Friday 22 June 2007

ไทยแชริตี้ ชิลด์ ณ สนามกูดิสันปาร์ค




เช้ามืดของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา(6พฤษภาคม) เวลาประมาณตี4 ครึ่ง ผมดีดตัวเองลุกขึ้นจากที่นอนด้วยความตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เนื่องจากมีนัดสำคัญกับ….. [^^]
อย่าเข้าใจผิดนึกว่าผมมีนัดออกเดตกับสาวแหม่มที่ไหน น่ะครับ จริงๆแล้วผมมีนัดกับคุณ “ใหม่ โมบาย”หรือ “พี่ใหม่”พอพล ศรีกัสสป คอลัมนิสต์ฟุตบอลหนังสือพิมพ์ “คิกออฟ" เพื่อมุ่งหน้าสู่สนามกูดิสันปาร์คของทีมเอฟเวอร์ตัน เมืองลิเวอร์พูลด้วยกันในฐานะ “โค้ช”และ “นักเตะ”ของทีม Thai United UK เพื่อเข้าร่วมการแข่งกันฟุตบอลการกุศล Thai Community Charity Shield

ตั้งแต่ได้มีโอกาสมาใช้ชีวิตที่ลอนดอนย่างเข้าสู่เดือนที่ 9 นี่เป็นครั้งแรกของผมที่จะได้เยื้องกายตัวเองออกนอกลอนดอนเป็นครั้งแรก

ยิ่งการที่รู้ว่าจะได้ลงเล่นฟุตบอลในสนามแข่งขันจริงของทีม “ท๊อฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ยิ่งทำให้รู้สึกตื่นเต้นจน “ขนลุกพอง”เหมือนๆกับที่เด็กหนุ่ม(และไม่หนุ่ม)ทุกคนที่ได้ลงชื่อเข้าแข่งขันในทัวร์นาเมนต์นี้ ที่น่าจะรู้สึกไม่ต่างกันกับผมเท่าไร

ฝ่ายจัดการแข่งขันซึ่งมีแกนนำโดย ชมรมฟุตบอลไทย-ยูเค ณ กรุงลอนดอนที่มี “ปาล์ม” อดีตนักร้องวง Monkey Pantsเป็นหัวเรือใหญ่คอยประสานงานกับ “พี่เอ”จากร้านAddies และ “น้าจักร” จักรบรรจง ช่างสมบูรณ์ จากการบินไทยร่วมกันเป็นโต้โผใหญ่ในการดึง“เบียร์ช้าง”ผู้สนับสนุนหลักของทีมเอฟเวอร์ตันมาเป็นสปอนเซอร์หลักในทัวร์นาเมนต์นี้

ด้วยเหตุฉะนี้ครับ ผมและคนไทยในประเทศอังกฤษที่เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมครั้งนี้จึงได้รับ
สัมปทานความโชคดีได้เหยียบกูดิสันปาร์คไปโดยปริยาย

จุดมุ่งหมายหลักๆของการจัดการแข่งขันครั้งนี้ขึ้น คือการนำคนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษที่มีจิตใจรักในกีฬาฟุตบอลมารวมตัวกันเล่นกีฬาเพื่อก่อให้เกิดความ “สมัครสมาน”และ “สามัคคี”โดยทีมที่ส่งเข้ามาแข่งขันก็มีมาจากหลายๆเมือง เช่น ลอนดอน แมนเชสเตอร์ นิวคาสเซิ่ล และเบอร์มิงแฮม ฯลฯ

ฝ่ายจัดการแข่งขัน เก็บค่าสมัครกับผู้ที่จะลงเล่น 40 ปอนด์ (2,800บาท) และ 22 ปอนด์ (1,540บาท) สำหรับผู้ติดตามไปเชียร์ซึ่งรวมราคาค่ารถโค้ชไปเช้า-เย็นกลับ กรรมการตัดสินที่ได้รับการยอมรับจาก เอฟเอค่าอาหารและเข้าสนามทีมระดับพรีเมียร์ชิพอย่างเอฟเวอร์ตัน ถือว่าเป็นราคาที่ “สุดคุ้ม” ครับเพราะโดยปกติแค่ค่าตั๋วฟุตบอลในการเข้าสนามอย่างเดียวนั้นก็ปาเข้าไป อย่างน้อยๆ30-40 ปอนด์แล้ว

