Tuesday 26 August 2008

สัปดาห์ที่สุดแสนสำคัญของสเปอร์ส


หากจะเปรียบความรักของสเปอร์สที่มีต่อดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟในตอนนี้ก็คงต้องบอกว่าอยู่ในช่วง อึมครึมสุดขีดและพร้อมจะหย่าร้างกันอย่างเป็นทางกันอีกไม่กี่วันต่อจากนี้ รอก็เพียงแค่ให้ ‘มือที่สาม’ อย่างแมนฯยูไนเต็ดเอาเงินค่าเสียหายจำนวนประมาณ 25-30 ล้านปอนด์ ฝาดหัวสามีเก่าอย่างสเปอร์สแบกรับมันเอาไว้แบบไม่เต็มใจ พร้อมยืนดูแฟนใหม่จูงมือคนรักเก่า นามว่า ‘วันทอง’เชื้อสายบัลแกเรียน หอบผ้าหอบผ่อนหนีตามกันไปอยู่เท่านั้นเอง

เห็นแล้วเจ็บจี๊ดแทนไก่เดือยทอง สเปอร์สไปถึงขั้วหัวใจครับ เพราะเลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ อุตสาห์เปิดโอกาสให้เจ้าตัวได้สร้างชื่อในเวทีพรีเมียร์ฯ แต่สุดท้ายกลับได้แค่ตัวของเบอร์บา แต่ไม่อาจได้ใจของนักเตะ และหากไม่มีอะไรผิดพลาดหรือหักมุม ดีลที่กำลังจะจบลง ‘ตอกย้ำ’ ให้เห็นกันอีกครั้งว่าสุดท้ายแล้ว ยุคโมเดิร์นฟุตบอล หลังปี 2000 เป็นต้นมา นักเตะมีอำนาจต่อรองมากจนน่ากลัวเหลือเกินว่า ต่อจากนี้ลายน้ำหมึกที่เซ็นลงไปในการทำสัญญามันจะเป็นเพียงแค่กระดาษทิชชู่ห่วยๆที่พร้อมแปรสภาพเป็นกระดาษเช็ดก้นในทันตา หากว่านักเตะเกิดอาการ ‘หมดใจ’ กับสโมสรอู่ข้าวอู่น้ำของตนเอง

นิยายรักสามเส้าที่ยืดเยื้อคาราคาซังในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมามีตัวอย่างให้เห็นเยอะครับ เช่นกรณีพิพาทของ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ แกเรธ แบร์รี่ หรือ ร็อบบี้ คีน โดยสองรายแรกไม่ได้ย้ายทีมสมความปรารถนาเพราะมีปัจจัยต่างๆเข้ามามีส่วนทำให้สโมสรต้นสังกัดรอดพ้นการเสียนักเตะหลักของตัวเองไปหวุดหวิด
จะมีก็แต่รายหลัง ซึ่งในที่นี้ก็คือร็อบบี้ คีน ที่ตัวและหัวใจของหอกไอริชจอมตีลังกานั้นฝากไว้กับทีมหงส์แดงลิเวอร์พูลมานานตั้งแต่เป็นเด็กตัวกะเปี๊ยก และรับใช้สเปอร์สมาอย่างยาวนาน ซื่อสัตย์ และทุ่มเทเกินร้อยเสมอยามที่ลงสนาม การที่เจ้าตัวขอเคลียร์กับฆวนเด้ รามอสดีๆ + ให้สัมภาษณ์ร่ำลาแฟนบอลทีมตราไก่ตอนเปิดตัวที่แอนฟิลด์ มันเป็นการลาจากที่สวยงามและน่าจดจำทั้งในส่วนของคีนเอง แฟนบอลสเปอร์ส และสโมสร...

กลับกันในเคสของเบอร์บาตอฟ นักเตะอยากย้ายไปเติมเต็มความฝันในการลงเล่นแชมป์เปี้ยนส์ลีกมานานก่อนดีลของร็อบบี้ คีนจะเริ่มด้วยซ้ำ แต่แมนฯยูไนเต็ดดันไม่ใจป้ำพอที่จะยื่นเม็ดเงิน 30 ล้านปอนด์ตามที่ดาเนี่ยล เลวี่ ต้องการทำให้ ดีลนี้ยืดยาวออกไปจนฟุตบอลเปิดฤดูกาล และผลกระทบนี้ก็ไม่ได้ตกที่เบอร์บา หรือ ทีมปีศาจแดงของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน โดยตรงครับ แต่เป็นฝั่งสเปอร์สที่เสียหายเต็มๆ เนื่องจากฆวนเด้ รามอสต้องพบกับความยากลำบากในการจัดแผนและรูปแบบการเล่น

นัดแรกที่สเปอร์สพ่ายให้แก่มิดเดิลสโบรห์ หากยังจำกันได้คงเห็นนะครับว่าสีหน้าของหัวหอกอารมณ์ติสต์นั้นบ่งบอกชัดเจนว่ากระจิตกระใจไม่พร้อมที่จะเล่นให้สเปอร์สอีกต่อไปแล้ว ซึ่งถึงตรงนั้นผมคาดว่าหลายคนที่ได้ชมเกมนี้คงคิดไม่ต่างจากผมว่าเวลาของเบอร์บาตอฟกับสเปอร์สนั้นกำลังจะจบลงแล้ว

ถัดมาอีกหนึ่งอาทิตย์ให้หลังก็เป็นจริงตามคาดครับ ความสัมพันธ์ของเบอร์บาและรามอสมาถึงจุดสิ้นสุด เมื่อก่อนเกมที่สเปอร์สมีคิวต้องเปิดบ้านรับการมาเยือนของซันเดอร์แลนด์ และนักเตะเข้าไปพบเฮดโค้ชชาวสเปนและแจ้งให้ทราบถึง ความกระสันส่วนตัวอย่างออกหน้าออกตา ประมาณว่าอยากสวมเครื่องแบบผีแดงเต็มแก่ และจิตใจไม่พร้อมที่จะเล่นในเกมระดับนี้หากยังไม่ได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระ

ประเด็นของเบอร์บาตอฟในครั้งนี้ ผมคิดว่าองค์ใหญ่อย่างฟีฟ่าก็ดี หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรองลงมาอย่าง ‘เอฟเอ’ น่าจะเก็บไว้เป็นกรณีศึกษาในเรื่องของ ‘อำนาจต่อรองของนักเตะ’ ว่าต้นสังกัดจะมีมาตรการใดในการปกป้องและมีกรรมสิทธิ์ในตัวนักเตะมากกว่านี้
หาใช่ต้นสังกัดจ่ายค่าเหนื่อยรายสัปดาห์แพงระยับ แต่นักเตะดันอิดออดที่จะลงสนาม !!
สเปอร์สตอนนี้นั้นทำได้แค่เพียงปรับเงิน บักตอฟ 45,000 ปอนด์ ซึ่งจุ๋มจิ๋มสิ้นดี สำหรับนักเตะที่ทำตัวไร้ความเป็นมืออาชีพเยี่ยงนี้ ส่วนตัวผมแล้วยืนยัน นอนยันเลยว่าองค์กรที่รับผิดชอบควรมีมาตรการใดๆก็ตามที่ทำให้นักเตะหลาบจำ และจะไม่ทำตัวอย่างเบอร์บาตอฟ หรือ หนูโด้ ที่กระจอง งอแง หากไม่ได้ย้ายทีม ทั้งๆที่สัญญาก็ยังเหลืออีกบานตะไทกับต้นสังกัดเดิม

อย่างไรก็ดี ผมไม่ได้กำลังจะบอกว่ากฎและระเบียบต่างๆควรย้อนยุคกลับใช้ ‘สัญญาทาส’ หรือให้สิทธิ์และอำนาจเด็ดขาดแก่ต้นสังกัดเหมือนอย่างเคย แต่ผมอยากเห็นดีลที่แฟร์กับสโมสรอู่ข้าวอู่น้ำของนักเตะมากกว่านี้ก็เท่านั้นเองครับ

