Wednesday 1 August 2007

ฟ้าหลังฝน ของอาร์เซนอล



จบลงไปอย่างชื่นมื่นครับสำหรับแฟนบอล และขุนพล นักเตะทีม "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล กับฟุตบอลสี่เส้า เอมิเรตส์ คัพที่อาร์เซนอล "ทีมเจ้าภาพ" เอาชนะแชมป์กัลโช่ เซรี่ อา ในฤดูกาลที่ผ่านมาอย่าง อินเตอร์ มิลานด้วยสกอร์ 2-1 ในนัดชิงชนะเลิศเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา


จริงอยู่ที่ว่า หลายคนอาจจะมองว่านี่เป็นเพียงแค่ บอลสี่เส้าเล็กๆ ก่อนที่ฤดูกาลใหม่จะเริ่มต้นขึ้น และ ก็เป็นการแข่งขันที่จัดขึ้นในถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยมของพวกเค้า เองจึงไม่แปลกอะไร ที่พวกเค้าจะได้แชมป์นี้มานอนกอด


แต่หากมองกันให้ลึกลงไป มินิ ทัวร์นาเมนต์แบบนี้ถือเป็น การสร้างขวัญ และกำลังใจได้ไม่น้อยเหมือนกัน สำหรับเด็กๆ ของอาร์แซน เวนเกอร์ ความมั่นใจที่เพิ่มมากขึ้นน่าจะเป็น สิ่งที่เวนเกอร์ต้องการเห็น จากทีมในเวลานี้ก่อนที่การแข่งขัน ที่เข้มข้นและ ยาวนานจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า


จากที่มีโอกาสได้ดูไฮไลต์การแข่งขัน+การบอกเล่า ของเพื่อนคนนึงที่มีโอกาสได้ไปดูเกมคู่นี้ถึงขอบสนาม ภาพรวมของทีมชุดนี้ดูลงตัวขึ้น และแฟนๆ น่าจะลืมการจากไปของซีเนียร์ ในทีมอย่าง เธียร์รี่ อองรี และ เฟรดริค ยุงเบิร์กได้ในเวลาไม่นานนัก


การกลับมาของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ กองหน้าพรสวรรค์สูง ที่เล่นได้ "เทพ" มากในเกมนี้ โดยเฉพาะจังหวะที่เจ้าตัวยิงประตูชัยแสดงให้เห็นถึง "คลาส" ที่ยกระดับขึ้นมาได้อย่างก้าวกระโดด หลังจากได้รับการขัดเกลาจากสตาฟฟ์โค้ชของอาร์เซนอล ชุดนี้


โดยหัวหอกดัตช์วัย 23 ปีรายนี้เป็นดาวซัลโวประจำทีม ในฤดูกาลก่อนด้วยนะครับโดยสังหารไปถึง 13 ประตูก่อนจะกระดูกเท้าแตกหลังเล่นไปได้แค่ครึ่งฤดูกาล (เจ็บไปตั้งแต่ช่วงปีใหม่)
หลังเกมวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ฟาน เพอร์ซี่ ได้แสดงให้เห็นถึงสัญญาณ ที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวพร้อมแล้ว สำหรับการเข้ามาเติม "ส่วนที่ขาดหายไป" ของอองรี อดีตกัปตันทีมที่เสมือนเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง ของทีมในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา


นอกเหนือจากสัญญาณที่ดีขึ้นในแดนหน้าแล้ว ยังกันส์อีกรายที่อยากพูดถึงคือ บาคารี่ ซาญ่า ฟูลแบ็กฝั่งขวาทรงผมทรมานใจสาวรายใหม่ที่ผลัดกันเติมสลับกับ เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ ได้ถูกใจผมหลายๆ ครั้งในเกมนี้


การเข้ามาของอดีตแบ็กขวา ยู-21 ของฝรั่งเศสค่าตัว 6 ล้านปอนด์รายนี้ เล่นเกมรับได้เหนียวแน่น และมีความเร็วอัน ทำให้เอบูเอ้ เติมเกมรุกทางขวาได้โดยไม่ต้อง พะวงหน้าพะวงหลัง และฤดูกาลหน้าเวนเกอร์ก็จะ มีทางเลือกในการจัดตัวทางริมเส้นเพิ่มมากขึ้น


ขณะที่ดาวรุ่ง คีแรน กิ๊บบ์ส ดาวรุ่งหน้าละอ่อนเลือดผู้ดีวัย 17 ปีที่กุนซือ "เหี่ยวฟ้า" ออกมายกยอว่าอาจจะก้าวไปเป็น ไรอันส์ กิ๊กส์ คนใหม่หลังได้ลงมาปรากฏตัวใน ทีมชุดใหญ่เป็น ครั้งแรกก็ถือว่าทำหน้าที่ได้ไม่เลว และดูมี "แวว" คู่ควรกับคำกล่าวที่ว่าไม่น้อย ทีเดียวจากการ ที่ได้เห็นลีลาวูบวาบในเกมนี้