นอกจากนี้แล้วเงินรายได้หลังหักค่าใช้แล้ว เงินทั้งหมดจะถูกแบ่งสรรไปบริจาคสามที่หลักๆคือ มูลนิธิชัยพัฒนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, วัดไทยในเมืองแมนเชสเตอร์ที่กำลังต้องเงินสนับสนุนเพื่อไปซ่อมแซมหลายส่วนของวัดที่เก่าแก่ ทรุดโทรมลงไปเยอะ และสุดท้ายคือวัดพุทธาราม วัดไทยในลอนดอนซึ่งพึ่งถูกไฟไหม้ไปเมื่อวันที่19 มีนาคม 2550 ที่ผ่านมา

วกกลับมาที่เรื่องของเกมการแข่งขันปีนี้ ฝ่ายจัดการแข่งขันได้นำทีม “แมงปอล้อคลื่น” ซึ่งนำทีมมาโดย “พี่แท่ง” ศักดิ์สิทธิ์, “พี่หอย” เสนาหอย และพี่หนุ่ม คงกระพัน เพื่อมาเพิ่มความน่าสนใจของการแข่งขันในครั้งนี้ โดยทีมชุดนี้ขาดไปแค่ “เจ้าพ่อแร๊ปเมืองไทย” โจอี้ บอย ซึ่งติดภารกิจไม่ได้เดินทางมาด้วย นอกนั้นมากันครบทีมกว่า30 ชีวิต (แต่ก็ไม่ค่อยคิดถึงพี่โจ้นัก เพราะเค้าเพิ่งมาเปิดคอนเสิร์ตไม่นานมานี้เอง)

ก่อนที่การแข่งขันจริงจะเริ่มขึ้น ทีมแมลงปอ ลงเล่นนัดกระชับมิตรกับทีม สถานทูตไทยประจำประเทศอังกฤษเป็นการประเดิมสนาม โดยที่ทีมรวมดาราเล่นแบบสบายๆ ประคองตัวเฉือนเอาตัวรอดไป 1-0
การแข่งขันมีทั้งหมด 12 ทีม ถูกแบ่งออกไปเป็น4สาย สายละ 3 ทีม สนามแบ่งออกเป็นสองครึ่งเพื่อความกระชับในเรื่องของ “เวลา” ที่มีค่อนข้างจำกัดเพราะสนามเปิดให้เข้าใช้เวลาเที่ยงครึ่ง และต้องออกจากสนาม เคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อน หนึ่งทุ่มครึ่ง




กติกาก็บ้านๆครับ ลงเล่นทีมละ 8 คน เวลา 15 นาทีต่อหนึ่งเกมไม่มีพักครึ่งเวลา การเปลี่ยนตัวมีได้ไม่จำกัด ไม่มีลูกล้ำหน้า และหลังผลการจับฉลากแบ่งสายปรากฏว่าทีม Thai UK ของผมถูกจัดให้อยู่สายเดียวกับทีมแมงปอล้อคลื่น

คงไม่ต้องสงสัยน่ะครับ ว่าเวลาที่ทีมผมลงไปแข่งกับทีมดารา เสียงเชียร์ทีมไหนจะดังกว่ากัน (เหอๆ) เอาเป็นว่าขนาดเพื่อนผู้หญิงที่สนิทๆกันที่บอกว่าตามมาเชียร์ทีมผม พอเอาเข้าจริงกลับตะโกนกรี๊ด “พี่แท่งสู้ๆ” “แมงปอสู้ๆ” กันหมด

ตอนนี้เข้าใจหัวอกนักฟุตบอลที่ต้องออกไปเล่นไปทีมเยือนอย่างสุดซึ้งครับยิ่งพวกที่โดน โห่บ่อยๆในหลายๆสนามอย่าง ร็อบบี้ ซาเวจ หรือคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ช่วงโดนกดดันหนักๆจากแฟนบอลผู้ดีหลังกลับจากฟุตบอลโลกที่เยอรมันจะรู้สึกยังไง ยิ่งในรายของหนูโด้ด้วยแล้วนับถือจริงๆครับเจ้าตัวที่ผ่านตรงนั้นมาได้

