Thursday 10 January 2008

กับ "เอฟเอ คัพ" ครั้งแรกที่ ไวท์ ฮาร์ท เลน


วันเสาร์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปประเดิมเกม "เอฟเอ คัพ" ให้ตัวเองเป็นครั้งแรกในชีวิตที่สนาม ไวท์

ฮาร์ท เลน ในแมตช์ สเปอร์ส-เรดดิ้ง ที่เมื่อสองอาทิตย์ก่อนทั้งสองทีม ก็เพิ่งจะพบกันและยิงกันน้ำกระจายสะใจลูกเด็กเล็กแดง 6-4
อย่างที่เราทราบๆ กันครับว่ากองหลังสเปอร์ส ตั้งแต่เปิดฤดูกาลมานั้นเล่นได้ "อนุบาล" มาก เพราะแนวรับที่ ขาด เลดลีย์ คิงไปนั้นส่งผลกับทีมมหาศาล

เซ็นเตอร์ฮาล์ฟอย่าง ยูเนส คาบูล และไมเคิล ดอว์สัน ก็ยังมี "ประสบการณ์" ไม่เยอะ และ "ไอ้หมูบิน" พอล โรบินสันที่แม้ช่วงนี้จะรีดน้ำหนัก (หวังจะกลับมาบิน^^) และดูซูบลงไป แต่ก็ยังผิดพลาดแบบต่อเนื่อง จนเส้นทางอนาคตมือหนึ่งชาติอังกฤษนั้นคงเป็นได้แค่ "อดีต" แน่ๆ

...สเปอร์สนั้นเคยเป็นถึงเจ้าแห่งบอลถ้วยโดยเฉพาะเอฟเอ คัพในอดีต และฮวนเด้ รามอส กุนซือใหม่ของ พวกเค้าก็ขึ้นชื่อในเรื่องการทำทีมบอลถ้วยตั้งแต่สมัยอยู่สเปนแล้วโดยได้แชมป์ยูฟ่า คัพ มาครองสองสมัย

ดังนั้นการที่ผลงานในลีกของพวกเค้ายัง "สามวันดีสี่วันแย่" แบบนี้ การได้แชมป์บอลถ้วยจึงเปรียบเสมือน "บันไดลัด" ให้ทีมได้ไปเล่นบอล ยูฟ่าโดยไม่ต้องจบอันดับ 1 ใน 6 ก็ได้

เกมนี้ฮวนเด้ รามอส ขนชุดใหญ่ลงสนามตามคาดครับ โดย 11 คนแรกนั้นถือว่าพร้อมหน้าพร้อมตา มากที่สุดแล้ว โดยขาดไปก็แค่ แกเร็ธ เบล แบ็กซ้ายวัยกระเตาะเพียง คนเดียว โดยเกมนี้ยังได้ "กัปตันคิง" กลับมาประจำแนว รับให้ทีมได้ด้วย

ขณะที่ทีมเยือนเรดดิ้งนั้น สตีฟ ค็อปเปลล์ ใช้ชุดผสมระหว่างตัวจริง และตัวสำรอง โดยผู้รักษาประตู ตัวจริงที่โดนยิงไป 6 เม็ดเกมก่อนอย่าง มาร์คุส ฮาห์เนมันน์ โดนดรอปในเกมนี้ ขณะที่สองกองหน้า เควิน ดอยล์ และเดฟ คิดสั้น เอ้ย...คิตสัน ก็ไม่ติดแม้แต่ตัวสำรอง

เห็นไลน์อัพแบบนี้แล้ว ผมอดยิ้มกรุ้มกริ่มแทนแฟนๆ สเปอร์สในสนามไม่ได้ครับ เพราะคิดว่าวันนี้คง ได้กินหมูแน่ๆ เนื่องจากเรดดิ้งจัดตัวเหมือนจะไม่เอา เพราะเล่นจัดตัวแบบลูกผสมมาแบบนี้ จะไปรอดได้ไง
แต่เดี๋ยวก่อนครับ ผมดันลืมนึกไปว่าทีม รักพร้อมที่จะเสียประตูให้กับ ทุกทีมแบบไม่เว้น วันหยุดราชการเสียด้วย เพราะเพียงแค่นาทีที่ 25 เรดดิ้งได้ลูกฟรีคิก ทางฝั่งขวาเหมือนจะไม่มีอะไร สตีเฟ่น ฮันท์ ตักบอลเข้ามาย้อยๆ ที่ประตู

