Wednesday 15 August 2007

สงครามฟลอร์หญ้า “บิ๊กทีม” ปีนี้ ไม่ง่าย!!!

ฟุตบอลพรีเมียร์ชิพที่แฟนๆฟุตบอลทั่วทุกมุมโลกตั้งตารอคอยได้รูดม่านเปิดฉากกันไปแล้วเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เสียงตะโกนโห่ร้องที่บ่งบอกถึงความดีใจของแฟนบอลสลับกับภาพแฟนบอลบางรายที่เดินคอตกกลับบ้าน ถือเป็น “เสน่ห์และสีสัน” ที่ผมได้เห็นอีกครั้ง หลังไม่ได้ภาพแบบนี้ร่วมสองเดือนช่วงที่ปิดฤดูกาล

ขณะที่ความรู้สึกส่วนตัวนั้นคงต้องยอมรับโดยดุษฎีว่าอารมณ์ บ่ จอยเท่าไหร่ที่เห็นทีมรักที่ตามเชียร์มา 10 ปี อย่างสเปอร์สโดนแมวดำของ ผู้จัดการหนุ่ม รอย คีน สอนเชิงบอลพ่ายไป 0-1 ในช่วงเสี้ยววินาทีสุดท้ายของเกม

ความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ น่าจะทำให้มาร์ติน โยลและเด็กๆ ได้ตระหนักถึงความจริงที่ว่า “ความประมาทเป็นบ่อเกิดของความหายนะ”หลังน่าจะได้ 1 คะแนนกลับลอนดอน แต่ด้วยอาการเหม่อ+เสียสมาธิ ในช่วงท้ายเกม ทำให้พวกเค้าไม่ได้สักคะแนนกลับบ้านไป ทั้งๆที่ก่อนเกม แฟนๆไก่หลายคนคิดว่า 1 แต้มก็ถือว่าแย่แล้วสำหรับ การเจอกับทีมน้องใหม่และอย่างซันเดอร์แลนด์

คงต้องเจียมตัวและทำใจกันให้มากขึ้นสำหรับแฟนๆ “ไก่เดือยทอง” ครับหากคิดจะรักทีมยักษ์หลับทีมนี้ เนื่องจากดูจากสภาพความเป็นจริงแล้ว พวกเค้ายังต้องการ “ความสม่ำเสมอ” มากกว่านี้ ไม่ใช่ “สิงฆ์ สนามซ้อม หมูสนามแข่ง” อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ขณะที่ทีม “ท็อปโฟร์” จากซีซั่นก่อน มีเพียง แมนฯยูไนเต็ด “แชมป์เก่า” ทีมเดียวครับ ที่พลาดการเก็บ 3 แต้มในนัดเปิดสนามของฤดูกาลทั้งที่ บุกแทบตายใส่ เรดดิ้ง ที่กุนซือ สตีฟ ค็อปเปลล์ เปิดตำราทำการบ้านมาเป็นอย่างดี และรักษาความบริสุทธิ์ ไม่เสียประตู ได้อย่างพลิกความคาดหมายแฟนบอลส่วนใหญ่ พอสมควร

นอกเหนือจากชวดเก็บ 3 คะแนนแรกในบ้านแล้ว ข่าวร้ายยิ่งกว่าของ เซอร์ อเล็กซ์ และขุนพลทีมผีแดงก็คือการเสีย “หมู รูน” เวยน์ รูนี่ย์ ที่ได้บาดเจ็บ และผล สแกนออกมาแล้วว่า กระดูกเท้าแตกและต้องพักไปอย่างน้อย 2 เดือน


ในเกมดังกล่าว ผมรู้สึกแปลกใจไม่น้อยทีเดียวครับ ที่ “ป๋า แพนด้า” ไม่เลือกใส่ แอนเดอร์สัน หรือ คาร์ลอส เตเบซ ไว้ในรายชื่อตัวสำรอง จนท้ายเกมถึงกับต้องส่ง จอห์น โอเชีย นักเตะ “สารพัด ประโยชน์” ไปเป็นเล่นเป็นหัวหอกตัวเป้า และทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน (อย่างที่หลายๆท่านน่าจะพอเดา สภาพออกตั้งแต่แรก)


ความชะล่าใจ ที่คาดว่าจะเคี้ยว เรดดิ้งได้ง่ายๆในถิ่น โอลด์แทรฟฟอร์ดจึงเป็น “หมัน” และถือเป็นความผิดพลาดที่น่าจับ เฟอร์กูสันมาตีก้น ให้เลิกประมาทสักทีสองที กับการเสีย สองแต้มหลุดมือไป ฟรีๆกับฤดูกาลที่เต็มไปด้วยการแข่งขันที่สูงขึ้นมากในปีนี้