ผลการแข่งขันของสายผมปรากฏว่ายิงกันไข่ไม่แตกเลยซักทีมเสมอ 0-0 โดยต้องตัดสินกันที่ลูกจุดโทษ โดยทีมแมงปอเอาชนะจุดโทษทีมผมและได้เข้าไปเป็นที่หนึ่งได้เข้าชิงถ้วย “A”หรือแข่งกับที่ 1 ของอีกสามสายและปรากฏว่าทีมรวมดาราก็ไม่ทำให้สาวเล็ก สาวใหญ่ที่ตามมาเชียร์กว่า 400 ชีวิตในวันนั้นต้องผิดหวังคว้าแชมป์ไปครองครับ

ขณะที่ทีมThai-Uk ที่มี “น้าหมาน” สมาน แสนทวีสุข และ “ใหม่ โมบาย” เป็นกุนซือร่วมสามารถพาทีมคว้าแชมป์ถ้วย “B” เอาชนะอีกสามทีมที่เข้ารอบมาเป็นที่สองเหมือนกันจากสายอื่นได้ ด้วยผลงานสุดแกร่งเล่น 5 นัดไม่เสียแม้ประตูตัวเดียว ยิงได้ 1 ประตู !! เข้าตำรา ของจอร์จ เกรแฮม “หลังเหนียว กลางแน่น แล้วหน้าจะดีเอง”







พูดถึงทีมแชมป์อย่าง “แมงปอ”แล้วก็ต้องยอมรับครับว่าเป็นทีมดาราที่เล่นฟุตบอลกันได้ดีแทบจะทุกคนแต่ที่ผมชอบที่สุดคือ“เสนาหอย” ที่เป็นเหมือนไฮไลต์ของทีมชุดนี้เรียกเสียงกรี๊ดและเสียงฮาจากสาวๆได้พอๆกับพี่แท่งด้วยลีลาการเล่นที่แม้ สรีระอาจจะดูไม่เอื้อนัก แต่ขอ ซูฮกครับว่า “ทางบอล”และ “เซนส์บอล” แกเยี่ยมจริงๆ

หลังเสร็จพิธีการมอบเหรีญ รางวัลแก่ผู้ชนะก็มีเซอร์ไพรส์เล็กๆก่อนปิดงานตรงที่ เจ้าหนูเจมส์ วอนหัวหอกดาวรุ่งของเอฟเวอร์ตันโผล่มามอบเสื้อพร้อมลายเซ็นให้แก่ผู้โชคดีในงานครับ งานนี้เล่นเอาผมวิ่งไปหยิบกล้องมาถ่ายรูปแทบไม่ทันเพราะไม่คิดว่าเจ้าตัวจะมาก่อนงานปิดเพียงนิดเดียวเท่านั้น

งานนี้ดูทุกๆคนจะแฮปปี้มากครับโดยเฉพาะฝ่ายจัดการแข่งขัน เพราะการวางแผนงานที่จัดว่า “เยี่ยม”ในเรื่องของการทำเวลาที่ค่อนข้างบีบให้ลงตัวได้ดีมากๆ

ทริปนี้จึงถือเป็นทริปนอกลอนดอนครั้งแรกผมที่ค่อนข้างประทับใจมากทั้งในเรื่องการได้ลงมาสัมผัสสนามกูดิสันปาร์คและได้ลงเล่นและคว้าแชมป์ถ้วย “B” ร่วมกับคุณ “ใหม่ โมบาย” เพราะนี้อาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวของเราที่จำได้มาเหยียบสนามแห่งนี้ร่วมกันในฐานะ “โค้ช” และ “นักเตะ”ครับ

ป.ล. ทีมแมงปอจะยังอยู่ลอนดอนอีก 1 อาทิตย์กว่าๆก่อนที่จะเดินทางกลับเมืองไทยครับ เพราะว่าวันอาทิตย์หน้า (13 พฤษภาคม) จะมีการแข่งฟุตบอลโต๊ะเล็กอีกในงาน “วันกีฬามหาสนุก”ที่จะจัดขึ้นที่ Padington โดยมีกีฬามากมายให้คนไทยในลอนดอนได้ร่วมสนุกเล่นกีฬามากมาย อาทิเช่น ชักคะเย่อ วิ่งสี่ขา แชร์บอล แบตมินตัน กอล์ฟ และวิ่งเปี้ยว ขณะที่ตอนกลางคืนจะมีการเล่นคอนเสริ์ตต่อกันที่ Porchester Hall

Viva London โดย เอก อุดมสุข ข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์คิกออฟ ฉบับที่ 2851

No comments: