Wednesday 9 April 2008

ทัวร์เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ชมหนังคั่นเวลา กับ "ไทเกอร์ เบียร์"


วันเสาร์ที่ผ่านมา ผมโชคดีต้อนรับวันปีใหม่ไทย หรือสงกรานต์ที่จะมีขึ้น ในอีกอาทิตย์จริงๆ ครับหลังเด็กบ้านนา ในต่างแดนอย่างผมมีโอกาสได้ไปดูบอล คู่ อาร์เซนอล-ลิเวอร์พูล ภาค 2 กับคณะของ Tiger Beer ประจำกรุงลอนดอน ที่ได้พาทัวร์ Museum ทานอาหารอร่อยๆ ใน Club membership canteen และได้ที่นั่งดูบอลวิวดีๆ หลังโกล์ฝั่งเจ้าบ้านเป็นกำไรชีวิต โดยงานนี้ต้องขอบคุณ มิสเตอร์อลัน โกร์ดี้ (Alan Gourdie) Managing Director และมิสเตอร์ อิง ฮอค อุย (Eng Hock Ooi) Business development ชาวสิงคโปร์ที่มอบโอกาสดีๆ ในครั้งนี้ให้ ผมได้เข้าไปร่วมแจม
ฟุตบอลไตรภาคนัดที่ 2 ระหว่างอาร์เซนอล-ลิเวอร์พูลที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานั้นเหมือน จะมีความนัยอะไรหลายๆ อย่างที่บอกให้แฟนอาร์เซนอลได้รับรู้ "เป้าหมาย"ล่าสุดของขุนพล ทีมปืนโต นั่นก็คือการที่ อาร์แซน เวนเกอร์ ขงเบ้งลูกหนังชาวฝรั่งเศสเหมือนจะยกมือ โบกธงโยนผ้าขาวเป็นนัยๆ แล้วว่า พรีเมียร์ชิพในซีซั่นนี้ของพวกเค้า เป็นอะไรที่เหมือนไกลเกินเอื้อมจะไขว่คว้า
การจัดทัพนัดล่าสุดอย่างที่ท่านผู้อ่านคงจะประจักษ์ในสายตากันแล้วว่า เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องจริงไม่ได้อิงนิยาย เพราะชุดนักเตะล่าสุดที่เวนเกอร์ส่งลงสนามนั้นเหมือนจะไม่อยากได้ 3 คะแนนในบ้านตัวเองอย่างไงอย่างงั้น !!
นักเตะอย่าง เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ และตัวหลักอีกสองรายถูกทิ้งไว้ที่ข้างสนาม (กาแอล กลีชี่ และ อเล็กซานเดอร์ คเล็บ) โอเค...จริงอยู่แฟนอาร์เซนอลอาจจะเถียงว่าชุด ที่ส่งลงสนามไปโดยรวมก็ถือว่า ไม่ขี้เหร่เนื่องจาก ขุมกำลังนักเตะที่มีอยู่อย่างจำกัด แต่ถามหน่อยครับว่า หาก อเดบายอร์ และ คเล็บลงกันตั้งแต่ต้นเกม ทีมสำรองของลิเวอร์พูลที่ เอล ราฟา จัดมานั้นมีศักยภาพเพียงพอหรือที่จะบุกมายันเสมอทีมปืนโตชุดใหญ่ ??

อย่างน้อยๆ ผมก็คนหนึ่งล่ะครับ ที่ไม่เชื่อว่าลิเวอร์พูล จะเอาอาร์เซนอลอยู่หากนักเตะทีมปืนโตลงสนามด้วย Winning mentality หรือจิตวิญญาณที่จะเอาชนะในเกมนี้
อาร์เซนอลลงเล่นแบบ Half-heart หรือ "ครึ่งใจ" ไม่ใส่ลูกฮึดมา ให้หมดทั้งๆ ที่เล่นในบ้านตัวเอง หนำซ้ำยังโดน ปีเตอร์ เคราช์ Man of the match ในใจผมประจำเกมนี้ ยิงให้ทีม "หงส์ขี้เหร่" ออกนำไปก่อนด้วย ก่อนหมดครึ่ง แรกเพียง 3 นาที จนทำให้แฟนๆ อาร์เซนอลในสนามนั้น รับไม่ได้กับรูปเกมในครึ่งแรก และระบบ 4-5-1 และกำนัลทีมรักด้วยเสียงโห่ใน ช่วงที่กรรมการเป่าจบเกมในครึ่งเวลา แรก

จะว่าไปก็ถือว่าน่าเห็นใจแฟนบอล อาร์เซนอลไม่น้อย เพราะหากย้อนไปเมื่อ 12 อาทิตย์หรือ 3 เดือนที่แล้วทีมรักของพวกเค้านั้นยังมีลุ้นอยู่ครบ 4 รายการ แต่จากการที่ทีมปืนใหญ่นั้นเก็บชัยชนะได้เพียงแค่ 2 จาก 10 นัดล่าสุด มันก็ไม่น่าแปลกใจครับว่าทำไม สถานการณ์ตอนนี้มัน ถึงได้กลับตาลปัตร ดังนิยายน้ำเน่าได้ถึงเพียงนี้ และอาร์เซนอลนั้นไปๆ มาๆ พรีเมียร์ชิพก็กำลังจะหลุดมือไปต่อหน้าต่อตาแบบ น่าเขกกะโหลกตัวเองเหลือเพียงถ้วยแชมป์เปี้ยนส์ ลีก เท่า นั้นที่พวกเค้ายังจะพอได้ลุ้น "ความสำเร็จ" ที่เป็นรูปธรรม (ตอนนี้ทุกท่านคงทราบแล้วว่า ทีมกันเนอร์สจะแห้วทุกถ้วยหรือเปล่า)
หลังจากโดนแฟนบอลโห่ไปในช่วงท้ายครึ่งแรก ครึ่งหลังเริ่มต้นมาได้เพียง 9 นาที นิคลาส เบนด์ทเนอร์ "สไตร์ เกอร์เกรด B" ก็ยิงประตูกู้หน้าให้อาร์เซนอลไม่ให้แพ้คาบ้านได้สำเร็จ อย่างไรก็ดีผลงานโดยรวมของ หัวหอกวัยรุ่นชาวเดนมาร์ก รายนี้สำหรับ ฟุตบอลระดับที่ชี้เป็นชี้ตายแล้วนั้น เจ้าตัวยังไม่ใช่ "คำตอบสุดท้าย" ให้อาร์เซนอล เนื่องจากในเกมนี้ก็มีอีกสองสาม จังหวะ ที่น่าจะปิดสกอร์ได้ หรืออย่างน้อย ๆ ก็ทำได้ดีกว่านี้

เกมโดยรวมในครึ่งหลังนั้น บอกตรงๆ ครับว่าแม้อาร์เซนอล จะยกระดับการเล่นได้ดีขึ้นเล็กน้อย แต่จากการที่เด็กยังกันส์ชุดนี้นั้นตรากตรำ ทำศึกหนักมาตลอดทั้งฤดูกาล และ Strength in Depth นั้นมีน้อยเหลือเกิน นักเตะหลายๆ คนในเกมนี้อย่าง ฟรานเชสก์ ฟาเบรกาส และมาติเยอ ฟลามินี่ สองจอมทัพในแดนกลางของอาร์เซนอล สภาพร่างกายทั้งคู่ดูกรอบไปเยอะ และการเคลื่อนไหวหา พื้นที่ในจังหวะที่ฝั่งตัวเองได้ครอบครองบอลก็ออกอาการขาตาย วิ่งไม่ออกอย่างเห็นได้ชัด

ในเกมรับเวลาที่เสีย การครอบครองบอล พละกำลังที่ใช้วิ่งไล้บี้ กองกลางหงส์แดงก็ยิ่งแล้วใหญ่ หลายจังหวะครับที่ แอบเห็นฟลามินี่วิ่ง ๆ อยู่ก็ผ่อนคันเร่ง หมดแรงไปดื้อ ๆ แทบจะเดินตามเดเมียน เปลสซีส์ กองกลางดาวรุ่งแววดีชาวฝรั่งเศส ที่เกมนี้ถือว่าเปิดซิง ในทีมชุดใหญ่ได้ยอดเยี่ยมมากๆ เพราะไม่มีลูกประหม่าให้เห็นเลย

ในช่วงท้ายเกม สุดท้ายแล้ว เวนเกอร์ ต้องเปลี่ยนเอา อเล็กซานเดอร์ คเล็บ ลงมาแทน ฟลามินี่ในนาทีที่ 80 หวังจะเพิ่มความสดในเกมรุกหลังจากก่อนหน้านั้นก็ต้องเอาอเดบา ยอร์ลงสนามมา และวูบวาบใช้ได้ทีเดียว แต่ก็ทำได้แค่เสียวครับ ไม่มีสกอร์เกิดขึ้นในช่วงที่เหลือ ผลจึงจบลงด้วยการเสมอกันไป 1-1 จบนิยายภาค 2 ไปแบบไม่เซอร์ไพรส์คนดูที่เห็นไลน์อัพก็รู้ว่าดูจะไม่เน้นสักเท่าไรกับเกมในวันนี้

ส่วนประเด็นจุดโทษท้ายเกมจากคอมเมนต์ของเวน เกอร์ที่ออกมาติง ฟิล ดาวด์ ผู้ตัดสินในเกมนี้ นั้นถือว่าเป็นคอมเมนต์ที่ฉลาดครับ เพราะเป็นการกดดันผู้ตัดสินในเกมต่อไปในตัวหากมีจังหวะ 50-50 ที่อาร์เซนอลนั้นโดนทำฟาวล์อีก ไม่แน่นะครับ เราอาจได้เห็นจุดโทษในเกมต่อไปก็ได้ เนื่องจากว่าลิเวอร์พูลนั้นถือว่า "โชคดีสุดๆ" ที่ไม่เสียจุดโทษในสองเกมที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี อาร์เซนอลก็โชคดีสุดๆ เช่นกันในเกมนี้ ที่อังเดร โวโรนิน มีสองจังหวะเหน่งๆ แต่ยิงไม่คมพอ ไม่ อย่างนั้นแล้วหนัง ภาคสองของ ไตรภาคนี้อาจจะ จบลงด้วย โศกนาฏกรรมของเจ้าบ้านก็เป็นได้

สำหรับวันอังคาร ที่ผ่านไปนี้ "ไตรภาค"ระหว่างอาร์เซนอล และลิเวอร์พูลก็ถึง "บทสรุป"เสียที ทีมปืนโตนั้นแม้หลายๆ ฝ่ายจะมองว่าเสียหายเล็กน้อย ที่เสมอในบ้านตัวเองมา 1-1 เนื่องจากอย่างน้อยต้องยิงสัก ประตูเพื่อไม่ให้โดนกฎ Away goal เล่นงาน อย่างไรก็ดี จำกันได้ใช่มั้ยครับว่า สปิริตที่แรงกล้า ของกันเนอร์สชุดนี้บุกไปทุบ เอซี มิลาน ที่ซานซิโร่มาแล้ว

เกมตัดสินชะตาของทั้งสองทีมใน วันอังคารนี้ผมจึงมองว่าเป็นเกมระดับ 5 ดาวที่ออกได้สามหน้า แต่ลิเวอร์พูลนั้นทำได้ดีมากๆ กับสองนัดที่ผ่านมาในการมาเยือนที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ดังนั้นเกมนี้ที่จะ กลับมาเล่นที่ถิ่นแอนฟิลด์ ลึกๆ แล้วผมจึงเลือกยืนข้างหงส์แดงของ "เอล ราฟา"...ผิดถูกอย่างไร ผมก็เชื่อว่า "คุ้มค่า" สำหรับการติดตามชมของทุกคนใช่ไหมครับ!!

4 comments:

ธานคับ said...

หวัดดีครับคุณเอก สะใจไอ้เน่าตกรอบไปแล้ว อิอิ

เอก อุดมสุข said...

สะใจเหมือนกันครับคุณธาน ;p

Anonymous said...

Hello. This post is likeable, and your blog is very interesting, congratulations :-). I will add in my blogroll =). If possible gives a last there on my blog, it is about the Computador, I hope you enjoy. The address is http://computador-brasil.blogspot.com. A hug.

Anonymous said...

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