Saturday 7 June 2008

ยูโร 96: My best memory about Euro


อาทิตย์ที่ผ่านมา สนามไฮด์พาร์ก ซึ่งเป็นแหล่งนัดเตะบอลทุกบ่ายวันอาทิตย์ของคนไทยในลอนดอน เหงียบเหงา วังเวง ไปไม่น้อยครับ หลังจากโค้ชของทีมไทยยูเค และ พี่ชายที่รักของผม ‘ใหม่ โมบาย’ ได้เดินทางกลับไทย ฟอร์กู้ดเป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังจากได้ใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศอังกฤษเป็นเวลา 10ปีเต็ม

จริงอยู่ครับที่ฟุตบอล ณ ไฮด์พาร์กจะยังคงอยู่แต่สิ่งนึงที่ผมและเชื่อว่าอีกหลายๆคน รวมถึง ‘น้าหมาน’ สมาน แสนทวีสุข ผู้ใหญ่อีกคนที่ผมนับถือ คงรู้สึกเหมือนกันก็คือ เราขาดพี่ใหญ่ที่เป็นเหมือนศูนย์กลาง ทั้งคอยกระตุ้นน้องๆในสนาม เป็นแบบอย่างที่ดีนอกสนาม มีน้ำใจกับทุกคน รวมไปถึงสิ่งนึงที่เซอร์ไพรส์ผมสุดๆก็คือการอดีตเสือลอนดอนเริ่มรักษาศีล 5ในช่วงหลังๆ ^_^

เชื่อเป็นอย่างยิ่งครับว่า พี่ใหม่ของน้องๆจะประสบความสำเร็จแน่นอนในทุกเส้นทางที่เค้าจะเลือกเดิน เนื่องจากเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงสูงมาก

กลับมาที่เรื่องฟุตบอลร้อนๆ ของที่นี้กันบ้างดีกว่า

นอกจากข่าวการอุ่นแข้งสองนัดติดของทีมชาติอังกฤษภายใต้การคุมทีมของฟาบิโอ คาเปลโล่ในช่วงสัปดาห์ที่เพิ่งผ่านมา ภาพรวมของข่าวฟุตบอลที่ประเทศอังกฤษ ณ เวลานี้ถือว่าค่อนข้างเงียบโดยเฉพากระแส ยูโร2008ที่จะเริ่มบรรเลงแข้งกันแล้วในคืนนี้

สาเหตุหลักๆนั้นก็คงพูดได้เต็มปากว่า แข้งทรีไลออนส์ไม่ได้มีส่วนร่วมกับศึกยูโรครั้งนี้ ในขณะที่บรรยากาศเคาท์ดาวน์ยูโรครึกครื้นสุดๆในหลายประเทศทางแถบยุโรป รวมไปถึงพี่ไทยของเราที่ไม่เคยเหงาจากการชมฟุตบอลต่างประเทศ...

อย่างน้อยที่สุดคนไทยก็คงได้ผ่อนคลายกันบ้างจากความตึงเครียดของการเมือง และ เศรษฐกิจ ที่ทำถ้าว่าจะบานปลายไม่จบลงง่ายๆ

แม้จะดึกไปสักหน่อย แต่คุ้มค่ากับการรอคอยแน่นอนครับ !

สำหรับผมแล้วฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโรฯ ที่เราเรียกกันจนติดปาก ที่รู้สึกว่าตัวเองได้ติดตามเป็นครั้งแรกก็คือ ยูโรปี 96 ซึ่งในตอนนั้นจำได้แม่นครับว่าตัวเองเริ่มบ้าบอลแบบจริงๆจังๆ

การที่ตามเชียร์สเปอร์สในช่วง ‘น้าหมี’เท็ดดี้ เชอร์ริงแฮม ‘ฉลามขาว’เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ นิกกี้ บาร์มบี้ ดาร์เรน แอนเดอร์ตันเป็นแกนนำในทีม + การที่ยังไม่มีทีมชาติให้ตามเชียร์ (นอกจากทีมชาติไทยที่ตามบ้างไม่ตามบ้าง) จึงหันซ้ายแลขวา ไม่รู้จะเชียร์ทีมอะไร เลยเลือก ‘ทีมสิงโตคำราม’ อังกฤษนี้แหละครับ โทษฐานที่มีขวัญใจผมอย่าง เชอร์ริงแฮม และ ‘ปีกกระดูกยุง’ แดซซ่า ติดทีมในยุคของ ‘มิสเตอร์ทีวี’ เทอร์รี่ เวนาเบิ้ลส์ เป็นผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ

อังกฤษที่เป็นเจ้าภาพในปีนั้น ถือว่าเป็นชุดที่ดีที่สุดชุดนึง เมื่อพวกเค้าสามารถลบเสียงวิพาษ์วิจารณ์ที่อดไปบอลโลกปี 1994 ที่อเมริกา ได้ด้วยการเล่นฟุตบอลที่สนุก และน่าดู น่าลุ้นแทบทุกนัด โดย ‘ไฮไลต์’ ที่จำได้แม่นที่สุดก็คือแมตช์ อังกฤษ-สกอต์แลนด์ ในรอบแรกที่พอล แกสคอยน์ กระดกบอลด้วยเท้าซ้ายข้ามหัว โคลิน เฮนรี้ แล้ววอลเลย์ด้วยขวาเข้าแบบเฉียบขาดเข้าไปอย่างสุดสวย

ประตูของแกซซ่าลูกนี้ กับเกมที่อังกฤษถล่มฮอลแลนด์ไป 4-1 ที่หัวหอก S&S เชียร์เรอร์ แอนด์ เชอร์ริงแฮม ยิงไปคนละสองตุง ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ถือเป็นแรงบัลดาลใจให้เด็กชายเอกในวัย 13 ขวบช่วงนั้นเริ่มเสพทุกอย่างครับ ที่เกี่ยวกับฟุตบอล ทั้งหนังสือพิมพ์ แม็กกาซีน ทีวี รวมถึง ลงไปบรรเลงแข้งเองที่สนามปูนหมูบ้านราณี2 ถ.ลาดปลาเค้าเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันในวัยเด็ก และเป็นอะไรที่ลืมไม่ลงจนถึงทุกวันนี้
โดดลงจากรถโรงเรียนปุ๊บ เด็กชายเอกไม่ทำอะไรหรอกครับ การบ้านหรอไม่เคยทำครับ สาบานได้ ! แฮะๆ (ไปลอกเพื่อนเอาที่โรงเรียนตอนเช้า) ข้าวเย็น ก็ต้องเตะบอลเสร็จก่อน ไม่งั้นกินข้าวไม่ลง และก่อนนอนก็ต้องนี่เลย หนังสือที่เกี่ยวกับฟุตบอลสักเล่ม ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูนอย่าง อิโต้ เจ้าหนูสิงห์นักเตะ กัปตันซึบาสะ ยิงประตูสู่ฝัน ฯลฯ

ส่วนรายการฟุตบอลที่เป็นแรงบัลดาลให้ผมในวัยนั้น ก็คือรายการเจาะสนามที่ดำเนินรายการโดย ขวัญใจนักพากษ์ในวัยเด็กของผมอย่าง คุณ ย.โย่ง เอกชัย นพจินดา ที่จะออกอากาศทุกวันเสาร์

เรียกได้ว่า เช้า สาย บ่าย เย็น หายใจเข้าออกเป็นฟุตบอล ขนาดนั้นเลยทีเดียว :)

สำหรับชื่อคอลัมน์ที่เปลี่ยนเป็นจาก Viva London เป็น Euro from UK ชั่วคราวตลอดเดือนมิถุนายนนี้ ก็เพราะอยากจะให้ กลมกลืนกับ ‘ธีม ยูโรฯ’ส่วนใหญ่ของหนังสือ ที่จะนำเสนอข่าวสาร ข้อมูล ก่อนและหลังเกม แบบอัดแน่นด้วยคุณภาพ+เรื่องราว สดๆจากพี่ท็อป และพี่โด้จากขอบสนาม

ส่วนผมเองจะพยายามหามุมมองจากเมืองผู้ดีเกี่ยวกับยูโร ครั้งนี้มาฝากกันนะครับ

วันนี้อาจจะนอกเรื่องเยอะไป เนื่องจากยังไม่มีเกมให้วิเคราะห์ หรือ มุมมองแหล่มๆที่อยากจะเขียน เลยเป็นเหตุให้ตามใจตัวเองด้วยการเขียนความประทับใจส่วนตัวมันซะอย่างนั้น อิอิ

แต่สัญญาครับว่าจากนี้จะหา ‘มุม’เจ๋งๆของยูโรมานำเสนอกันแน่นอน

สำหรับคู่เปิดสนามในคืนนี้ ผมค่อนข้างเชื่อว่า สวิตเซอร์แลนด์จะไม่แพ้เช็กครับ เนื่องเจ้าบ้านไม่น่าจะเสียที ตั้งแต่นัดแรก ขณะที่เช็กเองแม้จะอัดแน่นด้วยคุณภาพ แต่การขาดโทมัส โรซิกกี้จะส่งผลกระทบเต็มๆครับกับทัวร์นาเมนต์นี้ของพวกเค้า

ขณะที่อีกคู่ โปรตุเกส-ตุรกี ผมเชื่อใจทีมขนมฝอยทอง และฟอร์มเทพของคริสเตียนโน่ โรนัลโด้ครับ แม้ว่าตุรกีจะไม่หมู และหน้าเป้าโปรตุเกสจะไม่คม แต่3 แต้มแน่นอนครับ สำหรับลูกทีมของ หลุยส์ ฟิลิปเป้ สโคลารี่ ฟันธง !

4 comments:

tummy said...

เชียร์โครเอเชียแทนดิ พี่เอก

ธานคับ said...

หวัดดีครับคุณเอก พูดถึงยูโร 96 ก็ถือว่าเป็นไฮไลต์ในความทรงจำเหมือนกันครับ ตอนนั้น อยู่ ม.5 เองมั้งครับ (กระทู้เช็คอายุ ^-^) จำได้แม่นเพราะอาจารย์ภาษาไทย แกบอกว่าให้ไปเตรียมเรื่องมาพูดหน้าชั้น ให้พูดคนละเรื่อง คนละ 10 นาที ผมก็ฉิบหายแล้ว ทำไงดีตรู พูเรื่องอะไรดีว่ะ ก็เลยเอาเรื่อง ยูโร 96 ตามสโลแกน " Football comes home " มั่วไปเรื่อย จนจบ 555 เลยยังฝังใจมากเป็นพิเศษ

ตอนนั้นแอบเอาใจช่วยเด็กไก่เราเหมือนกันครับ แถมผู้จัดการทีมก็อดีตนายไก่อีก อีตาทีวี แกคิดว่าแก เท่มาก วางแทคติกแบบต้นคริสต์มาส เล่นจับไอ้ปีกกระดูกยุงไปเล่นปีกขวา ในลักษณะแบบ วิง-แบ็ค ให้แม็คก้า ไปยืนทางซ้าย คิดไปได้...

