Monday 16 June 2008

กลุ่ม A นัดสุดท้าย: ฝอยทองโชว์ห่วย แอนด์ ไก่งวงดวงเฮง


รอบแรกนัดสุดท้ายของยูโร กลุ่มเอ วันอาทิตย์ที่ผ่านมาผมต้องจำนน ยอมพำนักพักกาย ดูบอลคู่ สวิส-โปรตุเกส ตุรกี-เช็ก ที่บ้านครับ หาใช่ที่ผับเหมือนอย่างเคย เนื่องจากข้อเท้าพลิก บวมปูดอย่างแรงจากการเตะฟุตบอลที่พาร์คแถวบ้าน ทำให้พลาด+เสียรายได้ จากการไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านอาหารไทยในคืนวันเสาร์ และอดซ่าออกจากบ้านในวันอาทิตย์ ถือเป็นช่วง ราหูเข้า อย่างแท้จริงสำหรับหนุ่มวัยย่างเจ้าเบญเพศในปีนี้อย่างผม T.T

อย่างไรก็ดีครับ ข้อดีประการนึงจากการออกไปไหนไม่ได้ครั้งนี้ก็คือ ผมสามารถชมฟุตบอลทั้งสองคู่นี้ได้พร้อมๆกัน โดยจอนึงจากทีวีในห้องรับแขกที่บ้าน อีกจอนึงจากแล็ปท็อปตัวเก่งของผมเอง
คู่หลักที่ผมเลือกดูนั้น คือคู่ ตุรกี-เช็กครับ เนื่องจากทั้งสองทีมต้องแย่งกันเป็นที่สองของกลุ่ม หลังโปรตุเกสตีตั๋วจองรอบ 8 ทีมสุดท้ายไปก่อนใครเพื่อน

ฟุตบอลคู่นี้ ผมยกให้เป็น แมตช์ออฟเดอะทัวร์นาเมนต์ ไปเรียบร้อย แม้การแข่งขันจะยังอยู่ในรอบแรกก็ตาม เนื่องจากส่วนตัว ไม่เชื่อครับว่าจะมีคู่ไหน ‘หักมุม’ ได้เท่านี้อีกแล้ว...

นี้เป็นครั้งที่สองในรอบ 4 วันแล้วครับที่ลูกทีมของ ฟาติห์ เตริมโดนออกนำไปก่อน แต่สามารถ คัมแบ็ก กลับมาชนะคู่แข่งได้ โดยก่อนหน้านั้นก็โดนสวิตเซอร์แลนด์เจ้าภาพที่เล่นได้ประทับใจแฟนบอลทุกนัด ออกนำไปก่อน 1-0 และจวนเจียนๆจะยิงลูก สอง สาม สี่ แต่ทำไม่ได้ จนในที่สุดแข้งพลังเติรก์ ก็โชว์จิตใจที่แข็งแกร่งกลับมายิงสองประตูรวดเอาชนะเจ้าถิ่นไปได้อย่างเจ็บแสบ

เกมนี้ ก็เช่นเดียวกัน ในการพบกับเช็กของ คาเรล บรูคเนอร์ ซึ่งวางหมากมาได้ดีเหลือเกินโดยเฉพาะช่วง 60นาทีแรกของเกม โดยครั้งนี้กลับมาใช้ จุดแข็งที่สุดของตัวเองอย่างเคยด้วยการให้ ไอ้ยักษ์ ปลักถึก อย่าง แยน โคลเลอร์ มาเป็นหอคอยเดี่ยวสูงตระง่าน ใช้ความสูงใหญ่ กดดันหลังตุรกี และแผนแรกของ ขรัวเฒ่าชาวเช็กก็ออกหมัดทำคะแนนได้ก่อนเมื่อ โคลเลอร์เข็กลูกถนัดเข้าไป 1-0

ลูกบอมบ์จากด้านข้างของเช็กเกมนี้ดูจะมีการตระเตรียมกันมาเป็นอย่างดีครับ และทิ้งช่วงห่างเป็น 2-0 เหมือนเป็นการเบิกทางสู่รอบ เซมิ-ไฟนอล กลายๆได้อีกด้วย หลัง โรสลาฟ พลาซิล ดาวเด่นจากยูโรครั้งที่แล้วถีบบอลเข้าไป

บรูคเนอร์รวมถึงนักเตะเช็กชะล่าใจเกินไป + คงหลงคิดว่าพวกเติรก์คงถึงคราวสิ้นน้ำยาก็คราวนี้ หารู้ไม่ว่า ‘ทีมสปิริต’ และ จิตวิญญาณนักสู้ของนักเตะตุรกีชุดนี้นั้น แข็งแกร่งเอามากๆ

ผมเองก็ยอมรับครับว่าตอนสกอร์ 2-0 นั้นตัวเองได้กาชื่อตุรกีออกจากรอบ 8 ทีมสุดท้ายไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน เพราะก่อนหน้านั้นแนวรับของเช็กที่นำโดยผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในโลกอย่างปีเตอร์ เช็กคุ้มกันอยู่ แนวรับคงปลอดภัยไร้กังวล บวกคู่เซ็นเตอร์ฮาร์ฟ อย่าง โทมัส อูฟาลูซี่ กัปตันทีม และ เดวิด โรเซห์นัล ก็เล่นได้ไม่ผิดพลาด และดูเหนียวแน่นดีในช่วงก่อนจะโดนตีไข่แตก

อีกอย่าง ใครจะไปเชื่อละครับว่าตุรกีจะกลับมายิงสองประตูรวดได้ ในช่วง 5นาทีสุดท้าย?

