Monday 22 September 2008

ปัญหาเดิม ๆ ของหงส์แดง-ปืนโต!

พรีเมียร์ชิพคู่วันเสาร์ที่ผ่านมา ผมเชื่อว่าเป็นอีกครั้งนึงที่เซียน หรือเกจิอาจารย์ดังทั้งไทย เทศ ปากกาหักกันเป็นแถบ ๆ โดยเฉพาะคู่ ลิเวอร์พูล-สโต๊ค ซึ่งเจ้าบ้านทำได้แค่เสมอ ทั้งๆที่ ผลงานที่ผ่านมา ประกอบกับตัวผู้เล่นที่เหนือกว่าบานเบอะ จึงทำให้มองเหลี่ยมไหน มุมไหน ก็ไม่น่าจะพลาดกันฟัน 3 แต้มเข้ากระเป๋า

ขณะนี้เวลา 2 นาฬิกา กับ 2 นาที 44 วินาที...หนุ่มไทยหัวใจไก่ เข้ามาชมเกมนี้ที่ผับแถวบ้านย่าน Earls’ court เพื่อตามผลงานตัวเองเสียหน่อยหลังให้หงส์แดงเป็น ทีเด็ดประจำสัปดาห์

‘โว้ว โวว เย เย่’...ผมนั่งกรุ้มกริ่ม ฮัมเพลงในใจ หลังเห็น สตีวี่ จี ยิงฟรีคิก สุดใสสะอาด เข้าประตูไปอย่างสวยสด งดงาม เพราะไปฟันธงในคอลัมน์ ‘ไม่เชื่ออย่าลบหลู่’ ของตัวเองไว้ว่า หงส์จะชนะใส + หัวขิงจะเบิกลูกที่ 100ให้ตัวเองได้ในเกมนี้

เพียงครึ่งนาทีหลังจากนั้น ความรู้สึกของผมก็เหมือนถูกถีบลงมาจากยอดเขาเอเวอร์เรสต์ เพราะกรรมการเจ้ากรรม อย่าง อังเดร มาร์ริเนอร์ ดันพลาดตาถั่วเข้าใจว่า เดิร์ค เคาท์ล้ำหน้า !!??

'ตรงไหนฟร่ะ’ ผมอดถามตัวเองไม่ได้ ตอนที่ยังไม่ได้เห็นภาพช้าในจังหวะนี้ และคำอุทานก็เปลี่ยนเป็น ‘บัดซบ’ แทบจะทันทีที่เห็นภาพช้าที่ฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าในช่วงพักครึ่งเวลาแรก ทางช่อง ESPN ที่ผมชมอยู่ เพราะจังหวะนี้ ยังไง ๆ ก็เป็นประตู อย่างที่สายตาหลายล้านคู่เห็นพ้องตรงกัน ยกเว้นนาย อังเดร มาร์ริเนอร์ คนเดียวที่สะเหล่อเป่าเป็นลูกล้ำหน้า และคงโดนสวดยับ แบบไม่ต้องสืบ เนื่องจากช็อตนี้เปลี่ยนหน้าตาของผลการแข่งขันในเกมนี้ไปแบบเต็มเหนี่ยว

ประเด็นนี้ ได้รับการพูดถึงมานานนะครับ ว่าวงการฟุตบอลควรเอาภาพช้ามาตัดสินเปลี่ยนผลการแข่งขันหรือไม่ เพื่อให้ความยุติธรรมในเกมลูกหนังสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ?

จอห์น เทอร์รี่ ยังโดนลดโทษแบน ได้เลย ทั้ง ๆ ที่ กรรมการควักใบแดงไล่ออกไปแล้ว แต่ภายหลังก็ยังมีการแก้คำตัดสิน.... นับประสาอะไรการยิงประตูได้แบบขาวสะอาด แต่ไม่ถูกนับให้ไปเป็นประตู +ส่งผลโดยตรงกับผลการแข่งขัน เซ็ปป์ แบล็ตเตอร์ และทีมงานของฟีฟ่า น่าเก็บเอาไปคิดเหมือนกันนะครับเนี่ย

อย่างไรก็ดี ราฟาเอล เบนิเตซ และแฟนบอลลิเวอร์พูลเองก็ต้องยอมรับข้อจริงประการนึงที่ว่า พวกเค้าเล่นกันไม่ดี + ไม่คมพอเอง ในเกมนี้ เพราะรู้อยู่เต็มอก ว่า สโต๊ค นั้นมาอุดแน่ ๆ ดังนั้นการได้มาแค่ 1 คะแนน แต่รู้สึกเหมือนแพ้ ก็โทษใครไม่ได้อีกเช่นกัน นอกจากส่องกระจกดูเงา และโทษตัวเองบ้าง ในความไม่สม่ำเสมอของตัวเอง

