Wednesday 3 October 2007

เยือน " เดอะ บริดจ์ " ในเกมสุดจืด!!!

เช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา ณ เวลา เก้าโมงกว่าๆ ผมพยายามดีดตัวเอง ให้ออกจากผ้าห่มผืนหนาที่ปกคลุมตัวกระผมอยู่ ความรู้สึกด้านนึง ไม่อยากจะตื่นเลยครับ ให้ตายเถอะ แต่ทำไงได้ครับ วันนี้ผมมีนัดกับคุณลุง อัฟรัม แกรนท์ กุนซือหน้าไม่รับแขกที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ เพื่อชมเกม เชลซี-ฟูแล่ม

เกมนี้ผมมาถึง สนามก่อนเวลาเตะถึง 3 ชั่วโมงครับเนื่องจาก ต้องการมานั่งจิบกาแฟ และ นั่งเล่นอินเตอร์เน็ต เช็กข่าวสารที่บ้าน เพื่อไม่ให้ตกเทรนด์ที่ร้าน Starbucks สาขา Fulham broadway ให้สบายอารมณ์

แต่แล้วผมก็ต้องอารมณ์ บ่ จอย แต่หัววันครับ เพราะ ณ ตั้งแต่เดือน ตุลาคมนี้เป็นต้นไปลูกค้าที่จะเข้าไป นั่งดื่มใน สตาร์บัคส์ ทุกสาขาในประเทศอังกฤษ จะไม่มีโอกาสได้ใช้อินเตอร์เน็ตฟรีๆ อีกแล้วเนื่องจากทาง สตาร์บัคส์ได้จับมือกับ T-mobile บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่เข้ามา "หารายได้" กับลูกค้าโดยจะต้องสมัครเป็นสมาชิกและเสียค่าบริการรายเดือน

โอ๊ย...เซ็งครับ สำหรับคนเริ่มเป็น ลูกค้าขาประจำอย่างผม เพราะจากนี้คงไม่ได้ไปเล่นเน็ตชิวๆ พร้อมจิบกาแฟที่นั่นบ่อย ๆ เหมือนอย่างเคยแล้ว

พิมพ์ไปบ่นไป อีกแล้ว...แฮะๆ เข้าเรื่องเกมที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ต่อน่ะครับ ^_^

ความรู้สึกก่อนจะเข้าไปชมเกมนี้ ในใจคิดไว้ว่าเชลซีภายใต้ "ผู้นำ" คนใหม่อย่าง แกรนท์น่าจะพาทีม ปราบพยศลูกทีมของ ลอว์รี่ ซานเชซ ได้ไม่ยากหลังจากเพิ่งอัด ฮัลล์ ซิตี้ ในคาร์ลิ่งคัพ ไป 4-0 เมื่อวันพุธ
ชัยชนะดังกล่าวจึงทำให้ผมพาลคิดไปว่า "ความเชื่อมั่น" และ "ศรัทธา" ที่นักเตะมีต่อ "ทีม" น่าจะ "คัมแบ็ก" แต่เกมนี้ ด้วยสองตาที่เห็น พร้อมกับความรู้สึกที่ได้ และสัมผัสผ่าน เสียงตะโกนโห่ร้องของแฟนเชลซีบวก กับอากัปกิริยาของนักเตะเชลซีเอง ทำให้ผมยังปักใจเชื่อว่า ความรู้สึกตรงนั้นยังคงต้องใช้เวลาพอสมควร กว่าที่มันจะกลับมาเป็นดังเดิม หรือดีไม่ดี อาจจะถึงกับต้องเปลี่ยน "หัวเรือ" กันเลย

จริงอยู่ครับที่แม้บอร์ดบริหาร ยังออกมาประกาศปาว ๆ ว่า พร้อมสนับสนุน แกรนท์ใน ระยะยาวแต่ดูจากเกม West London derby match เกมนี้แล้วการทำได้เพียงเสมอ ฟูแล่ม 0-0 แบบไข่ไม่แตก หนำซ้ำยังเกือบพลาดท่าเพลี่ยงพล้ำ ด้วยซ้ำในช่วงนาทีที่ 86 ที่พอล คอนเชสกี้ หลุดไปดวลกับ ปีเตอร์ เช็ก หนึ่งต่อหนึ่งแต่ยังเป็น โชคดีของ แกรนท์ครับที่ เช็กโชว์ซูเปอร์เซฟในจังหวะ "สำคัญ" นี้ได้

ทำไมผมถึงว่าจังหวะนี้ "สำคัญ"น่ะหรือครับ?