แทนที่ "นายห้าง" โรบินสันจะปัดบอลทิ้งให้ข้ามคานออกไป หรือไม่ก็ชกออกไปให้พ้นถ้าไม่ชัวร์ อดีตมือกาวทีมชาติอังกฤษ ดันทะลึ่งพยายาม จะรับบอลเข้าตัว โดยหารู้ไม่ว่าตัวเองนั้นเข้า ไปในโกล์แทบทั้งตัวแล้ว โดยพยายามจับบอล และเหยียดมือออกไป ให้เหมือนกับว่าบอล ไม่ข้ามเส้นประตู

แต่การยืนรับบอลแบบนั้น และจังหวะก่ำกึ่งๆ แบบนี้ อีกทั้งไลน์แมน ไม่มีเวลาให้คิดเยอะจึงเป่าให้ลูกนั้น เป็นประโยชน์ของทีมเยือนไปแบบงงๆ คนดูในสนามรวมทั้งผมอย่างมาก

อย่างไรก็ดี หลังจากนั้นอีกแค่สองนาที "เทพตอฟ" ก็รับบอลสุดสวยจาก แอรอน เลนนอน ที่วันนี้เล่นได้วูบวาบตลอดครึ่งแรก อัดเข้าเสาไกลแบบเหนือชั้นสุดปัญญาที่ อดัม เฟเดริชี่ จะรับได้

เกมในครึ่งแรกจบไปโดยที่เกมนั้นผลัดกันรุก และรับได้อย่างสนุก โดยสเปอร์สนั้นมีผู้เล่นสอง รายที่น่าจับมาติวการยิงประตูหน้ากรอบเขตโทษ หนึ่งกระทาชายนาม ร็อบบี้ คีน ที่ช่วงนี้แกดูจะ ไม่ค่อยมีความมั่นใจในการยิงประตูสักเท่าไร โดยในช่วง 5 นาทีแรกก็พลาดการซัดโล่งๆ ออกข้างไปอย่างไม่น่าเชื่อ ส่วนอีกรายคือ "เจ้า JJ" เจอร์เมน จีนาสที่ผมดูแล้วยังไงๆ ก็สมควรหาคนมาแทนในตำแหน่ง "จอมทัพ"

โอเค จุดหนึ่งผมยอมรับครับว่าจีนาสเป็นนักเตะที่มีหน่วยก้าน และเบสิกบอลที่ดี แต่ไอ้เรื่องความมุ่งมั่นกับเกม และพร้อมจะวิ่งสู้ฟัดเพื่อทีมนั้น เท่าที่ผมตามดูฟอร์มแก มาตั้งแต่ย้ายมาสเปอร์ส บักหำ JJ แทบจะไม่มีให้เห็น

เกมในครึ่งเวลาหลังเล่นกันไปได้ 5 นาทีสเปอร์สก็มาได้จุดโทษ แต่จังหวะนี้ "คีนน้อย" ที่เป็นคนโดนรวบนั้นเหมือนจะโดน "แบน" จากการยิงจุดโทษเสียแล้ว หลังจากก่อนหน้านั้น หัวหอกไอริชพลาด จุดโทษมาสองครั้งติดๆ กัน และเป็นเบอร์บาตอฟ ที่ช่วงนี้กำลังเข้าฝักรับอาสาซัดเข้า ไปหายห่วง เจ้าบ้านนำ 2-1 โดยถึงตอนนี้ เป็นสเปอร์สครับ ที่เล่นได้วูบวาบน่ากลัวกว่า และน่าจะยิงเพิ่มได้อีกจาก "JJ" คนเดิมที่พลาดลูกแบบเดิมๆ อีกครั้งหลุดเข้าไปแต่ยิงถูกเซฟไว้ได้

ถึงตอนนี้จิตใจผมเริ่มไม่ดีครับ แม้จะนำอยู่ก็จริง แต่ในเกมฟุตบอลการนำแค่หนึ่งประตู และจวนเจียนจะยิงได้แต่ทำไม่ได้ ทั้งที่มี "โอกาส" มันทำให้ทีมคู่แข่งยังมีแสงแห่งความหวังอยู่ เพราะแม้เรดดิ้งจะโดนนวดเข้าไปหนักๆ แต่พวกเค้าก็ยังไม่โดนตอกฝาโลง

สิ่งที่ผมตงิดๆ ใจอยู่ ในที่สุดมันก็เกิด ขึ้นจนได้ครับในช่วงก่อนหมดเวลา 12 นาที เมื่อเรดดิ้งอาศัยจังหวะ Counter Attack และก็เป็น ลีรอย ลิต้า ที่ใช้ความเร็วลากผ่าน คิง ที่เกมนี้ยังดูไม่ฟิตเต็มถัง ยิงเรียดอัดมุมเหมือนบังคับให้โรบินสันต้องปัดออก มา และเป็น สตีเฟ่น ฮันท์ Man of the match ในเกมนี้จมูกไวตามเข้าซ้ำไปอย่างง่ายดาย

ครับเกมนี้จบลงไป 2-2 โดยเรดดิ้งที่มาแบบ "ชุดผสม" น่าจะทำได้ "ตาม เป้า" ที่ สตีฟ คอปเปลล์ นั้นวางไว้ เพราะจะได้กลับไปเล่นในถิ่นมาเดจสกี้ สเตเดี้ยม ของตัวเองในนัดรีเพลย์

ส่วน "ไก่เดือยทอง" สเปอร์สนั้นโทษ ใครไม่ได้จริงๆ นอกจากโทษตัวเองในเกมนี้ที่ไม่ยอมยิงประตู "ตอกฝาโลง" เพื่อปิดโอกาสไม่ให้ เรดดิ้ง "คัมแบ็ก" สู่เกมได้ และสิ่งที่ฮวนเด้ รามอสน่าจะทำในช่วงเปิด ตลาดรอบนี้ก็คือ หาเซ็นเตอร์ฮาล์ฟเก๋าๆ มาไว้อีกสักคน เพราะอาการที่หัวเข่าของเลดลีย์ คิง นั้นไม่มีใครทราบได้ว่าจะกำเริบเจ็บซ้ำอีกหรือเปล่า ขณะที่ตำแหน่ง "เพลย์เมกเกอร์" ดีๆ ไว้พึ่งพา และตัดสินเกมได้มากกว่าจีนาสก็ควรหามาทดแทน เพื่อแบ่งเบาภาระดิดิเยร์ โซโกร่าไม่ใช่ปล่อย ให้กองกลางไอวอรี โคสต์วิ่งเป็นหมาบ้าคนเดียวแบบนี้ในแผงกองกลาง

อย่างไรก็ดี ตอนนี้น่า หนักใจแทน ฮวนเด้ รามอสครับว่ากุนซือชาวสเปนนิชรายนี้จะแก้ไขปัญหา แนวรับ อย่างไรในสองนัดต่อไป เพราะพวกเค้าจะต้องออกไปเยือน อาร์เซนอลในเกมคาร์ลิ่ง คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศเลกแรกต่อด้วยการไปเยือนถิ่นสแตมฟอร์ดบริดจ์ ของเชลซี ในศึกพรีเมียร์ชิพในวันจันทร์หน้า (14 ม.ค. 2008)

เพราะหากว่าสเปอร์สยังเล่นได้แค่นี้ และยังแก้ปัญหา ในแนวรับไม่ได้ ผมเองแม้จะเป็นแฟน น้องไก่ก็คงต้องรับ สภาพแต่โดยดีละครับว่า เป็นเรื่องยากยิ่งกว่า "เข็นครกขึ้นภูเขา" เสียอีกที่จะเอาชนะ ไอ้ปืนโต และสิงห์สำอางในสองนัดที่จะถึงนี้ !!

4 comments:

Anonymous said...

พี่เอก อยู่นู่นอีกนานมั๊ยอะพี่ ถ้าอยู่อีกสองสามปีอาจได้ไปดูด้วยกัน หะหะ

Anonymous said...

เห็นด้วยเลยว่าถ้าเกมรับยังเสียง่ายๆอยู่ โอกาสที่จะได้แชมป์สักถ้วยมันยากจริงๆครับ

ธานคับ said...

ล่าสุดชนะแล้วครับ แต่หนักหน่อย ไปเจอกับแมนยู แต่ก็สู้ๆครับ เดี๋ยวผมจะนั่งแช่งพวกมันเอง อิอิ แวะมาทักทายคุณเอกครับ

Anonymous said...

ยังไม่รู้เลยครับ น้อง Tummy

ถ้าได้ไปดูบอลกับแฟนไก่ด้วยกันคงจะมันส์ดีครับ ^^
อยู่ที่นี้ไม่มีเพื่อนคนไทยที่ เชียร์สเปอร์สเลย