นอกเหนือจาก “บทเรียน” ของแมนฯยูฯ ที่ชวดชัยไปแล้ว เราจะเห็นได้ว่า 3 ทีมที่เหลืออย่าง
เชลซี ลิเวอร์พูลและอาร์เซนอล ต่างก็ต้องดิ้นรนแบบ “เลือดตาแทบกระเด็น” กว่าที่จะเอาชนะทีมคุ่แข่งได้
นั่นแสดงให้เห็นกันตั้งแต่เกมแรกเลยครับว่า สมรภูมิการชิงชัยบน ฟลอร์ หญ้าในปีนี้ ไม่ใช่ง่ายแน่นอนสำหรับ “บิ๊กทีม” ทั้งหลาย


ลิเวอร์พูลที่เล่นในวันเสาร์กับการไปเยือน ก็ต้องรอถึงช่วงท้ายก่อนที่ “ความสามารถเฉพาะตัว” ของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่ยิงฟรีคิกสุดงาม ช่วยเอล ราฟา และพลพรรคหงส์แดงให้เก็บ 3 แต้มได้อย่างเฉียดฉิว


ก่อนที่วันอาทิตย์ ทีม “สิงโต พันล้าน” เชลซี มีคิวลงหวดกับเบอร์มิงแฮม ของสตีฟ บรู๊ซ ทีม น้องใหม่อีกทีมของพรีเมียร์ชิพในปีนี้และ กว่าที่เชลซี ในสภาพไม่เต็มร้อยนักจะเอาชนะเบอร์มิงแฮมไปได้ ก็เสียไปถึงสองประตูในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ของตัวเอง แต่อย่างไรก็ดี ถึงเวลานี้ เชลซี รักษาสถิติไม่แพ้ใครในบ้านติดต่อกัน ปาเข้าไปถึง 64 นัดแล้ว และได้ทำลายสถิติเก่า ไม่แพ้ใครในบ้าน 63 นัด ที่ ลิเวอร์พูลทำเอาไว้เมื่อปี 1978-1980 ลงได้ด้วยในเกมนี้


ครับนี้ยังไม่รวมถึงสถิติ ส่วนตัวของ โจเซ่ มูรินโญ่ที่คุมทีมไร้พ่ายในบ้าน มาได้ถึง 99 นัดแล้ว (สถิติ ตั้งแต่คุม เอฟซี ปอร์โต้) และการเล่นนัดเหย้าแมตช์ต่อไปจะพบกับปอร์ทสมัธ ของ แฮร์รี่ เรดแนปป์ที่เสมอกับดาร์บี้ในนัดแรก 2-2
เป้าหมาย “ไร้พ่าย” นัดที่หนึ่งร้อยในบ้านของกุนซือโปรตุกีสรายนี้ ไม่เฉพาะจะส่งผลที่ดีต่อประวัติการทำงานของเจ้าตัวเท่านั้น แต่สโมสรอู่ข้าว อู่น้ำอย่างเชลซี ก็จะได้ “สัมปทาน ความโชคดี” ครั้งนี้ไปโดยปริยายครับ


พูดถึงเชลซีแล้ว แม้ว่าพวกเค้าจะเสียสองประตูในบ้านในเกมนี้ แต่นักเตะในทีมทุกคนก็ยังลงเล่นด้วยทัศนะคติ Win-Win หรือ ต้องชนะเท่านั้น โดยไม่สนว่ารูปเกมจะออกมาเป็นอย่างไร ขอให้ได้ตาม “เป้า” ของทีมเป็นใช้ได้


นี่แหละครับเป็นทัศนะคติที่นักเตะของทีม “ลุ้นแชมป์” ทุกทีมพึงมีไว้ แหละนี่ก็เป็นเหตุว่าทำไมใน
ซีซั่นก่อนๆ ทีมเชลซีของมูรินโญ่จึง โดนค่อนขอดว่าเล่นฟุตบอลได้น่าเบื่อ ชวนง่วงเหลือเกิน
แต่ใครจะสนละครับ ถ้าทีมคุณได้แชมป์? อย่างที่ กุนซือปากตะไกร อย่าง โจเซ่ เคยได้ออกมาเหน็บ กุนซือ ที่บ่นการเล่นที่น่าเบื่อ ผ่านทางสื่อมวลชนจนหน้าหงายว่า “พวกคุณว่า และบ่น แท็คติกส์ผม แล้วคุณได้แชมป์แบบผมหรือเปล่า?”
อย่างไรก็ดี ปีนี้มูรินโญ่จะกลับมาเล่น ระบบ 4-4-3 อีกครั้งครับ นั้นหมายความว่าเราจะได้เห็น การเล่นที่ตื้นเต้น เร้าใจ ไร้ความน่าเบื่อของทีม “สิง ไฮโซ” โฉมใหม่แน่นอน