ถึงนาทีนี้ สิ่งที่ฆวนเด้ รามอส และ ดาเนี่ยล เลวี่ ต้องรีบทำเป็นการด่วนเลยก็คือสรุปให้ชัดไปเลยว่าจะขายไม่ขาย เพราะหากปล่อยยืดเยื้อ หรือเลยเดดไลน์ไปแล้ว พวกเค้าก็จะอดได้เงินก้อน มาซื้อกองหน้าเสริมทัพ หรือหากว่าตัดสินใจขายแต่ดันขายช้าก่อนตลาดปิดไม่กี่วัน การที่จะหาตัวแทนที่มีประสิทธิภาพ หรือ ใกล้เคียงเบอร์บาตอฟในตลาดนั้นบอกได้คำเดียวครับว่าเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

ดีลกับอังเดร อาร์ชาวิน นั้นดูเหมือนจะฟื้นคืนชีพกลับมาเมื่อเซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์กยอมลดราคามาใน วงเงินที่สเปอร์สยอมรับได้ แต่ในแง่ของแท็คติกส์แล้ว อย่างที่ทุกคนทราบนะครับว่า อาร์ชาวินเป็นนักเตะที่ดีก็จริง แต่หมอนี่ไม่ได้เล่นเซ็นเตอร์ฟอร์เวิดร์ และยิงไปแค่ 3 เม็ดเท่านั้นจาก19 หลังสุด ขณะที่พวกครีเอทีฟ มิดฟิลด์ สเปอร์สนั้นก็แทบจะทับกันตายอยู่แล้วในสนาม ทั้ง ลูก้า โมดริช โจวานนี่ ดอส ซานโต๊ส หรือ เดวิด เบนท์ลีย์ ซึ่งนัดที่ผ่านมาโดนจับไปยืนหน้าต่ำแทนที่จะเป็นปีกขวาตำแหน่งที่ดีที่สุดของเจ้าตัว

ดังนั้นชื่อของ โรมัน พาฟลูเชนโก้, ราดาเมล ฟัลเกา (ของริเวอร์ เพลท) หรือ คลาส แยน ฮุนเตลาร์ น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมมากกว่าสำหรับสเปอร์สในยามนี้ที่ขาดแคลนกองหน้าประเภทโป้งเดียวหาย เนื่องจากดาร์เรน เบนท์นั้นยิ่งดูก็ยิ่งอดสู และค่อนข้างแน่ว่าเป็นทิ้งพึ่งพาของทีมไม่ได้เลยหากดูผลงานเฮียแกจากสองนัดที่ผ่านมา

สรุปเลยนะครับ ว่าสเปอร์สควรต้องรีบปล่อยเบอร์บาตอฟให้ผีแดงภายในวันสองวันต่อจากนี้ และรีบหาตัวแทนในตำแหน่งกองหน้าให้เร็วที่สุด หากหวังจะเก็บ1 คะแนนออกมาจากถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ในการออกไปเยือนเชลซีวันอาทิตย์นี้

หากเก็บได้สักคะแนนผมเชื่อนะครับว่า ขวัญและกำลังใจของทีมตราไก่คงจะดีขึ้นเป็นอักโขเลย แต่หากไม่เป็นอย่างนั้นการพ่ายแพ้สามนัดรวดจะเป็นการออกสตาร์สที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 29 ปีของสโมสร และเก้าอี้ของฆวนเด้ รามอสอาจสั่นคลอนก่อนถึงเวลาอันควรก็เป็นได้ครับ

2 comments:

Konijiwa said...

ใช่ครับคุณเอก ถ้าเก็บได้ซักแต้ม กับทีมใหญ่ๆ แบบนี้ กำลังใจมาแน่นอน

ได้ซักทีเถอะ สาธุ

เอก อุดมสุข said...

ถ้าเราเน้นรับ และไม่ผิดพลาดกันเองเหมือนเกมเจอซันเดอร์แลนด์
ไม่แน่คับ เราอาจมีติดไม้ติดมือมาสักคะแนน ^^