค้างที่ว่า...

จริงอยู่ที่ หลายคนอาจจะเถียงว่าผม ตื่นตูม ด่วนสรุปเกินไปรึเปล่า เพราะทัพผีแดงเองก็ยังประสบปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บ (คาร์ริค 6 สัปดาห์ ,เบอร์บาตอฟเจ็บเข่าจากเกมเรดไฟต์) ขณะที่บางรายก็เพิ่งฟื้นจากอาการบาดเจ็บ อย่าง แกรี่ เนวิลล์ (กลับมาดูเชื่องช้าไปเยอะ) นานี่ ,โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ และ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ความหวังสูงสุดของทีมที่กลับมาลงสนามได้เร็วเกินคาด แต่ก็ยังไม่ฟิตเต็มร้อยกันสักคน

ดังนั้น หากจะให้วิจารณ์ฟอร์มของยูไนเต็ด ในเกม ผีแดง VS เรือดำน้ำ ผมก็คงต้องเรียนไปตามเนื้อผ้าว่าพวกเค้าเล่นเหมือนไม่ใช่ ปิศาจแดง ทีมเดิม เพราะตอนนี้ขาดทั้งความเฉียบคมในการจบสกอร์ ซ้ำยังคงดูไม่หนักแน่นในแดนมิดฟิลด์ ซึ่งก็เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้พวกเค้าต้องพ่ายแก่อริตลอดกาลอย่าง ลิเวอร์พูลเมื่อวันสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างไรก็ดี ผมไม่ได้บอกว่าพวกเค้าจะคัมแบ็กกลับมาหลอกหลอนชาวบ้านอีกไม่ได้ เพราะกระทาชายนามว่า คริสติอาโน่ โรนัลโด้ เจ้าชายแห่งวงการลูกหนังนั้นกลับคืนสู่สนามหญ้าได้แล้ว...

ผมเชื่อนะครับ ว่าการกลับมาของโด้จิ๋ว จะเป็น ‘จุดเปลี่ยน’ สำคัญของทัพผีแดง ซึ่งตอนนี้กำลังพบกับสถานการณ์ที่ยากลำบากอยู่ เพราะมีนักเตะ เพียงไม่กี่คนในโลกเท่านั้นครับ ที่จะครบเครื่อง ต้มยำ และเปลี่ยนโฉมหน้าของเกม ได้ด้วยคน คน เดียว (ไม่นับ เมสซี่ โรบินโญ่ หรืออาเกโร่ ที่เทพพอกันนะจ๊ะ)

Forgiveness comes quickly, it seems, when your team looks lost without you คือ คำนิยามที่ เอียน เลดี้แมน คอลัมนิสต์ ของ น.ส.พ. Daily Mail จำกัดนิยามการกลับมาของปีกเลือดฝอยทองได้ดี + โดนใจผมเป็นที่สุด

ครับ ถึง ปีกสับสยองรายนี้ จะ ทำตัวหน้าไหว้ หลังหลอก ในช่วงยูโรที่ผ่านมา หลังอยากย้ายทีมจนตัวสั่น ถึงขั้นคร่ำครวญปนกระจองอแง อันเป็น เทรนด์ครบสูตรของนักฟุตบอลสมัยนี้ แต่แฟนบอลแมนฯยูไนเต็ด กลับไม่มีเสียงโห่ หรือ บ่นให้เห็นกันสักแอะ เนื่องจาก สถานการณ์ ของทีมในเวลานี้ เข้าตำรา ‘ขาดเธอ ฉันขาดใจ’

ก็ต้องมาดูกันต่อไปครับว่า โด้จิ๋ว จะเล่นได้สมกับที่แฟนๆ ยกโทษให้หรือไม่ และเจ้าตัวจะพาทีมพลิกวิกฤติของทีมที่ล่าสุดทำได้เพียงชนะ 1 จาก 6 นัดหลังสุด ได้หรือเปล่า ?

จ็อบแรกของ ปีกทีมชาติโปรตุเกส ถือว่าหนักหนาสาหัส ไม่ใช่เล่นครับ เพราะทีมต้องออกไปเยือน ‘สิงห์ไฮโซ’ เชลซีจ่าฝูงบนหัวตาราง ซึ่งขณะนี้มีคะแนนนำ แมนฯยูไนเต็ด อยู่ 6 คะแนน และที่สำคัญมีหลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ กุนซือสมองเพชร ซึ่งน่าจะรู้วิธีในการรับมือ อดีตลูกศิษย์ในทีมชาติเป็นอย่างดี ก็น่าสนใจอีกเช่นกันว่า โด้จิ๋วจะแผลงฤทธิ์ออกหรือไม่ในเกมวันอาทิตย์นี้

ถ้าฟอร์มของยูไนเต็ดยังเล่นได้เท่าที่เห็น + โด้ ยังวาดลวดลายไม่ออก และเชลซี ยังคงเล่นดุดัน มันส์พ่ะย่ะค่ะ แบบนี้

หวยที่ออก คาดว่าคงเดาได้ไม่ยากใช่มั้ยครับ ว่าทีมใดจะเป็นผู้ชนะในเกมวันอาทิตย์นี้ ?

2 comments:

Konijiwa said...

คุณเอก แล้วอย่างนี้เบอร์บาตอฟ
มันก็ไปอยู๋ท่ามกลาง นักเตะที่อิ่มตัวกันทั้งนั้นหรือปล่าว
แฟนสเปอร์สหลายคน สาบแช่ง ไม่ว่าจะเป็นแมนยูกับ ตอฟ ทั้งนั้นเลยตอนนี้

เอก อุดมสุข said...

เสมอไปแล้วเรียบร้อยครับ 1-1

จูดาส 2 เรา เล่นไม่เลวเลยนะ ดีกว่าในรายของคีนน้อย ที่ท่าตกที่นั่งลำบากซะแว้ว กับชีวิตในถิ่น แอนด์ฟิลด์