เพราะต่อให้ เอาชนะ แมนฯยูไนเต็ด ได้แบบไป-กลับ แต่มาทำ หมูหก กับทีมดาด ๆ เรี่ยราดแบบนี้ การจะฝันถึงแชมป์ นั้นบอกตรงๆ แบบไม่กลัวแฟนหงส์เคืองเลยว่า โอกาสนั้นแทบจะเป็นศูนย์
อีกจุดนึงที่สื่ออังกฤษ หลายสำนักเริ่มตั้งเป็นประเด็น นอกเหนือจากฟอร์ม สามวันดี สี่วันร้าย ของลิเวอร์พูล หลังเกมนี้ก็คือ การลงเล่น 8 นัด แต่ยังแห้งแล้งประตู จาก หัวหอกค่าตัวแพงอย่าง ร็อบบี้ คีน ที่เกมนี้ มีโอกาสเหน่งๆ 2-3 จังหวะ และน่าปลดล็อก ให้ตัวเองได้แล้ว แต่กัปตันทีมชาติไอร์แลนด์ กลับยิงเหมือนกลัวว่าบอลจะเจ็บเสียอย่างนั้น
ผมเองเคยเขียนไว้ในคอลัมน์ เมื่อช่วงต้นฤดูกาลว่า คีนน้อยไม่น่าจะสอบตกในถิ่นแอนฟิลด์ ถึงตอนนี้ก็ยังเชื่ออยู่แบบนั้นนะครับ เพราะ คิดว่า ตอนนี้ คีนน้อย ยังขาดโชค และ ความมั่นใจ อยู่เล็กน้อย แต่รอให้เบิกสกอร์แรกให้ตัวเองได้ ‘ความเก๋า’ + ‘ความทุ่มเท’ ที่ไม่มีหมดของเจ้าตัว จะสร้างประโยชน์ให้ทัพหงส์ ได้มหาศาลแน่นอน

มาพูดถึงเกมอื่นๆ ที่ลงเตะไปเมื่อวันเสาร์เช่นกัน อาร์เซนอล ที่ผมทายผลถูก ก็เล่นได้ตามใบสั่ง ของเวนเกอร์และยังน่ากลัวเหมือนเดิมกับแนวรุก ที่ไม่ว่าจะจับใครลงเล่น (เกมนี้ คู่หน้าเป็น อเดบายอร์& เบนด์ทเนอร์) ก็แทนกันได้ เพราะยืนพื้นด้วยระบบการเล่นที่เป็นรากฐานของทีม ไล่มาตั้งแต่ ชุดเยาวชน ทีมสำรอง ทีมชุดใหญ่ นักเตะทุกคนของพวกเค้า รู้งาน ว่าต้องเล่นอย่างไร ควรทำอะไรในจังหวะไหน

นี้แหละครับทีมที่จะยืนระยะได้อย่าง มั่นคงและยั่งยืน โดยไม่ต้องอาศัย เม็ดเงินจำนวนมากในการกว้านซื้อแข้งดังระดับโลกมาร่วมทีม ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเล่นได้เข้าระบบกับทีมหรือไม่ ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่ สเปอร์ส คู่ปรับ ตัวเอ้ ในกรุงลอนดอน ยังไม่เข้าใจ และ ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างทีมจากรากฐานที่ปูพื้นให้แน่นตั้งแต่ ฐานล่าง
หากต่อไป พรีเมียร์ชิพถึงคราวถังแตกตามเศรษฐกิจโลกจริง ๆ ผมก็ว่าอาร์เซนอลนี่แหละครับ ที่จะก้าวขึ้นมาผูกขาดแชมป์ได้ เพราะทีมอื่นๆ อย่าง แมนฯยูฯ เชลซี แมนฯซิตี้ หรือ สเปอร์สเอง ยังคงเน้นหนักไปทาง จ่ายเงินแลกกับความสำเร็จ ก็น่ากลัวครับว่า จะเสร็จทีมที่มีระบบการเล่นแน่นฝังรากแบบอาร์เซนอล

อย่างไรก็ดี ปัญหาเดิม ๆ ที่ผมยังคงมองเห็นจากทีมปืนโต ชุดนี้ก็คือ บทจะเล่นดีก็ดีใจหาย แต่เมื่อไร ที่สะดุด และ ความมั่นใจของ เด็กชุดนี้ตก ก็กลัวครับว่าจะเข้าอีหรอบเดิมแบบซีซั่นก่อน ๆอีก ที่นำเป็นจ่าฝูงอยู่ดีๆ ก็หัวคะมำ ปล่อยให้ทีมอื่นแซงไปแบบน่าเสียดายแทนยิ่ง

ครับ ถึงตอนนี้ ก็ยังพูดอะไรไม่ได้มาก เพราะเส้นทางยังอีกไกล แต่ถ้าให้ผมเดา ก็กลัวเหลือเกินว่าปีนี้ จะยังเป็นการแย่งแชมป์ของ แมนฯยูฯ และเชลซี อีกครั้ง หากว่า หงส์ ยังไม่สม่ำเสมอแบบนี้ และขุมกำลังที่มีอยู่อย่างจำกัดของอาร์เซนอล ยังอ่อนประสบการณ์เกินไปสำหรับฟุตบอลลีกที่เตะกันถี่ยิบ + ยาวข้ามปี

2 comments:

Konijiwa said...

สเปอร์ส ผม ท่าจะแย่แล้วครับ คุณเอก

เอก อุดมสุข said...

น่าเป็นห่วงเหลือเกินครับ สำหรับน้องไก่เรา T.T