“ท็อปโฟร์” อีกหนึ่งทีมที่ต้องพูดถึงเนื่องจาก “หืดขึ้นคอ เป็นที่สุด” ในการเฉือนเอาชนะ ฟูแล่มของ ลอรี่ ซานเชส ไป 2-1 โดยที่โดนนำไปก่อนตั้งแต่ไก่โห่แค่นาทีแรกของต้นเกม


อย่างไรก็ดี อาร์เซนอลก็ยังเป็นอาร์เซนอล ที่ “ตายยาก” และ พร้อมพลิกสถานการณ์กลับมาได้เสมออันนี้ต้องชม “สปิริต” ของทีมครับ ที่ไม่มี “หมดใจ” และมีวิญญาณ “เพชฌฆาต” ต่างกับ สเปอร์ส คู่แข่งร่วมกรุงลอนดอน ที่ประกาศตัวขอแย่ง “ท็อปโฟร์” ที่ไร้ซึ่ง “ความดุดัน” ในเกมนัดเปิดสนามกับ ซันเดอร์แลนด์


พูดถึงทีมรัก แล้วก็อดห่วงไม่ได้ว่าเพราะขณะที่ปั่นงานชิ้นนี้ อยู่ สเปอร์ส ยังไม่ลงเตะกับเอฟเวอร์ตัน..


แต่ในฐานะที่ถวายตัวและมอบใจให้ “น้องไก่” ไปนานร่วม 10 ปีแล้ว ผมจะยังขอดูการจัดทีมในนัดต่อๆไปของมาร์ติน โยลครับ ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนทีมหรือไม่ และจะทำการบ้านอย่างไรกับบรรดากองหน้า
“4 จตุรเทพ” ที่แผลงฤทธิ์กันไม่ออกซักคนเดียวในนัดเปิดสนาม


เอฟเวอร์ตันของเดวิด มอยส์ แม้จะไม่ได้เสริมตัวมากมายในปีนี้ แต่การที่นักเตะหลักๆอย่าง ทิม เคฮิลล์
มิเกล อาร์เตต้า และ “เอเจ” แอนดี้ จอห์นสัน ยังไม่หนีหายไปไหน ทีมที่เล่นกันมานาน + กึ๋น ของผู้จัดการทีมก็อาจจะทำ เซอร์ไพรส์ ได้เหมือนในปีนี้


ผมไม่ทราบว่า ผลจะจบลงด้วยสกอร์เท่าไร และทีมใดจะเป็นผู้ชนะ (แต่ฉบับวันนี้ ท่านผู้อ่านคงได้ทราบผลการแข่งขันกันไปเรียบร้อยแล้ว) แต่สิ่งหนึ่งที่พอจะรู้สึกได้ก็คือ…
พรีเมียร์ชิพ ในปีนี้ไม่ใช้งานที่ง่ายๆสำหรับ “น้องไก่” และบรรดา “บิ๊กทีม” อย่างแมนฯยูไนเต็ด เชลซี ลิเวอร์พูล และ อาร์เซนอล แน่นอนครับ !!

ข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์คิกออฟ ฉบับที่ 2946

3 comments:

ธานคับ said...

เข้ามาเซ็งไก่อีกนัดครั้ง เมื่อคืนดูทอฟฟี่ตอกเราไปอีก 3-1 เซ็งจริงๆครับ

Anonymous said...

ขอแสดงความเสียใจด้วยกับผลงานของน้องไก่นะ

.... แต่ได้อ่านช่วงที่วิเคราะห์ถึงผลงานของทีมผีแดง ...มันก็ใช่อีกนั่นแหละ ...

แต่เราคิดว่าตอนนี้ผีแดงขาดศูนย์หน้าที่แข็งแกร่งเท่านั้น

....

เอก อุดมสุข said...

เซ็งเป็ด เซ็งห่าน เซ็งไก่ มากครับ
แพ้ไปสองนัดรวดแบบนี้

ผมไม่ค่อยจะเชื่อมือการคุมทีมของโยลเท่าไหร่เลยครับ คุณธาน...