Wednesday 22 August 2007

ปฏิบัติการ "แทงข้างหลังกุนซือ"!!!


บางครั้งความคาดหวังที่สูงก็มา พร้อมกับความกดดัน ที่สูงตามขึ้นไป คำกล่าวนี้คงจะไม่เกินจริงเลยหลังจากสเปอร์สใช้ เงินไปร่วม 40 ล้านปอนด์ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา และทำผลงาน ได้ต่ำกว่ามาตรฐานในช่วง 3 นัดแรกของศึกพรีเมียร์ชิพ

การพ่ายไปสองเกมแรกให้ทีมน้องใหม่อย่างซันเดอร์แลนด์ 0-1 และต่อด้วยเอฟเวอร์ตัน 1-3 ในบ้านทำให้แฟนบอลที่เข้าไปดูในเกมนั้น ถึงกับเป่าปากโห่ร้องถึงผลงานน่าผิดหวังของทีมที่เสียไปถึง 3 ประตูในบ้านให้ลูกทีมของ เดวิด มอยส์

ข่าวความไม่พอใจ ของบอร์ดบริหารอย่างท่านประธาน เดเนียล เลวี่ เริ่ม "ผุด" ออกมาตามสื่ออังกฤษรวมไปถึงชื่อกุนซือ สองสามรายที่เริ่มตกเป็นข่าวกับสเปอร์ส เริ่มตั้งแต่ เต็งหนึ่ง ฮวนเด้ รามอส, "ฉลามขาว" เจอร์เก้น คลินส์มันน์ รวมไปถึงแฮร์รี่ เรดแนปป์ กุนซือหน้าง่วงของปอร์ทสมัธ

จริงอยู่แม้เกมที่สาม ในการลงเตะกับดาร์บี้ในถิ่นไวท์ ฮาร์ท เลน สเปอร์สจะถล่มเอาชนะคู่แข่งไปด้วยสกอร์มโหฬารถึง 4-0 แต่นั้นไม่เพียงพอกับความมั่นคง ในหน้าที่การงาน ของกุนซือชาวดัตช์ภายหลังที่ "กระแส" ข่าวการลักลอบติดต่อกุนซือรายใหม่เริ่มแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

สื่อจากสเปน และอังกฤษหลายฉบับออกมา "เปิดโปง" ข่าวการลักลอบติดต่อกุนซือเซบีญ่า ฮวนเด้ รามอส ในคืนวันศุกร์ 17 สิงหาคม ก่อนที่โยลจะพาลูกทีมลงเตะกับเซบีญ่าเพียง 1 วัน
"ความเชื่อมั่น" ของบอร์ดบริหารสเปอร์สที่มีต่อ มาร์ติน โยล น่าจะหมดลงในไม่ช้านับจากนี้ เพราะสื่อยักษ์ใหญ่ของอังกฤษอย่าง The mirror และ BBC ได้ตีข่าวโยลขอเข้าพบบอร์ด บริหารในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ หลังจากรู้สึกไม่ "เคลียร์" กับข่าวลือที่ทำท่าจะเป็นจริงขึ้นมาทุกขณะ

สื่อบางรายปักใจเชื่อว่า บอร์ดจะให้โอกาสโยลอีก 6 นัดนับจากนี้ไป ขณะที่ BBC เชื่อว่า "ชะตา" ของโยล อาจจะขาดก่อนเกมวันอาทิตย์ที่จะลงเตะกับผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เป็นได้ หากการเจรจาของทั้งสองฝั่งไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

และจากประวัติที่ผ่านๆ มา สเปอร์สได้ชื่อว่าเป็นทีมแรกที่ทำการปลดผู้จัดการได้เร็วที่สุดถึง "สามครั้ง" จาก10 ปีหลัง โดยเหยื่อสามรายของบอร์ดในยุคนั้นก็ได้แก่ เจอร์รี่ ฟรานซิสในปี 1997 คริสเตียน โกรสส์ ในปี 1998 และเกล็น ฮอดเดิ้ล ในปี 2003

นั้นยังไม่นับในปี 2004 ที่ ฌัค ซองตินี่ กุนซือใจปลาซิว ชาวฝรั่งเศสที่ตัดสินใจลาออกไปเอง ตั้งแต่ฤดูกาลเพิ่งเริ่มไปได้ไม่เท่าไร โดยให้เหตุผลเพียงแค่ปรับตัวกับชีวิตในอังกฤษไม่ได้

หลังการออกไปของซองตินี่ มาร์ติน โยลในหน้าที่ผู้ช่วยกุนซือก็ได้รับการ "ผลักดัน" ให้ขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีมแทนหลังจากได้บ่มเพาะประสบการณ์ในอังกฤษมาสักระยะ และนอกจากนี้ยังได้เคยฝากฝีไม้ลายมือไว้ในฮอลแลนด์อย่างยิ่งใหญ่ด้วยการพา Roda JC ได้แชมป์ดัตช์คัพเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี รวมไปถึงคว้ารางวัลโค้ชยอดเยี่ยมแห่งปี ของฮอลแลนด์สองปีซ้อน (ปี 2001 และ 2002 )

เพียงแค่สองปีแรกที่โยลเข้ามาคุมทีม แบบเต็มซีซั่นก็สามารถพาทีม "ไก่เดือยทอง" ติดอันดับ 5 ได้สองฤดูกาลติดต่อกัน ทีมกลางตารางที่เคยมีอดีตที่ยิ่งใหญ่ของ กรุงลอนดอนก็กลายสภาพจาก "ยักษ์หลับ" มาเป็น "ม้ามืด" ที่นักวิเคราะห์หลายต่อหลายรวมไปถึง โจเซ่ มูรินโญ่ ออกมาฟันธงว่า สเปอร์สในซีซั่น 2007-2008 เป็นทีมที่มี "ศักยภาพ" ที่จะสอดแทรกเข้าไปเป็น 1 ใน "ท็อปโฟร์"

แต่ "ผลงาน" ที่ออกมาตรงข้ามกับ "ความคาดหวัง" ที่ตั้งไว้สูง ส่งผลให้เกิด "ความไม่พอใจ + สูญเสียความเชื่อมั่น" ความสามารถในการบริหารทีมของ มาร์ติน โยล

ปฏิบัติการ "แทงข้างหลัง" กุนซือที่หัวโจกนำโดยนายใหญ่ เดเนี่ยล เลวี่จึงเริ่มขึ้น

แม้ ฮวนเด้ รามอส กุนซือฝีมือดีจะ ออกมายอมรับว่าได้เจอกับ พอล เคมส์ลีย์ รองประธานสโมสร และ จอห์น อเล็กซานเดอร์ เลขานุการ สเปอร์ส จริงๆ ที่ โรงแรม Alfonso XIII ในเมืองเซบีญ่า แต่เป็นเพียงแค่การนัดกิน และดื่มกันตามประสา "เพื่อน" ในวงการฟุตบอล และหัวข้อสนทนาของทั้งคู่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับฟุตบอลเลยแม้แต่นิดเดียว

อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อหรอกครับว่าทั้งคู่จะไม่ได้พูดคุยถึง ความเป็นไปได้ในการเข้ามาเทก ตำแหน่งนายใหญ่ของสเปอร์ส

สัญญาของรามอสที่มีกับเซบีญ่าเหลือเพียงแค่หนึ่งปีเท่า นั้น และการ "ปลดล็อก" ก็ไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงของสโมสร อย่างสเปอร์สที่จะจ่ายเงินค่าสินไหมชดเชย ให้ทีมดังจากสเปนเพียงแค่ 350,000 ปอนด์ ก็จะได้มาซึ่งลายเซ็นงามๆ ของ รามอส รวมไปถึง กึ๋น+ประสบการณ์ ที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในสเปน
"ฝีมือ" ของ ฮวนเด้ รามอสก็เข้าขั้น "หัวกะทิ" เพราะพาทีมที่ดาดๆ อย่างเซบีญ่าคว้าแชมป์ยูฟ่าคัพ ไปแล้วสองครั้ง และเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาก็เพิ่งพาทีมปราบพยศ เรอัล มาดริดไป 5-3 คว้าแชมป์สแปนิช ซูเปอร์คัพไปครองอย่างยิ่งใหญ่

ที่ผ่านมา รามอสไม่เคยปิดบังความใฝ่ฝันของตัวเอง ในการเข้ามาคุมทีมในเกาะอังกฤษเลยแม้แต่น้อยครับ เพราะก่อนหน้านี้กุนซือหน้าดุ ก็เกือบจะได้มาคุมทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้แล้ว แต่พอดีว่า "เฮียเถิก" สเวน โกรัน เอริคส์สัน ฉกชิ้นปลามันรีบเซ็นสัญญารับทรัพย์จากอดีตนายกฯ เราไปได้เสียก่อน


ส่วนตัวแล้ว ยอมรับนะครับว่าหลายๆ ครั้ง ไม่ค่อยชอบการตัดสินใจของโยล ในการจัดตัวนักเตะสักเท่าไหร่ แม้ว่าสเปอร์ส ภายใต้การทำทีมของโยล จะกลับมาเล่นบอลบนพื้น และ กลับมาเล่นเกมรุกเอนเตอร์เทนแฟน ๆ อีกครั้งหลังจากโดนค่อนขอดว่า "ดีแต่อุด" ในยุคของ จอร์จ เกรแฮม และ ฌัค ซองตินี่

แต่ถามว่าเร็วไปมั้ย สำหรับการตัดสินผลงานการเพียงแค่สามนัด และปลดกุนซือที่ทำผลงาน ได้ดีกว่ากุนซือสเปอร์ส 5-6 คนก่อนหน้านี้ ?

อันนี้ต้องบอกเลยครับ ว่าเร็วไปมากหาก บอร์ดสเปอร์สคิดจะปลด มาร์ติน โยลจริง ๆ ก่อนเกมวันอาทิตย์นี้ และทำให้ 40 ล้านปอนด์ที่ลงไปกับนักเตะใหม่บางรายอย่าง แกเร็ธ เบล และเควิน ปรินซ์ บัวเต็ง ยังไม่ได้ลงช่วยทีมเลยด้วยซ้ำ

นักเตะหลายต่อหลายรายที่ยังอยู่ในช่วงพักฟื้น จากอาการบาดเจ็บก็เป็นอีกหนึ่ง "ปัญหา"ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของ โยล

จริงอยู่ที่ว่าคนเป็น "โค้ช" คือผู้ที่ต้องรับผิดชอบกับผลงานของทีม แต่บางครั้งบอร์ดบริหารหรือผู้มีอำนาจ ตัดสินใจ ก็ควรจะมองดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้บ้าง ไม่ใช่สักแต่ว่าผมไม่ชอบ ไม่พอใจ แล้วผมจะเปลี่ยน

ทีมฟุตบอลไม่ใช่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนะครับ ที่ใส่น้ำร้อนแล้วจะยกซดได้เลยทันใจ

การหล่อหลอม + สมัครสมาน + ความเข้าใจในทีม คือเรื่องที่ละเอียดอ่อนที่คนนอกอย่างเราๆ รวมถึงบอร์ดบริหารไม่สามารถเข้าถึงได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนต้องการ "เวลา" เพื่อผสมผสานกันให้เกิดคำว่า Teamwork
ดังนั้น "เวลา" อีกเช่นกัน คือสิ่งที่ เดเนี่ยล เลวี่ ควรจะให้แก่ มาร์ติน โยล พิสูจน์ฝีมืออีกสักนิด อย่างน้อยๆ
6 -7 นัด แล้วค่อยมาวัด "ผลงาน" กันใหม่

ถ้าอะไรๆ ยังไม่ดีขึ้น ค่อยเริ่ม "เปลี่ยนแปลง" มันก็ยังไม่สายไม่ใช่เหรอครับ ?...


Viva London โดย เอก อุดมสุข ข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์คิกออฟ ฉบับที่ 2953

7 comments:

Anonymous said...

คงต้องติดตามผลงานของโยล และนักเตะสเปอรส์กันอีกที....กับผีแดง ในวันอาทิตย์นี้

Anonymous said...

รอลุ้นอยู่เช่นกันครับ อาทิตย์นี้

เอก อุดมสุข said...

ถึงเราจะเป็นรอง แต่ใช่ว่า แมนยู จะแพ้ไม่เป็นครับ

Anonymous said...

สมมุตินะ ถ้าสเปอร์ชนะแมนยู
บอร์ดคงเงียบสนิท
ปล. ฝันไปหรือเปล่า

เอก อุดมสุข said...

ถ้าสเปอร์สชนะเกมนี้ได้ รับรองว่า ความมั่นใจของโค้ชและนักเตะ คืนกลับมาเต็มเปี่ยมแน่นอนครับ

สู้!!

Anonymous said...

สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร

... รอลุ้นกัน เหลืออีกไม่กี่ชม.แร้ว

Anonymous said...

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