ก็เพราะว่า ในศึกพรีเมียร์ชิพ ที่ผ่านมา นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2004 เชลซียังไม่เคยโดนทีมใด บุกมาลูบคม หรือ หยิบยื่นคำว่า "แพ้" ให้เลยภายใต้การคุมทีมของชายชื่อ โจเซ่ มูรินโญ่
นับจากนี้เป็นต้นไป ผมคาดว่า "สถิติ" ที่ได้ถูกรักษามาอย่างยาวนานนี้ ไม่ช้าก็เร็วมันก็จะจบลงแน่ๆ ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นเกมไหน และเมื่อไร เท่านั้นเอง

เฉพาะอย่างยิ่งที่ แกรนท์ ไม่ได้มีชื่อเสียง หรือบารมีอย่างกุนซือที่ผลงาน "การันตี" อันจะทำให้การ
"วัดรอยเท้า" กับมูรินโญ่ที่ คาแรกเตอร์ และผลงาน "แจ่มแจ้ง & ชัดเจน" กว่านั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
มันก็เลยเป็นที่มาของการ ทำได้เพียงแค่เสมอทีมอย่างฟูแล่ม 0-0

เท่าที่ผมสังเกตดูแล้ว แม้ว่าตัวผู้เล่นยังเป็นชุดเดิม ๆ ของมูรินโญ่ สไตล์การเล่นก็ยังไม่ได้เปลี่ยนไปซะทีเดียว แต่สิ่งหนึ่งที่ผมที่ผมพอจะรู้สึก ได้ก็คือนักเตะ เชลซีขาดผู้นำที่คอยกระตุ้น และนำ "Inspiration" หรือแรงดลใจซึ่งเป็นหนทางนำไปสู่ ทัศนะคติ Win-Win หรือความกระตือ รือร้นที่จะเอาชนะคู่แข่งนั้นเอง
และผมเองมองว่า การที่แกรนต์ ให้โอกาส อังเดร เชฟเชนโก้ ลงตั้งแต่ต้นเกม และให้ทำหน้าที่รับผิดชอบ ลูกฟรีคิกสองครั้งในช่วงครึ่งแรก รวมถึงบทบาท Free role ยืนอยู่หลัง ดิดิเยร์ ดร็อกบา นั้น ดูเป็นการเอาใจ โรมัน อบราโมวิช มากเกินไปหรือเปล่า?

จริงอยู่ครับที่แกรนท์ต้องการดึง "ความมั่นใจ" ของหัวหอกยูเครนกลับมา

แต่การเตะฟรีคิกไม่ขึ้นสองครั้งสองครา แม้เจ้าตัวจะดู "ตั้งใจ" มากเหลือเกิน แต่เหมือนว่าการที่เจ้าตัวยิ่งพยายาม ก็ยิ่งกลับกลายเป็นยิ่งแย่ และไม่มีสัญญาณใด ๆ เลยที่จะทำให้เรามีหวังจะได้เห็น "เชว่า" คนเดิมสมัยที่เล่นให้ เอซี มิลาน

น่าเสียดายครับที่ "เชว่า" ไม่ได้เป็นคนที่ถูกรักของผู้คนที่นี่ เพราะยามที่เขาตัวโดนเปลี่ยนออกให้เคลาดิโอ ปิซาร์โร่ เข้ามาแทนในนาทีที่ 54 นั้น แฟนเชลซีหลายๆ คน ก็เริ่มมีเสียงโห่ให้เห็นกันบ้างแล้ว
และหลังเกมเจ้าตัวก็นั่งเครื่องบินตรงไปมิลาน เพื่อฉลองครบรอบวันเกิด 31 ปีที่นั่นทันที แค่นี้ก็พอรู้แล้วล่ะครับว่าเชฟเชนโก้ไม่ได้รู้สึกว่าอังกฤษเป็น "บ้าน" เค้าเช่นกัน

ย้อนกลับมาที่สถานการณ์ของเชลซีในเวลานี้ โอเค... เกมนี้ แกรนท์อาจจะเหลือผู้เล่นแค่สิบคนในช่วง 15 นาทีสุดท้าย เพราะดร็อกบา โดนใบเหลือง-แดงออกไป


แต่แทคติกส์โดยรวมของแกรนต์ที่ว่าจะนำ "เอนเตอร์ เทน" ฟุตบอลมาสู่เชลซี คาดว่าแฟนๆ ที่ดูเกมนี้อยู่คงอด คิดแบบผมไม่ได้เหมือนกันว่า มัน "เอนเตอร์เทน" ตรงไหน เพราะขนาดไปดูถึงขอบสนาม บางช่วงจังหวะของเกม ผมยังเกือบจะหลับเอา

"ความเคารพนับถือ" และ "ศรัทธา" ที่นักเตะมีต่อ แกรนท์ยังเป็นเครื่องหมายคำถามอยู่ เนื่องจากข่าวความไม่พอใจ วิธีการซ้อมของทีมรวมถึงไม่มั่นใจใน "ฝีมือ" แกรนท์ของนักเตะซีเนียร์หลาย ๆ คนก็หลุดมาตามสื่อเป็นระยะๆ

และหากไม่มีอะไรผิดพลาด สตีฟ คลาร์ก มือขวาเก่า ของมูรินโญ่ก็จะอยู่ช่วยแกรนท์ถึงแค่วันอาทิตย์ที่จะ ถึงนี้ในแมตช์กับโบลตันเท่านั้นหลังเจ้าตัวรู้ว่าถึงเวลาเสียทีกับ การเริ่มบทบาทผู้จัดการทีมเองหลังจากบ่มเพาะ ประสบการณ์มาพอดูกับโจเซ่ มูรินโญ่

มุมมองผมแล้ว อัฟรัม แกรนท์ ต้องให้ "ผลงาน" ในเกมวันพุธนี้ที่จะไปเยือนบาเลนเซีย เป็นการตอบคำถามสื่อมวลชนที่เคลือบแคลง และสงสัยในความสามารถของ เจ้าตัว

หากทำได้ในเกมระดับยุโรปเกมนี้ ผมเชื่อว่าแกรนท์อาจจะเรียก "ความสามัคคี" และ "กำลังใจ" จากนักเตะรวมถึงแฟนบอลกลับมาได้ไม่มากก็น้อย

แต่ถ้าหากว่าเจ้าตัวยังพาทีมสิงห์บลู ออกทะเลอีก ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่า ท่านประธานซึ่งใจร้อน+เอาแต่ใจ ตัวเอง (ไม่น้อย) อย่างอบราโมวิช จะยังใช้บริการแกรนท์ จนถึงช่วงปีใหม่หรือเปล่า ??


ข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์คิกออฟ ฉบับที่ 2995

2 comments:

ธานคับ said...

ผมว่าเชลซีเสียหายจริงๆครับ กับการไม่มูริญโญ่ ผมว่าแกรนท์ บารมีไม่ถึง นักเตะดีอยู่แล้ว แต่บารมีผู้จัดการทีมจะรวมใจนักเตะในทีมผมว่า หาใครมาแทนมูริญโย่ยาก นอกจาไปเอาพวก ฮิสดิ้งค์ คาเปลโล่ ลิปปี้ มาครับ แวะมาทักทายครับคุณเอก...

เอก อุดมสุข said...

สวัสดีครับ คุณธาน

น่าเห็นใจ แกรนท์ครับที่โดนกดดันหนักขนาดนี้ ไม่แน่เหมือนกันครับตรงนี้อาจเป็นแรงผลักดันให้แกรนด์มีลูกฮึด และก้าวไปเป็นยอดกุนซือในอนาคตได้เหมือนกัน

น่าติดตามครับอนาคตของแกรนท์และเชลซีในฤดูกาลนี้

ขอบคุณที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยียนบ่อบๆครับ :)