ทริปนี้ ผมและพี่ๆน้องๆจากทีม ไทย-ยูเค ทั้งหมด 9 ชีวิต ได้เช่ารถมินิ-แวน ซึ่ง พอเหมาะพอเจาะสำหรับพวกเรา หนุ่มโสดและมีบางรายที่น่าจะแถมคำว่า “โฉด” เพิ่มเข้าไปด้วยก็คงไม่ผิดนัก ^_^
เรื่องการเดินทางเราได้ “น้าหมาน” สมาน แสนทวีสุข โค้ชของทีมรับบทเป็น “โชเฟอร์” พาพวกเราไปชมความอลังการของสนาม ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ ภายใต้ ยุค Renovation หรือ ปรับโฉมทีมกันครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของผู้จัดการทีมและนักเตะในทีม
แม้จะกินเวลาไปร่วม 4 ชั่วโมงในการเดินทาง เนื่องจากมีการแวะพักเติมน้ำมันและแวะ ชาร์จแบตเตอร์รี่ให้โชเฟอร์เราเป็นระยะๆ แต่ผมและทุกคนบนรถก็ไม่มีอาการเหนื่อยล้ากันให้เห็น เพราะใจจดใจจ่อกับเกมและปาร์ตี้ หลังเกม ซึ่งนั้นรวมไปถึงการแสดงของเหล่าดารา-นักร้อง ที่พวกเราได้ข่าวการ “โปรโมต” มาก่อนวันเดินทางมาสักพักนึงแล้ว
จากที่ได้ ซาวน์เสียงของคนไทยหลายๆคนที่นี้ “กระแส”การจัดงานในครั้งนี้ถือว่าค่อนข้าง “แรง” เพราะนักข่าวจากเมืองไทยไม่เฉพาะสายข่าวกีฬา แต่กระแสของเกมนี้ ยังสามารถดึงนักข่าวสายการเมืองให้มาทำข่าวถึงที่นี้ได้ด้วย โดยการประชาสัมพันธ์ของงานนี้มีบริษัท “ฮาวคัม”ของคุณ “โอ๊ค” พานทองแท้ ลูกชายหัวแก้ว หัวแหวน ของคุณทักษิณ ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่าง “งาน” และ “สื่อมวลชน”
จากกระแสที่ได้รับมา ผมจึงปักเชื่อว่า นี้ไม่ใช่แค่“เฟรนล์ลี่แมตช์”ธรรมดาๆของทีมเรืบใบเสียแล้ว แต่นี้ยังเป็นถือเป็นการงานเปิดตัว “ท่านประธาน” คนใหม่ต่อหน้าสาธารณะชนอย่างเป็นทางการไปในตัว ต่อหน้าสักขีพยานร่วมสามหมื่นคนทั้งชาวไทยและแฟนบอลท้องถิ่นที่เดินทางมาชมเกมนี้ 27, 902 คน
คนไทยจากทั่วทุกภูมิภาคที่อาศัยในประเทศอังกฤษที่ทราบข่าวนี้ ได้เดินทางมาเมืองแมนเชสเตอร์โดยมิได้นัดหมาย และบังเอิญเหลือเกินที่ทริปนี้ ผมได้พบกับ “เพื่อนเก่า”สมัยเรียนที่สวนกุหลาบนนทบุรี ที่ไม่เจอมานาน เดินทางมาจากเมืองลีดส์ จึงเข้าไปทักทายและแลกเบอร์ติดต่อและอีเมลไว้แชตกันไปตามระเบียบ
ส่วนตัวแล้ว ผมไม่ได้คาดหวังจะเห็นฟอร์มเริดหรู อลังการของทีมเรือใบสีฟ้า ลำนี้สักเท่าไหร่นักในการ พบกับทีมแกร่งจากสเปนอย่าง บาเลนเซียเพราะรู้อยู่ว่านักเตะหลายราย อาทิเช่น ฆาบี้ การ์ริโด้, เวดราน คอร์ลูก้า เอลาโน่ และวาเลรี่ โบยินอฟ เพิ่งจะย้ายเข้ามาก่อนเกมนี้จะเริ่มขึ้นได้ แค่ 2-3วัน ดังนั้น เมื่อรวมกับนักเตะใหม่ 4คนก่อนหน้านี้ เท่ากับว่า ครึ่งค่อนทีมแทบจะไม่ได้รู้จักและร่วมซ้อมกันมาก่อนเลย
เมื่อมาถึงสนาม ผมรู้สึกได้ถึงบรรยากาศ “ความคึกคัก”รวมไปถึงการรับรู้และสัมผัสได้ถึง การวางแผนผังของงานและการนำเสนอ “ความเป็นไทย” ของเจ้าของทีมอย่างได้อย่าง “น่าชมเชย”
ทำไมน่ะหรอครับ? เพราะว่าบรรยากาศก่อนเกมจะเริ่มขึ้น มีการแสดงโชว์การรำแม่ไม้มวยไทยของเด็กๆชาวอังกฤษที่รำและไหว้ได้ “สวยงาม”และประทับใจผมเป็นอย่างยิ่ง ความอ่อนช้อยแต่แฝงไปด้วยความหนักแน่นที่ผสมผสานกลมกลืนรวมไปถึงการยกมือไหว้ทุกครั้งที่จบกระบวนท่า นั้นทำให้ผมรู้สึก “ขนลุก”แปลกใจว่าทำไมเด็กๆพวกนี้ถึงได้ เข้าถึง “ความเป็นไทย.” ได้เพียงนี้
โดย จุด“ไคล์แมกซ์”ของงานนี้เริ่มขึ้นช่วงเย็นวันเดียวกัน โดยคุณทักษิณได้ใช้จตุรัส อัลเบิร์ตสแควร์เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงฉลองการเปิดตัวโดยมีชื่องานว่า “วัน ซิตี้ ฟรีคอนเสิร์ต” โดยมีการจัดอาหารไทยเสิร์ฟฟรี ตลอดทั้งงาน รวมทั้งการจัดรถโดยสารไว้ที่แอชตั้น นิว โรด ด้านข้างสนามเพื่อนำบรรดาแฟนบอลจากสนามซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ ไปยังสถานที่จัดงานฟรี อีกด้วย
ดารา-นักร้องจากเมืองไทยที่ขึ้นไปขับกล่อมบทเพลงก็มี ใหม่ เจริญปุระ, แอม เสาวลักษณ์ ลีลาบุตร,
“ฮาร์ท” สุทธิพงษ์ ทัดพิทักษ์กุล, “ลีเดีย” ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา และซอนย่า คูลลิ่ง
ชณะที่คนดังในอังกฤษก็มาร่วมงานคับคั่ง อาทิเช่น ริกกี้ ฮัตตัน อดีตแชมป์โลกรุ่นเวลเตอร์เวต ดับเบิลยูบีซี และแชมป์ไอบีโอ ซูเปอร์ไลต์เวต และโคล เพจที่เอาใจท่านประธานคนใหม่ ด้วยการร้องเพลงโปรดของคุณทักษิณ อย่าง เพลง “มาย เวย์” โดยช็อตนี้เรียกร้อยยิ้มจากคุณทักษิณและเสียงปรบมืออย่างกึ่งก้องจากผู้เข้าร่วมงานในกว่า 8,000 คนได้อย่างยิ่งใหญ่ และปิดงานในเวลาสามทุ่มเศษๆด้วยความชื่นมื่นของทั้ง “ผู้จัด” และ “แขกในงาน”
ไฮไลท์ของเพื่อนๆผู้ร่วมเดินทางของผมในทริปนี้ อาจจะเป็นกับข้าวอร่อยๆจากร้านเจ๊หมวย หรือร้านAddie’s จากลอนดอน
แต่สำหรับผมแล้ว น้อง “ลิเดีย” นักร้องสาวหุ่นดีเท่านั้นครับ ที่ถือเป็น “ไฮไลท์” ส่วนตัว เนื่องจากแอบปลื้มความน่ารักเป็นทุมเดิมอยู่ก่อนแล้วจึงยืนเคลิ้มไปพักใหญ่ก่อนจะโดนขัดจังหวะเมื่อ “น้าหมาน” และ “ใหม่ โมบาย” เดินมาดึงให้ผมรีบไปขึ้นรถ เนื่องจากคืนนั้น พวกเรายังไม่มีที่พัก ทำให้วัยรุ่นอย่างผมเซ็งไม่น้อย ที่โดนขัดจังหวะห้วงความสุข “เล็กๆ” แบบนี้
พวกเราหาที่พักกันหลายต่อหลายที่ครับ ในคืนนั้น เนื่องจากว่าโรงแรมในเมืองแมนเชสเตอร์ห้องราคาประหยัด ได้ถูกจองไว้เกือบหมดแล้ว ขณะที่โรงแรมที่ยังไม่ได้ถูกจอง พวกเราก็ไม่อาจสู้ราคาแพงๆได้อีก สุดท้ายพวกเราจึงตัดสินใจใช้แผน “กองโจร” ด้วยการจองห้อง Double room (ห้องสำหรับสองคน) ในโรงแรม 4ดาวแห่งหนึ่ง 2 ห้อง ตกห้องละ 60 ปอนด์ต่อคืน แล้วแอบ “ลักลอบ” แอบเข้าไปนอนกัน 9 คนครับ (อันนี้ขอให้เป็นความลับ ระหว่างผม กับท่านผู้อ่านนะครับ ฮา)
ครับ ไม่ว่าแท้จริงแล้ว คุณทักษิณจะมีจุดประสงค์อันใดแน่ในการเข้าเทคโอเวอร์สโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในครั้งนี้…
แต่อย่างน้อยในเวลานี้ชาวเมืองแมนเชสเตอร์ ที่ Support ทีมเรือใบสีฟ้า ก็รักและเทิดทูนเจ้าของใหม่คนนี้ เยี่ยงวีรบุรุษผู้เข้ามาเพิ่ม “ความหวัง” ที่จะได้โอกาสลืมตาอ้าปากได้บ้าง หลังจากที่ต้องอยู่ใต้ร่มเงาทีม
และสามนักเตะทีมชาติไทยอย่าง เกียรติประวุฒิ สายแวว, ธีรศิลป์ แดงดา และ สุรีย์ สุขะ ที่จะได้ไปทดสอบฝีเท้ากับทีมระดับ พรีเมียร์ชิพเร็วๆนี้ รวมถึงนักเตะไทยรุ่นต่อๆไป ในอนาคตที่จะได้รับจาก “ประโยชน์” จากจุดนี้ แค่นี้ก็พอแล้วครับที่ทำให้ สาวกแฟนเรือใบสีฟ้า รวมทั้งผม ยกสองมือพร้อมเชียร์ แมน ซิตี้ เพิ่มอีกคน ในฤดูกาลใหม่ที่เริ่มขึ้นนี้
8 comments:
เอ่อ...ไม่มีรูปลิเดียเหรอคับ
เดี๋ยวจัดให้ครับ คุณ Kenny :)
ผมว่าคุณทักษิณน่าจะเป็นประธานสโมสรที่มีสีสันที่สุดและแฟนบอลชื่นชอบคนนึงของฟุตบอลอังกฤษนะครับ
เมื่อเทียบกับตระกูลเกลเซอร์หรืออับราโมวิช หรือฝั่งลิเวอร์พูลนะครับ น่าสงสารแฟนๆ นิวคาสเซิ่ลที่อุตสาหืดีใจที่ใด้ประธานใหม่ แต่เหมือนหนีเสือปะจระเข้
มีสีสัน&โดดเด่นเสมอครับ สำหรับอดีตท่านผู้นำเราไม่ว่าจะไปจับหรือทำอะไร ก็ตกเป็นข่าวใหญ่ได้ตลอด.. ความสามารถในการพรีเซนต์และเข้าถึง
"ความต้องการ" ของแฟน ซิตี้ คือจุดสำคัญที่ทำให้ได้รับการต้อนรับจากชาวเมืองแมนเชสเตอร์ในงานครั้งนี้เป็นอย่างดีและเหนือความคาดหมายหลายต่อหลายคน
ขอบคุณครับสำหรับรูปลิเดียที่จัดมาให้ น่ารักมากๆ คืนนี้ผมจะได้มีกำลังใจลุ้นระทึกน้องไก่หน่อย (เกี่ยวมั๊ยเนี่ย)
เพิ่งจะรู้นะเนี่ย ว่าคุณเอกชอบแมนซิตี้
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
Post a Comment