แต่ขอบลูกที่แกสคอยส์ กระดกบอลข้าม โคลิน เฮนดรี้จริงๆ ครับ สุดยอดมากๆ แถมลูกที่เชอริงแฮม ทำท่าแปะบอลให้ เชียเรอร์ยิงถล่ม ฮอลลแลนด์ไป 4-1 ก็น่าประทับใจ ทั้งๆที่ตัวเองได้เชียร์อังกฤษ แต่ก็แอบเอาใจช่วยนิดๆ

ตอนนั้น ซีดานยังไม่ได้เกิดเลยมั้ง เป็นดาวรุ่งธรรมดาอยู่เลย ยูริ จอร์เกฟฟ์ เป็นตัวหลักมากกว่า แถมฝรั่งเศสพึ่งเริ่มต้นสร้างทีม กองหน้ายังฝืดกันแบบสุดๆ เผลอแป๊ปเดียว 2ปีต่อมาได้แชมป์โลกเฉย

ส่วนแรงบันดาลใจผมสุดๆ คงเป็นบอลโลกปี 94 มั้งครับ แบบว่าตอนนั้นอยู่ ม.3 ดูมันส์สุดๆ เป็นครั้งแรกที่เมืองไทยถ่ายแบบเกือบครบทุกคู่ด้วย บางคู่มาซะตีห้า หรือหกโมงก็ยังมี รีบอาบน้ำไปนั่งดูต่อที่โรงอาหารโรงเรียน อาจารย์ฝ่ายโสต ก็ใจดี บางทีอัดเทปแล้วมาเปิดตอนกลางวันให้ดูอีก แถมนัดชิง รัฐบาลยังประกาศหยุด 1 วันให้ดูบอลอีก โครตประทับใจเลยครับ

ดูเสร็จกับเพื่อนๆ ก็มาเล่นบอลรูหนูข้าวละ 5 คนกันอีก สนุกสุดๆ ฮีโร่ที่ผมชอบตั้งแต่ปี 91 อย่างบาจโจ้ ยังมาโชว์ฟอร์มเทพอีก ถึงแม้จะมีอาการบาดเจ็บเกือบๆ ทัวร์นาเมนต์ ก่อนยิงลูกโทษพลาด T-T ไม่งั้นนะ บาจโจ้ผมดังกว่านี้ไปแล้ว เฮ้อ ...

ตอนนั้นก็บ้าสุดๆเหมือนกัน ครับ อ่าน ซ๊อคเกอร์รายสับดาห์ รอดูเจาะสนาม ซื้อสยามกีฬาเล่มใหญ่ มีโลกกีฬาด้วย ซื้อแม่งทุกวัน (เงินค่าขนมก็นิดเดียว แต่เอามาซื้อพวกนี้ซะหมด T-T)แถมมีฟุตบอลสยามอีก จนที่บ้านด่าไปหลายรอบว่าซื้อทำไมเยอะแยะ


โอ๊ย นึกถึงช่วงนั้นแล้วมีความสุขจริงๆครับ พอช่วงตั้งแต่ยูโร 96 มาก็ซื้อซอคเกอร์รายวันมาตลอดตั้งแต่เล่มละ 5 บาท ยัน 15 บาทได้ตังค์ผมไปโขแล้วมั้งเนี่ย 555 นึกแล้วขำจริงๆ

ขออนุญาติเป็นประทู้บ่นถึงความหลังนะหน่อยครับ อิอิ

เอก อุดมสุข said...

ลูก้า โมดริชเล่นโอเค ยิงได้ด้วยแบบนี้ ตื่นเต้นจิงๆ และหวังว่าหมอนี้จะพาทีมเราไปลุ้นเป็นหนึ่งในท็อปโฟร์ได้

ท่าทางว่าคุณธานจะอายุเยอะกว่าผมน่ะคับ อิอิ เพราะว่าบอลโลกปี 94ผมเพิ่งเริ่มดูบอลได้ไม่เท่าไร

คิดถึงความหลังสมัยยังเด็กเนี่ย มีความสุขเจงๆ...ว่ามั้ยฮะ?

ธานคับ said...

คงแก่กว่าไม่กี่ปีล่ะครับ ปี 94 ผมอยู่ ม.3 อายุ 15 กำลังเอาะๆ เลยทีเดียว หุหุ