อย่างไรก็ดีแนวรับ ของอาร์เซนอลยังดูมีปัญหาเล็กน้อยในมุมมอง ของผมเนื่องจากกองหลังตัวกลางทั้งสองคนไม่ว่าจะโคโล่ ตูเร่ หรือวิลเลี่ยม กัลลาส รองกัปตันทีมยังมีปัญหาในการรับมือกับลูกกลางอากาศ
สาเหตุหลักๆ เลยก็คือ เรื่อง "สรีระ" ของทั้งคู่ครับ ที่แม้จะทั้งคล่อง แกร่ง และมีความเร็ว แต่ส่วนสูง 5 ฟุต 11 นิ้วของกัลลาส และ 6 ฟุต เป๊ะๆ ของตูเร่ นั้นถือว่าค่อนข้างเล็กหากเทียบกับกองหลัง ส่วนใหญ่ในพรีเมียร์ชิพ


ดังนั้นหากเจอกับกองหน้าตัวเปรตๆ อย่างปีเตอร์ เคร้าช์ หรือดิดิเยร์ ดร็อกบา คู่หูแนวรับที่ฟังชื่อแล้วดูเหมือนจะ แกร่งอาจจะเจอปัญหาได้ในซีซั่นใหม่ที่กำลังจะเริ่มขึ้นครับ
โดยตรงจุดนี้ อาร์แซน เวนเกอร์ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด และออกมายอมรับด้วยว่า แนวรับจำเป็นต้องมีประสิทธิภาพมากกว่านี้
ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีครับที่อย่างน้อย กุนซือมาดละเมียดมองเห็นปัญหา และพร้อมจะปรับปรุง (อยากให้ทีมชาติไทยของเราเป็นอย่างนี้บ้างจังครับ)


ขณะที่ภาพรวมในแต่ละตำแหน่งของอาร์เซนอลในปี นี้ก็จัดได้ว่ามีขุมกำลังที่ไม่ได้ขี้เหร่อย่างที่ เฟรดริค ยุงเบิร์ก ออกมาอ้างว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ตัดสินใจย้ายออกมาซะทีเดียว


ตำแหน่งผู้รักษาประตู เยนส์ เลห์มันน์ ที่แม้จะแก่ แต่ก็ มีประสบการณ์ที่เข้ามาทดแทนน่าจะทำให้แนวรับ อุ่นใจได้พอสมควร อีกทั้งการเข้ามาของ ลูคัส ฟาเบียนสกี้ ประตูคนใหม่ก็น่าจะทำให้ เลห์มันน์ และมานูเอล อัลมูเนีย ต้องสม่ำเสมอเมื่อได้รับโอกาส ถ้าไม่อยากถูกประตูโนเนมรายนี้ แย่งตำแหน่งมือหนึ่งไปครอง


แนวรับ ถ้าไม่รวมปัญหา "ลูกกลางอากาศ" ที่ผมเห็นในเกมล่าสุด ก็ถือว่ามีตัวที่ทดแทนกันในทุกๆ ตำแหน่ง การที่โคโล่ ตูเร่ ต้องไปเล่นให้ไอวอรีโคสต์ในศึก แอฟริกัน เนชั่นคัพ ช่วงเดือนมกราคมก็ยังมี โยฮัน ฌูรู และฟิลิปป์ เซนเดอรอส ที่พร้อมรอเสียบในกรณีฉุกเฉินอยู่แล้ว


ในตำแหน่งกองกลาง การหายไปของยุงเบิร์ก ผมไม่คิดว่าอาร์เซนอลจะได้รับผลกระทบอันใด จากการขาดหายไปของกัปตันทีม ชาติสวีเดนคนนี้เนื่องจากผมมองว่าเจ้าตัวไม่ใช่ตัวหลักในใจของเวนเกอร์มานานแล้ว อีกทั้งการก้าวขึ้นมาของ เชสก์ ฟาเบรกาส เมื่อผนึกกำลังกับ จิลแบร์โต้ ซิลวา ก็ทำได้ดี ไม่แพ้คู่กองกลางทีมไหนในยุโรป ณ เวลานี้ ดาวรุ่งที่ก้าวขึ้นมาอย่าง เดนิลสัน และดิยาบี้ก็เข้ามามีส่วนร่วม บ้างแล้วในซีซั่นที่ผ่านมา ที่ทำให้ขุมกำลังในแดนกลางของทีมค่อนข้าง "ลงตัว" และมีทางเลือกหลากหลาย


อย่างไรก็ดีในรายของ อเล็กซานเดอร์ คเล็บ และโทมัส โรซิคกี้ ที่เล่นในตำแหน่งกองกลางตัว กลางมาเกือบตลอดชีวิตค้าแข้งพวกเค้า แต่ต้องโดนจับไปยืนริมเส้นบ่อยครั้งในฤดูกาล ที่ผ่านมาจนอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่สองคนนี้ยังไม่สามารถรีด "ฟอร์มเทพ" ออกมาโชว์แฟนๆ ปืนใหญ่ได้อย่างที่หวังนักก็ถือว่าน่าติด ตาม อย่างยิ่งครับว่าจะงัดฟอร์มเก่งออกมา ได้มากขึ้นหรือไม่ในฤดูกาล ใหม่ที่จะเริ่มขึ้น
พูดถึงเรื่องการงัดฟอร์มเก่งก็นึกขึ้นมาได้ว่าลืม เจ้าหนู ธีโอ วัลคอตต์ ที่ซีซั่นนี้น่าจะถึงเวลาเสียทีที่จะ "พิสูจน์" ว่าไข่ในหินของเวนเกอร์รายนี้จะเป็น "เพชรในโคลนตม" หรือ "ขี้ดินในโคลนตม" กันแน่ เพราะเท่าที่ดูๆ มา เวนเกอร์พยายามเหลือเกินที่จะ "ปั้น" เด็กหนุ่มผู้ที่ผมมองว่า เจ้าตัวได้รับการสรรเสริญเยินยอจาก "สื่อ" มากเกินจริงไปหน่อย


ขณะที่ในกองหน้าของทีม ปืนใหญ่ชุดนี้ก็ประกอบไปด้วย ฟาน เพอร์ซี่ และอเดบายอร์ เป็นตัวหลัก โดยมี เอดูอาร์โด้ ดาซิลวา ดาวยิงตัวใหม่ที่คาดว่าจะได้ Work permit (ใบอนุญาตทำงาน) เร็วๆ นี้ และ นิคลาส เบนดท์เนอร์ เป็นตัวสอดแทรกที่ยังไม่รวม ธีโอ วัลคอตต์ที่เล่นในตำแหน่งกองหน้าได้ด้วย (ในกรณีที่เวนเกอร์ไม่จับเจ้าตัวไปยืนริมเส้นแล้วในปีหน้า)


ดังนั้นการที่มีข่าวออกมาว่าเวนเกอร์อาจ จะกระโดดเข้าตลาดนักเตะเพื่อหากองหน้าเพิ่มอีก หลังจาก โฮเซ่ อันโตนิโอ เรเยส กำลังจะย้ายไปซบ แอตเลติโก มาดริด ด้วยค่าตัว 8 ล้านปอนด์ ผมจึงมองว่า น่าจะไม่เกิดขึ้นแล้ว เนื่องจากตัวผู้เล่นที่เพียบพร้อม+ศักยภาพของเด็กๆ ยังกันส์ชุดนี้พร้อมแล้วที่จะท้าชิงความ ยิ่งใหญ่จาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เชลซี และลิเวอร์พูล


การเสียอองรีไปรวมถึงการออกมาพูดว่า "End of Era" ของ ยุงเบิร์กในวันที่เจ้าตัวใจ เป็นอื่นดูเหมือนอะไรๆ ก็ดูช่างอึมครึมเสียเหลือเกินในถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม


แต่ผมเชื่อเหลือเกินครับว่า แรงผลักดันตรงนี้จะ ทำให้ เด็กๆ ของอาร์เซนอล มี "แรงฮึด" สำหรับซีซั่นใหม่ที่กำลังจะเปิดฉากขึ้น และการได้แชมป์ เอมิเรตส์ คัพ ของทีมก็น่าจะ ทำให้เกิดปรากฏการณ์ "ฟ้าหลังฝน" และ อนาคตของทีมปืนโตก็น่าจะดู "สดใส" ขึ้นนะครับ...



Viva London โดย เอก อุดมสุข ข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์คิกออฟ ฉบับที่ 2932

2 comments:

ธานคับ said...

ขอให้ฟ้ามืดครึ้ม ฝนตกน้ำนอง พายุเข้านานอีกได้มั๊ยครับ ให้ไปฟ้าใส ที่ไวทื ฮาร์ท เลน แทน อิอิ มาทักทายคุณ เอกครับ

เอก อุดมสุข said...

ขอบคุณ "คุณธาน" ที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยียนเป็นประจำนะครับ ^_^

เสาร์นี้ผมจะไปเมืองแมนเชสเตอร์เพื่อดูคู่
แมน ซิตี้-บาเลนเซีย ด้วย อาทิตย์หน้าจะเก็บภาพและบรรยากาศมาเล่าให้ฟังครับ :)