เป็นอะไรที่ โคตรจะหักมุมครับ สำหรับตอนจบของเทพนิยายทีมเช็กที่ครั้งนึงเคยเป็นทีมที่เขี้ยวสุดๆทั้งเรื่องของแนวรุกที่ดุดัน และจิตใจที่แข็งแกร่งของนักเตะ โดยเฉพาะในยุดที่มี พาเวล เนดเวดเป็นจอมทัพ แยน โคลเลอร์ และ มิลาน บารอส ยังไม่เลยจุดพีค ในชีวิตค้าแข้ง

มาวันนี้ คงพูดได้เต็มปากแล้วว่าเช็กคงหมดยุคเรืองรองแล้วจริงๆ ...

แนวรับเช็กที่เล่นกันมาดีๆ แต่พอเสียประตูแรกไปเท่านั้น ไม่ทราบว่า ขวัญกำลังใจทำไมมันถึงได้หดหายได้อย่างน่าเหลือเชื่อผิดกับทางฝั่งตุรกีที่โดนนำไปสองลูกก่อนแท้ๆ กลับไม่มีถอดใจให้เห็น

งานนี้ต้องชมทั้งฟาติห์ เตริมและขุนพลนักเตะเติรก์ทุกคน โดยเฉพาะ นิฮัต คาห์เวชี่ ดาวซัลโวสูงสุดจากทีมบีญาร์เรอัล (18 ประตูในซีซั่นที่ผ่านมา) ที่โชว์บุคลิกความเป็นผู้นำด้วยการเล่นอย่างมุ่งมั่นทุ่มเทตลอดทั้งเกม

ทั้งสองประตูของหัวหอกร่างเล็กในเกมนี้ แสดงคลาสของเจ้าตัวอย่างแท้จริงครับ ลูกแรกนั้นโชว์สัญชาตญาณ เสือปืนไว ทันทีที่ปีเตอร์ เช็ก ทำบอลหลุด ไม่ถึงเสี้ยววินาที นิฮัตก็โฉบเข้ามาถึงบอลแทบจะทันที ขณะที่ลูกสอง ประตูชัยก็ยิงได้คมกริบ + นิ่งมาก และเป็นตัวทีเด็ดของทีมอย่างแท้จริง
ข้อเสียเดียวของตุรกีในเกมนี้ก็คือ การที่ โวลคาน เดมิเรลประตูของทีม ทำอะไรสิ้นคิดด้วยการไปผลักแยน โคลเลอร์จนหงายท้อง และจะโดนแบนสองแมตช์นั้น ถือเป็นความหายนะของทีมก็ว่าได้ครับ เนื่องจากว่า นายเดมิเรลนี่ เหนียวแน่น และโชว์ฟอร์มได้ดีทีเดียวในทัวร์นาเมนต์นี้

สรุปแล้วคู่นี้ เช็กต้องตกรอบไปคงต้องบอกว่าเป็นเพราะความประมาท + เสียสมาธิในช่วงท้ายเกมของพวกเค้าเอง ขณะที่ตุรกีนั้นดวงดีมาแล้วสองเกมติด เกมต่อไปจะต้องพบกับโครเอเชีย ‘ม้ามืด’ ตัวจริงปีนี้ ในรอบเซมิ-ไฟนอล ผมว่าปาฏิหารย์จะไม่เกิดครั้งที่สามแน่นอนครับ

ส่วนโปรตุเกส ที่บิ๊กฟิลจัดทัพแบบสมยอมให้เจ้าภาพสวิสได้มีรอยยิ้มเล็กๆในนัดสุดท้ายนั้น เท่าที่ดูเกมนี้แบบลวกๆ ผมว่าตัวสำรองทีมฝอยทอง ยังไม่เด็ดสะระตี่เท่า ฟลายอิ้งดัตช์แมน ทีมที่ผมขอเลือกฟันธงว่าอย่างน้อยที่สุดจะได้เข้าชิงในปีนี้

ลูกทีมของบิ๊กฟิลนั้น ปัญหาเดียวที่จะทำให้ทีมไปไม่ถึงฝัน อย่างที่เรียนมาตลอดก็คือตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าเพราะทั้ง นูโน่ โกเมส กัปตันทีมหรือ เฮลเดอร์ ปอสติก้า ที่ได้ลงมาสัมผัสเกม โปรตุเกส-สวิส นั้นยังชั้นไม่ถึงและปัญหานี้จะส่งผลแน่นอนกับผลงานในรอบต่อไปของพวกเค้า

สำหรับค่ำคืนนี้ มีเตะสองคู่ ฝรั่งเศษ-อิตาลี และฮอลแลนด์-โรมาเนีย คู่แรกนั้นกระเสือกกระสน ดิ้นรนหาสามแต้มด้วยการทั้งคู่ แต่จากผลงานสองนัดที่ผ่านมา ผมมองแล้วอิตาลีดูดีกว่าเล็กน้อย จึงน่าจะเก็บ 3 คะแนนกู้หน้าแชมป์โลกครั้งล่าสุดได้เสียที

ขณะที่คู่ฮอลแลนด์- โรมาเนีย น่าสนใจว่าลูกทีมของ ฟาน บาสเท่น จะเต็มที่กับเกมนี้ขนาดไหน แต่ลึกๆผมเชื่อว่าพวกเค้าจะเป็นมืออาชีพพอ และจะสยบทีมผีดิบให้กลับไปลงหลุมได้ไม่ยากครับ

3 comments:

tummy said...

พี่เอก อยากปรึกษาเรื่องเรียนต่อที่อังกฤษอะพี่ แอดเมลล์มาคุยได้เปล่าครับ

i_tummy@hotmail.com

เอก อุดมสุข said...

แอดไปแล้วนะครับ

Anonymous said...

ปาฏิหารย์ครั้งที่ 3 เกิดขึ้นไปแล้ว แถมทำให้โครเอเชียของ โมดริซ ตกรอบอีกต่างหาก