Friday 22 June 2007

แกเรธ เบล "ไก่ตัวใหม่" แห่งถิ่นไวท์ ฮาร์ท เลน

ในที่สุดนักเตะดาวรุ่งที่ฮอตฮิตติดลมบน ในตลาดนักเตะช่วง ที่ผ่านมาอย่าง แกเรธ เบล เจ้าหนูดาวรุ่งวัย 17 ปีของเซาแธมป์ตัน ก็ตกลงเลือกซบตัก "ไก่เดือยทอง" ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ของมาร์ติน โยล แอนด์ เดอะแกงค์เรียบร้อยเสียที

ด้วยค่าตัว 10 ล้านปอนด์โดยมีเงื่อนไขจ่ายสด 5 ล้านเป็นสินสอด ก้อนแรก ส่วนที่เหลือจะตามมาตาม จำนวนนัดที่เจ้าตัวลง สนามทำเอาหลายๆ ฝ่ายทั้งสื่อไทย สื่อเทศ ให้ความสนใจกับการย้าย ทีมของเด็ก หนุ่มจากเมืองคาร์ดิฟฟ์ครั้งนี้พอสมควร

จะคุ้ม หรือไม่ ถ้าถามทางฝั่งทีมนักบุญนั้นคุ้มแน่นอน เพราะเบลเหลือสัญญาอีกเพียงแค่ปีเดียวก็จะย้ายทีมได้แบบอิสระ ดังนั้นการเลือกใครขาย "เจ้าหนูลูกนิ่ง" ออกไปตอนนี้คือทางออกที่ดีที่สุด

จริงๆ แล้วเบลเกือบย้าย ทีมตั้งแต่ช่วง ตลาดเปิดเมื่อเดือน มกราคมที่ผ่านมา แต่เจ้าตัวเลือกที่จะอยู่ต่อเพราะหวังจะช่วยให้ทีม ได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ชิพก่อน

แต่เมื่อเซาแธมป์ตัน พลาดโอกาสเลื่อนชั้น หัวใจที่ร่ำร้อง ต้องการที่จะเล่นในลีกสูงสุด ของเด็กหนุ่มซึ่งทำลายสถิตินักเตะเวลส์ที่แพงที่สุดของ จอห์น ฮาร์ทสัน 7.5 ล้านปอนด์เมื่อครั้งย้ายจากเวสต์แฮมไปวิมเบิลดันลง ได้ก็ได้ทำตามความฝันตัวเองด้วยการย้าย ทีมหลังจบฤดูกาล

การขายครั้งนี้ของ "เดอะเซนต์" จึงเป็นดีลที่แฟร์กับทั้งตัวนักเตะ และสโมสร

มาดูทางสเปอร์สมั่งว่าได้อะไรกับการลงทุนครั้งนี้... ถ้าเปรียบแกเรธ เบล กับ รถยนต์สักคัน เบลก็คงเป็นรถเฟอร์รารี่คันแพงที่มีคุณสมบัติของรถที่ดีทุกประการ อยู่ที่ว่าผู้ใช้จะเลือกใช้ และดูแลรักษาสินค้าพรีเมียมนี้ได้ยาวนาน มากน้อยขนาดไหน

ด้วยวัยเพียงแค่ 17 ปี และพิสูจน์ตัวเองมาแล้วทั้งในระดับสโมสร และกับทีมชาติที่เจ้าตัวทำสถิติเป็น นักเตะที่อายุน้อยที่สุดรองจาก ธีโอ วัลคอตต์ ที่เล่นให้เซาแธมป์ตัน และอายุน้อยที่สุดที่ติด ทีมชาติเวลส์รวมถึงพรสวรรค์ และเท้าซ้ายที่เหมือนเป็นของขวัญ จากพระเจ้าที่ยิ่งดูยิ่งเนียน จริง ๆ กับ "ลูกนิ่ง" อย่างลูกฟรีคิก หรือ เตะมุม ถึงขนาดที่บางคนเอาเจ้าตัวไปเปรียบเทียบกับ เดวิด เบ็คแฮม ต้นฉบับ "เจ้าพ่อลูกนิ่ง" ทำให้เบลยิ่งดูน่าสนใจ

"ลูกนิ่ง" ไม่ใช่แค่ทีเด็ดเดียวของเจ้าตัว เพราะการเติมเกมรุก ที่มีทั้งความเร็ว และความคล่องตัวรวมถึงสามารถ ช่วยสนับสนุนเกมทางฝั่งซ้ายให้สเปอร์ส ในฤดูกาลหน้าได้น่าจะ ทำให้ปัญหาทางฝั่งซ้ายของ ทีมตราไก่ที่มีมาโดยตลอดในฤดูกาล ที่ผ่านมาคลี่คลายลงได้ไม่มากก็น้อย

ไม่แน่เหมือนกันว่า มาร์ติน โยลอาจจะจับหมอนี่ไปยืนเป็นปีกซ้ายเลย ถ้ายังหาปีกซ้ายธรรมชาติดีๆ ไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาการจับ สตีด มัลบร็องก์ หรือแอรอน เลนนอนไปยืน ทางซ้ายถือว่าไม่ใช่ตำแหน่ง ที่ดีที่สุดของทั้งคู่

แต่การก้าวกระโดดมาเล่นในพรีเมียร์ชิพของ เจ้าตัวหลังจากเล่นลีกแชมเปี้ยนชิพมาได้แค่ปีเดียว ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แน่นอน ดูได้จากตัวอย่างรุ่นพี่ของเค้าที่เซาแธมป์ตันอย่าง ธีโอ วัลคอตต์ ที่ตอนนี้ยังไม่มีตำแหน่งตัวจริงถาวรเลยในทีมปืนใหญ่

ยิ่งต้องเจอกับปีกขวา เขี้ยว ๆ อย่าง คริสติอาโน่ โรนัลโด้ หรือเดวิด เบนลี่ย์ กองกลางน้อง ใหม่ของทีมชาติอังกฤษที่เล่นได้อย่างโดดเด่นกับแบล็คเบิร์นในฤดูกาลที่ผ่านมา น่าจะเป็นบท ทดสอบที่ดีของเจ้าตัวหากหวังจะก้าวขึ้นมาเป็นวิงแบ็กชั้นนำของพรีเมียร์ชิพ

ไหนจะต้องเจอคู่แข่งที่ "แกร่ง" และ มี "คุณภาพ" กว่าลีกแชมเปี้ยนชิพเยอะ เจ้าหนูเบลยังจะ ต้องสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งตัวจริงในทีมมาให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก

เชื่อได้ว่า มาร์ติน โยลจะยังไม่ให้ตำแหน่ง ตัวจริงแบบ นอนมากับเบลแน่ๆ เพราะในตำแหน่งแบ็กซ้ายมี ลี ยอง เปียว และ อัสซู เอก็อตโต ยืนขวางทางรออยู่ก่อนแล้ว

การเรียนรู้ความเป็นมืออาชีพ และตั้งใจฝึกซ้อม อย่างที่เหมือนที่จอห์น โตแช็ก กุนซือทีมชาติเวลส์ได้ให้คำ แนะนำให้ดาวโรจน์ทีมมังกรแดง คือสิ่งที่เจ้าตัวต้องพยายาม ปฏิบัติตามให้ได้ เพราะวัย 17 ปีถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัว ต่อที่สำคัญของการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ

"ชื่อเสียง" และ "สิ่งยั่วยุ" ทั้งหลายที่จะถาโถมเข้ามาใส่ "ความรักดี" ของตัวนักเตะเองก็เป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วย ให้เจ้าตัวไปถึงจุดมุ่งหมายที่วาดหวังเอาไว้

การประคบประหงมของมาร์ติน โยล และสตาฟฟ์ก็จะเป็น ตัวแปรสำคัญที่จะตอบคำถามเรื่อง "ความคุ้มค่า" ของการลงทุนกับเบลในครั้งนี้เช่นกัน


เจ้าหนูเบลจะมีเพื่อนรุ่นราว คราวเดียวกันเยอะที่สเปอร์สเพราะว่า ทีมตราไก่ชุดนี้เป็นทีมที่มีวัยรุ่นสะสม ไว้ในทีมหลายต่อหลายคน อย่าง เลนนอน และ ทอม ฮัดเดิ้ลสโตน เป็นต้น


เรื่องการปรับตัวเข้ากับเพื่อนใหม่ในทีมจึงไม่น่าจะเป็นปัญหาอย่างที่ กวิน มอริสคุณครูพละที่สอนเบลมาในสมัยที่เจ้าตัวเรียนอยู่ Whitchurch High School ได้ให้สัมภาษณ์ถึงลูกศิษย์คนโปรดกับทาง BBC สื่อใหญ่ของผู้ดีว่าเจ้าตัวเป็นเด็กเรียบร้อยง่ายๆ และจะประสบความสำเร็จกับการมาเล่นให้ทีมตราไก่อย่างแน่นอน
ภาพรวมของทีม ตราไก่ตอนนี้ก็ถือว่าใกล้จะลงตัวแล้ว เพราะร็อบบี้ คีนต่อสัญญาใหม่ออกไปอีก 5 ปี และถ้า "Berbagod" ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ เครื่องจักรถล่มประตูชาวบัลแกเรีย ยังไม่หนีหายไปไหน


อย่างน้อยๆ สเปอร์สก็น่าจะทำผลงานได้ดีขึ้น หรือสามารถจบซีซั่นได้ด้วยอันดับ 4 ได้ไปเล่นถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก


อันนี้อยู่ที่ "กึ๋น" และ "วาสนา" ของมาร์ติน โยลแล้วครับว่าจะพาทีมไปตรงจุดนั้นได้อย่างไร เพราะบอร์ดบริหาร ก็แบ็กอัพเรื่อง "ปัจจัย" ให้กับกุนซือร่างอวบชาวดัตช์เต็มที่แล้วเหมือนกัน
ถ้าทีมยังถอยหลังลงคลองหรือย่ำอยู่กับที่อีก ชะตาของโยลก็อาจจะขาดได้เหมือนกัน...


สรุปแล้วการลงทุนซื้อตัว แกเรธ เบล จะคุ้มหรือไม่นั้น ส่วนตัวแล้วคิดว่าอยู่ที่ผลงานโดยรวมของทีม
ด้วยอายุงานที่ยังเหลืออีกมากเหลือเกิน เชื่อได้ว่าหาก "เจ้าหนูลูกนิ่ง" รายนี้เล่นได้อย่างที่เล่นให้กับนักบุญเมื่อปีก่อน และสามารถเติมเต็ม "จิ๊กซอว์" ส่วนซ้ายที่หายไปของสเปอร์สได้


ค่าตัว 10 ล้านปอนด์ของ แกเรธ เบล ก็ไม่ถือว่าแพง หรอกครับ หากเทียบกับ ดีน ริชาร์ดส์ อดีตกองหลัง ทีมตราไก่ที่ซื้อมา 8 ล้านปอนด์จากทีมนักบุญเช่นกัน แต่ดูพี่แกเล่นแล้วบอกได้คำเดียวครับว่า "อนาถ!!" ไม่นับที่เจ็บอยู่เป็นนิจศีล


ป.ล. สำหรับแฟนบอลที่ยังไม่เคยเห็นการเล่นของเจ้าตัวแนะนำให้เข้าไปดูในเว็บไซต์นี้ครับ http://super-goal.info/vdo_clip.php?catid=2&id=480&p=


Viva London โดย เอก อุดมสุข ข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์คิกออฟ ฉบับที่ 2862

1 comment:

Anonymous said...

[color=#6699cc]Interesting post! thank you for sharing this information. u-dom-suk.blogspot.com really got under my
[/color] [url=http://nuscin-online.info]skin,[/url] [color=#6699cc]bookmarked... Keep up the good site...[/color]