Thursday 24 April 2008

เรดดิ้ง หลังเกมที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม


เห็นฟอร์มการเล่นของเรดดิ้งเมื่อ วันเสาร์ ที่ผ่านมา ในเกมกับอาร์เซนอลที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม + การให้สัมภาษณ์หลังเกมของ สตีฟ คอปเปลล์ที่ ทำหน้าเหมือนหมด อาลัยตาย อยากรวมกับ การเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นถึง 7 คนจากนัดก่อนที่เจอกับฟูแล่ม และพ่ายไป 0-2 คาบ้านตัวเอง ผมเชื่อว่าเรดดิ้ง กำลังสับสน ในตัวเองอย่างแรงครับ

ยิ่งถ้าใครได้ชมเกมที่พวกเค้าเจอกับฟูแล่ม ทีมที่กำลังดิ้นหนีตกชั้นเช่น กันในอาทิตย์ก่อนด้วยจะยิ่งเห็นได้ชัดเลยว่า นักเตะเรดดิ้งเล่นราว กับว่าปีนี้พวกเค้าสบายๆ ลอยตัวไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว

หารู้มั้ยว่าหายนะกำลังจะมาเยือน เพราะตอนนี้มีแต้มเหนือ เบอร์มิงแฮมทีมในอันดับ 18 แค่เพียง 1 คะแนน!!

ขณะที่จับรถไฟไปที่สนามของอาร์เซนอล ผมนั่งนึกเล่นๆ ครับว่าเกมนี้เรดดิ้งอาจจะมีฮึดลุ้น สักแต้มกลับถิ่นมาเดจสกี้ สเตเดี้ยม เพราะอาร์เซนอลนั้นเพิ่งจะเสียศูนย์มา และความเชื่อมั่นอาจจะโดนบั่นทอนลดน้อยลงไปได้

แต่จากที่ดูขุนพลทีมปืนโตเล่นในเกมนี้แล้ว ต้องยอมรับครับว่า ความผิดหวังจากการพลาดทุกถ้วย ในซีซั่นนี้ของพวกเค้าไม่ได้ทำให้เด็กของอาร์แซน เวนเกอร์เสียความเชื่อมั่นแม้แต่น้อย เพราะตลอดทั้งเกมนั้นเป็นฝ่ายควบคุมทุกอย่างได้หมด และสกอร์ 2-0 ที่ออกมานั้นดูจะน้อยไปด้วยซ้ำหากโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ และธีโอ วัลคอตต์ ที่เด่นสุดๆ ในเกมนี้ไม่ซัดไปโดนคานคนละหนึ่งครั้ง และจังหวะอีกนับไม่ถ้วนที่พวกเค้านั้น สร้างสรรค์โอกาสแต่จบกันไม่ลงเอง

"จุดอ่อน" เดียวของในเกม อาร์เซนอล ที่ผมพอจะมองเห็นได้ในเวลานี้ก็คือการใช้โอกาสเปลืองมากๆ กว่าจะสกอร์ได้

อย่างไรก็ดี หากว่าอาร์เซนอลแก้ไขปัญหานี้ได้ในสนาม และเดินหมาก "นอกสนาม" ตามคำแนะนำ ของกูรูลูกหนังหลายๆ ราย และอดีตตำนานอีกหลายคน ของอาร์เซนอลที่หวังจะเห็นเวนเกอร์ Add strength in depth ให้ทีมด้วยการดึง "บิ๊กเนม" มาเพิ่มอย่างน้อยๆ 3 รายในช่วงปิดฤดูกาล + รั้งนักเตะที่มีข่าวจะย้ายทีมอย่าง มาติเยอ ฟลามินี่ และอเล็กซานเดอร์ เคล็บ ให้อยู่เป็นแกนหลักได้ต่อแล้ว โอกาสที่ทีมชุดนี้ของ เวนเกอร์จะกลับมายิ่งใหญ่เหมือนในปี 2004 ที่สร้างปรากฏการณ์ The Invicibles หรือ "เธอผู้ไม่แพ้" ก็จะมีโอกาสไม่น้อยเลย

ย้อนกลับมาที่เรดดิ้งทีมของสตีฟ คอปเปลล์ที่ ปีที่แล้วสามารถเซอร์ไพรส์ทุกฝ่ายด้วยการจบอันดับ 8 ในตาราง พรีเมียร์ชิพทั้งๆ ที่เพิ่งเลื่อนขึ้นมาจาก เดอะ แชมเปี้ยนชิพลีก อีกทั้งฟอร์มตลอดฤดูกาล ของพวกเค้าก็แข็งแกร่งเหลือเชื่อ
ชื่อของนิกกี้ ชอรีย์, สตีเฟ่น ฮันท์, สตีฟ ซิดเวลล์ หรือลีรอย ริต้า เริ่มเป็นที่ติดหูของแฟนฟุตบอล พรีเมียร์ชิพมากขึ้น โดยเฉพาะในรายของซิดเวลล์ และชอรีย์ที่รายแรกยอมไปนั่งสำรองนับเงินไปวันๆ กับเชลซีขณะที่ชอรีย์ก็ก้าวไปติดทีมชาติอังกฤษได้จากฟอร์มที่สม่ำเสมอกับสโมสร

แต่ฟุตบอลก็เหมือนกับทุกๆ สิ่งบนโลกใบนี้ที่ต้องมีการพัฒนา และเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด หากไม่อยากที่จะ "ตกต่ำ" หรือ "ย่ำอยู่กับที่"
เมื่อตอนต้นฤดูกาล จำได้ว่ามีข่าวหนึ่ง ที่ทำให้ผมสะดุดตาได้เล็กน้อยเกี่ยวกับเรดดิ้ง

"สตีฟ คอปเปลล์ พอใจแค่ไหนกับซีซั่นที่ผ่านมา และมีเป้าหมายอย่างไรกับซีซั่นใหม่ที่จะเริ่มขึ้นนี้ ?" เป็นคำถามสำคัญคำถามหนึ่งที่สื่อมวลชนยิงไปที่อดีตนักเตะแมนฯยู ไนเต็ด และทีมชาติอังกฤษ

เท่าที่จำได้คร่าวๆ คอปเปลล์ตอบไปประมาณว่า "ขอแค่อยู่รอด ยังเป็นเป้าหมายหลักเรดดิ้ง"

ครับฟังดูเผินๆ + เท่าที่ได้เห็นบุคลิกตัวเป็นๆ ของเจ้าตัวในการให้สัมภาษณ์มาแล้ว ดูเหมือนว่า คอปเปลล์ จะเป็นคนประมาณตนเอง และ Realistic หรือมองโลกด้วย ความเป็นจริงมากๆ คนหนึ่ง แต่หากมองใน แง่ Ambition หรือความทะเยอทะยาน ในความสำเร็จว่ามีมากน้อยแค่ไหน ผมคงไม่ต้องอธิบายต่อนะครับ

และอย่างที่รู้ๆ กันครับว่า ฟอร์มซีซั่นนี้ของเรดดิ้งกลายเป็นหนังคนละม้วนเลย หลายต่อหลายเกมที่พวกเค้าลงเล่นในถิ่นมาเดจสกี้ สเตเดี้ยม ของตัวเองแท้ๆ ก็ยังกล้าแพ้ทีมที่ไม่น่าจะแพ้ (อย่างเช่น ฟูแล่ม เป็นต้น) โดยสาเหตุหลักๆ ที่ผมพอจะมองเห็นได้ก็คือ

หนึ่ง สไตล์การเล่นที่ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ หรือเพิ่มความหลากหลายขึ้นมาเลย
สอง คอปเปลล์เสริมทีมน้อยมาก ในฤดูกาลนี้โดยซื้อนักเตะมาแค่ 5 คน (มาเร็ค มาเตยอฟสกี้, คาลิฟา ซิสเซ่, อังเดร บิเคย์, เลียม โรซีเนียร์ และอีเมอร์สัน เฟย์) และเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาก็ออกมาเปิดเผยครับว่า เป็นความผิดพลาดของเค้าเองที่ไม่ยอมเสริมทีมในช่วงตลาดเปิดเดือนมกราคม เนื่องจากว่า "มั่นใจ" ในนักเตะที่มีอยู่และคิดว่าเด็ก ๆ จะทำได้ดีกว่านี้

ที่เด็ดกว่านั้นก็คือ การที่เจ้าตัวให้สัมภาษณ์หลังเกม กับอาร์เซนอลใน Press conference room แบบสดๆ ว่า จนถึงตอนนี้ตัวเค้าเองยังไม่รู้เลยว่าใครคือ 11 คนที่ดีที่สุด!!

ตอนแรกคิดว่าตัวเองฟังผิดไปหรือเปล่า แต่จากที่เช็ก ข่าวการให้สัมภาษณ์ต่อในเว็บไซต์ คอปเปลล์พูดแบบนี้จริง ๆ ครับ โดยแกให้เหตุผลเพิ่มเติมว่า จัดทีมตามความเหมาะสมของแต่ละนัด

มีอย่างที่ไหน ครับเล่นกันมาถึงนัดที่ 35 แล้วยังหาทีม ที่ดีที่สุดไม่ได้ และ 3 นัดที่เหลืออยู่นี้ ก็ถือเป็นช่วง "หัวเลี้ยว หัวต่อ" ของทีมว่าจะอยู่หรือไป แต่คนเป็นกุนซือกลับยังสับสนในชีวิต และเปลี่ยนทีมในแต่ละนัดอุตลุดแบบนี้

อย่างไรก็ดี เรดดิ้งมีข่าวดีขึ้นมาหน่อยตรงที่ คอปเปลล์ตัดสินใจดึง ลีรอย ริต้า กลับมาจากชาร์ลตันเพื่อ แก้วิกฤติในแนวรุก หลัง 4 นัดยิงใครไม่ได้เลย โดยแพ้ไป 3 เสมอ อีก 1

สามนัดที่เหลือนั้นเรดดิ้ง ต้องไปเยือนวีแกน (26 เมษายน) เล่นในบ้านพบสเปอร์ส (3 พฤษภาคม) และเตะนัดสุดท้ายด้วยการไปเยือนดาร์บี้ (11 พฤษภาคม) พวกเค้าควรจะชนะ 2 นัดเป็นอย่างน้อย เพื่อการันตีการอยู่รอดโดยไม่ต้องลุ้นผลการแข่งขันจากทีมที่หนีตกชั้นด้วยกันอย่าง ฟูแล่ม, เบอร์มิงแฮม และโบลตัน

สรุปแล้ว หากดูจากโปรแกรมที่เหลือยู่ของเรดดิ้ง+ ผลงานสุดบู่ของเบอร์มิงแฮมในเกมล่าสุด (โดนแอสตัน วิลล่าอัดไป 5-1) ผมถือว่าพวกเค้าไม่ได้เจองาน ที่ยากมาก และโอกาสในการรอดตกชั้นนั้นมีมากกว่า 70%

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูด้วยว่าคอปเปลล์จะไม่เปลี่ยนทีมซี้ซั้วอย่างในช่วง 3-4 นัดที่ผ่านมา !!

No comments: