Wednesday 2 January 2008

เก็บตกบรรยากาศสด "สแตมฟอร์ดบริดจ์"


ก่อนอื่นคงต้องขอ "สวัสดีปีใหม่" ท่านผู้อ่าน "Viva London" และขออวยพรปีใหม่ให้ทุกท่าน ไร้ซึ่งโรคภัย มีแต่ความสุข และคิดหวังสิ่งใดก็ขอ ให้ได้สมใจปรารถนา นะครับ

เป็นเวลาขวบปีกว่าๆ แล้วที่ผมมาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ รู้สึกใจหายครับเมื่อมองย้อนกลับไปเพราะจำ ได้ว่าเมื่อ ปีใหม่คราวก่อนผมยังถือว่าใหม่มาก กับประเทศนี้ และต้อง ปรับตัวพอสมควรกับอากาศในช่วงนี้ที่ถือว่าเป็นช่วง "พีก" ของความหนาวที่นี่

พูดถึงเรื่องความหนาวแล้ว ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่ารู้สึก หนาวแทน "บิ๊กแซม" แซม อัลลาร์ไดซ์ กุนซือชะตา ใกล้ขาดของ นิวคาสเซิลครับหลังจาก พ่ายแพ้ไปอีก หนึ่งนัดต่อเชลซี 2-1ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในเกมสุดท้ายก่อนปีใหม่

เกมนี้ผมได้ชมสดๆ จากขอบสนาม และทันทีที่ได้ Team sheet หรือรายชื่อ ผู้เล่นจากเจ้าหน้าที่ใน Press room แล้วก็อดห่วงนิวคาสเซิลไม่ได้จริงๆ เพราะว่ากุนซือของพวกเค้า นั้นเลือกใช้ระบบ 4-5-1 ซึ่งเหมือนกับสื่อเป็นนัยให้รู้ว่า วันนี้คงพอใจกับแค่หนึ่งแต้ม

นักข่าวหนุ่มชื่อ คุณเอียน จากสิงคโปร์ "เพื่อนใหม่" และถือเป็นเพื่อนคนแรกของผมใน Prees room เนื่องจากโดยปกติแล้ว นักข่าวฝรั่งที่นี่จะไม่ค่อยคุยกับเราซึ่งเป็นคนเอเชียก่อนครับ (ตามความคิดของผม) แต่นายเอียนนี้ดูท่าทาง "เฟรนด์ลี่" และเราได้ทักทายกันเล็กน้อยก่อนที่จะบังเอิญเจอกันอีกใน Press box เนื่องจากได้ที่นั่งติดกัน

เอียนถามทรรศนะผมครับว่าคิดอย่าง ไรกับไลน์อัพของเจ้าสาลิกาดงในเกมนี้ ผมคิดเป็นอังกฤษสักพักใหญ่ๆ (เนื่องจากกลัวแกรมม่าผิด อายเค้า ^_^) ก่อนตอบไปว่า "Itžs not easy for Chelsea" (เกมนี้ไม่ง่ายสำหรับเชลซี) เพราะว่า "บิ๊กแซม"นั้นคงพอใจกับหนึ่งแต้มที่ได้หลังจากฟอร์มในช่วงหลังๆ นั้นออกทะเลอย่างแรงโดยเฉพาะอย่าง ยิ่งในแผงหลัง ขณะที่เชลซีเองตัวเจ็บเพียบนับไม่ถ้วนอย่างที่ทราบๆ กัน

ทรรศนะของเอียน ไม่ตรงกับผม แกบอก ว่าเกมนี้เชลซีน่าจะชนะ 2 ลูกขึ้นเพราะว่าหลัง นิวคาสเซิลนั้น Rubbish (ห่วยแตก) มากๆ
รูปเกมในช่วงต้นนั้นดูเหมือนว่าเชลซี นั้นเป็นเสือลำบาก จริงๆ เนื่องจากแผงกองกลางนิวคาสเซิล 5 ตัว ที่ "บิ๊กแซม" อัดลงมานั้นช่วยกันไล่บอลและบี้จนกองกลางเชลซี เล่นกันไม่ค่อยถนัดสักเท่าไหร่

กองกลางอย่าง อับดุลาเย่ ฟาย, อลัน สมิธ และนิคกี้ บัตต์นั้น "บู๊" เสียจนแผงกลางเชลซีในช่วงที่ไร้เงาแลม พาร์ด ไม่มีทีเด็ดกับลูกแถวสองเหมือนอย่างเคย และ ต้องอาศัยความ สามารถเฉพาะตัวของ โจ โคล และ ไรท์ ฟิลลิปส์ เจาะเข้าทำทางแบ็กทั้งสองข้างของนิวคาสเซิลแทน

อย่างไรก็ดี นิวคาสเซิลในเกมนี้ก็ยังผิดพลาดแบบ เดิมๆ ในแผงหลัง โดยเฉพาะคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ สตีเฟ่น เทย์เลอร์ และเคลาดิโอ กาซาปาที่ยืนตำแหน่งผิดพลาด และดูเหมือนจะไม่ได้รับการกระตุ้น และจัดระเบียบการยืนไลน์ที่ดีเท่าที่ควรจนเสียประตูแรก

เกมหลังจากนั้นก็เป็นเชลซีที่ครองเกม และเก็บบอล ไว้ได้เกือบทั้งหมดจนจบครึ่งแรก โดยในใจ ผมนั้นไม่ได้คิดแล้วว่านิวคาสเซิลจะกลับสู่เกมได้ เพราะดันทิ้ง โอบาเฟมี่ มาร์ตินส์ ไว้โดดเดี่ยวเหลือ เกินในแดนหน้าและ ไม่มีกองกลาง ที่คอยซัพพอร์ตเลย

ครึ่งหลังสิ่งที่ผมคิดนั้น "ผิดถนัด"ครับ เพราะนักเตะนิวคาสเซิลไม่รู้ไปได้ยาดีอะไรจาก "บิ๊กแซม" เพราะว่าวิ่งกันคึกเป็นม้า และตามตีเสมอได้อย่าง รวดเร็วจากนิกกี้ บัตต์ในนาทีที่ 54 โดยลูกนี้นั้น ทำให้กำลังใจ ของพลพรรคสาลิกาดงมีหวังที่จะได้ 1 คะแนน ออกจากสแตมฟอร์ด บริดจ์ตามที่อัลลาร์ไดซ์ต้องการนั้นมีโอกาสไม่น้อย

ผลเสมอในเกมนี้น่าจะ "ยุติธรรม" ที่สุดสำหรับทั้งสองทีมเนื่อง จากเชลซีเองก็เล่นไม่ได้เหนือกว่า มากในครึ่งเวลาหลัง และบางครั้งฟุตบอลก็ดูช่างโหดร้าย สำหรับทีมที่ต้องเสียประโยชน์จาก "ความผิดพลาด" ของผู้ตัดสินอย่างที่นิวคาสเซิลได้รับในเกมนี้
บิ๊กแซมให้สัมภาษณ์หลังเกมรับ ฟุตบอลยุคใหม่ควร จะใช้ภาพช้าช่วยตัดสินเกมได้แล้วประตูที่นิวคาส เซิลเสียในนาทีที่ 87 นั้นเห็น ได้ชัดครับว่า คาลู "ล้ำหน้า" แต่ไลน์แมน ไมค์ เครนส์ ไม่ได้ยกธงขึ้น

ชัยชนะของเชลซีใน เกมนี้จึงถือว่า "เฮง" มากๆ ที่เก็บ 3 คะแนนได้แม้จะขาดตัวผู้เล่นหลักๆ ไปครึ่งค่อนทีมแบบนี้ ขณะที่นิวคาสเซิลของบิ๊กแซมนั้นก็ "ดวงแตก" สุดๆ เช่นกันที่ไม่ได้สักแต้มกลับบ้านให้แฟนๆ เป็นของขวัญ ส่งท้ายปีให้ชาวจอร์ดี้ชื่นใจ

อย่างไรก็ดี ผมมองว่า หากเชลซียังเล่นได้แค่นี้ใน ช่วงที่รอตัวเจ็บ กลับมาพวกเค้าอาจจะลำบาก ในการลุ้นตำแหน่ง แชมป์กับ อาร์เซนอล ที่ยังดูน่ากลัวไม่มีตก และเก็บ 3 แต้มได้ในวันเดียวกัน ในขณะที่แมนฯยูฯ ที่แม้จะแพ้ให้เวสต์แฮม แบบช็อกเล็กๆ 1-2 ก็ยังน่ากลัวกว่าเชลซีมากในแนวรุก

ส่วนตัวแล้วนั้นผม อยากจะเห็น นิโกลาส์ อเนลก้า หรือกองหน้าตัวปิดสกอร์แจ่มๆ สักรายย้ายเข้ามาสวมเครื่องแบบเชลซีใน ช่วงเปิดตลาดนี้ เพราะเชื่อว่าการขาดดร็อกบาไปในช่วงนี้ต่อ ด้วยแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ นั้นควรจะมีตัวตายตัวแทน ที่คุณภาพใกล้เคียงหรือสูสีไว้ไม่ให้ส่งผลกระทบ กับการชิงชัยในช่วงครึ่งทางหลังที่เหลืออยู่ของศึกพรีเมียร์ ชิพ

ขณะที่ นิวคาสเซิล "เหยื่อ" ของความผิดพลาด ของผู้ตัดสิน ในเกมนี้ก็ต้องหาความลงตัว ของทีมให้เจอเพราะ ตั้งแต่เปิดฤดูกาลมาพวกเค้ายัง ไม่มีทีมที่เล่นด้วยกันหลายๆ นัดติดกันเลยเนื่องจาก "โรคเดี้ยง" ของนักเตะหลักหลายต่อหลายคน
พวกเค้าจะน่ากลัว มากกว่านี้เยอะหาก ไมเคิล โอเว่น กลับมาฟิตเต็มสูบ และกลับมาเป็นกำลังหลัก ตอบแทน ความไว้ใจแฟนๆ ที่เชื่อมั่นในตัวเค้ามากเหลือเกิน อันสังเกตได้จากเกมนี้ที่แฟนๆ ตะโกนเรียกชื่อเจ้า ตัวเสียงดังสนั่นตอน ที่ถูกเปลี่ยนตัวลงสนามในนาทีที่ 75

สรุปแล้ว ผมเชื่อนะครับว่าหากท่านประธานไมค์ แอชลีย์ไม่ด่วนใจร้อนปลด "บิ๊กแซม" และให้เวลากุนซือ จอมปาเป้าปรับ แต่งทีมให้ลงตัวกว่านี้อีกสักนิด
นิวคาสเซิลน่าจะ Back on track หรือคืนฟอร์มได้ เพราะตัวผู้เล่น และโครงสร้างทีมไม่ได้เป็นรอง ทีมอย่างแมนฯซิตี้ หรือเอฟเวอร์ตันที่กำลัง ฮอตฮิตติดลมบนในเวลานี้แม้แต่นิดเดียว




ข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์คิกออฟ ฉบับที่ 3086

3 comments:

ธานคับ said...

แวะมาสวัสดีปีใหม่ครับคุณเอก ขอให้มีความสุข ไร้ทุกข์ โชคดีทั้งปี สุขภาพแข็งแรงนะครับ

Anonymous said...

happy new year kub

Anonymous said...

Happy new year คุณธาน & คุณTummy ครับ

คิดหวังสิ่งใดขอให้สมปรารถนานะครับ :)