Wednesday 13 August 2008

เอฟเฟกต์จากทักษิณถึงแมนฯซิตี้


สวัสดีวันแม่ย้อนหลังกันไปหนึ่งวันนะครับ ไม่ทราบว่า คุณผู้อ่าน ได้ทำอะไรให้แก่ผู้หญิง ที่คลอดเราออกมาใน วันสุดพิเศษ ที่ผ่านมาหรือเปล่าเอ่ย? ถ้ายังหรือไม่มีเวลา ที่จะเจอหน้าท่าน แค่การโทร. บอกรักท่าน หรือทำดีกับ ท่านในทุก ๆ วัน ไม่จำเป็นเฉพาะวันแม่ ก็น่าจะทำให้ท่าน ชื่นใจไม่น้อยครับ ผมเองหลังจากห่างครอบครัวไปนาน และเพิ่งถึงประเทศไทยได้สองวัน ก็ได้โอกาสพาคุณแม่ไป ทานอาหารทะเลกับพ่อ และน้องสาวแถว ๆ มหาชัย การกลับมาบ้านใน รอบสองปีครั้งนี้ รู้สึก และรู้ซึ้งเลย ว่าไม่มีชาติใดในโลกที่จะ มีอาหารเลิศรสไปกว่าประเทศ ของเราอีกแล้ว อีกทั้งน้ำใจไมตรี และความเป็นมิตรที่พร้อมมีรอยยิ้มให้กัน+ช่วยเหลือเกื้อกูล แม้จะไม่ได้รู้จักมักจี่ก็เป็นสิ่งนึง ที่ผมคิดถึงเสมอเนื่องจากคนอังกฤษนั้นหากไม่ใช่ญาติก็ยากหน่อยล่ะครับที่จะเห็นสิ่งดี ๆ เหล่านี้เกิดขึ้น เพราะต่างคนต่างก็สนใจแต่เรื่องของชีวิตตัวเอง...
ไม่ใช่ว่าคนอังกฤษไม่ดีนะครับ คนดี ๆ มีน้ำใจก็พอจะมีให้เห็น แต่ทว่ามหานครที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายอย่างลอนดอน ชีวิตประจำวันเดิน ไปเร็วมากเหลือเกิน เร็วจนคนที่ถือคติช้าแต่ชัวร์อย่างผม หลาย ๆ ครั้งรู้สึกเหนื่อยมากกับการใช้ชีวิตที่นั่น แม้ว่าจะชื่นชอบ ชื่นชมในเรื่องระเบียบวินัยของพลเมือง, ระบบขนส่งมวลชน ไปไหนมาไหนก็สะดวกสบาย อีกทั้งอากาศก็ไม่ร้อนตับแตกเหมือนไทย แต่เชื่อผมเถอะครับ ไม่มีที่ไหน ‘สุขใจ’ ได้เท่าผืนแผ่นดินแห่งนี้อีกแล้ว : )

เช้านี้ผมได้เห็นหัวพาดหัวข่าวจาก ‘เดอะ ซัน’ และสื่ออีกหลายรายจากอังกฤษประโคมข่าวเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เกี่ยวกับการลี้ภัยทางการเมืองที่อาจส่งผลกระทบกับเรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ ในซีซั่นใหม่ที่กำลังจะเปิดฉากขึ้นเร็ว ๆ นี้

ใจนึงก็สงสาร และเห็นใจอดีตผู้นำไทยนะครับ หากว่าเจ้าตัว จะไม่ได้กลับมาใช้ชีวิตที่เหลือที่ประเทศบ้านเกิดอีก... อย่างไรก็ดีวันนี้เรื่องของการเมืองผมไม่อยากจะไปพูดถึง หรือพาดพิงใคร แต่ที่น่าเป็นห่วงแทนก็คือ ผลกระทบที่มีต่อแมนฯซิตี้ ทีมที่ คุณทักษิณได้ซื้อมาไว้ครอบครองเมื่อประมาณ 14 เดือนก่อน
ผลกระทบนั้นมีแน่นอนพันเปอร์เซ็นต์อยู่แล้วครับ อยู่ที่ว่าจะ ส่งผลกับเรือใบลำนี้ ช้าหรือเร็ว มาก หรือน้อย เท่านั้นเอง เนื่องจากเมื่อเจ้าของทีม ‘งานเข้า’ เจอคดีมากมายรุมเร้าแบบนี้ มันจึงเป็นเรื่องยากมากครับ ที่ แฟรงค์ ซินาตรา จะมีเวลามา ปรึกษาหารือกับทีมงานเกี่ยวกับทิศทาง และความเป็นไป ของสโมสรจากย่านอีสต์แลนด์
เรื่อง Budget หรืองบประมาณที่เคยให้คำมั่นสัญญากับ ‘สปาร์กี้’ มาร์ค ฮิวจ์สเอาไว้ ถึงตอนนี้ ซิตี้สอยมาแค่ โจ หัวหอกเลือด แซมบ้าค่าตัว 19 ล้านปอนด์ (ที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์) กับ ทาล เบน ฮาอิม เท่านั้น ขณะที่ก็ฮิวจ์สก็ยัง ‘อ้ำอึ้ง’ และไม่ชัดเจนเท่าไรถึงกรณีที่ทีมจะขาย เวดราน ชอร์ลูก้า ให้สเปอร์ส และสตีเฟน ไอร์แลนด์ ที่มีข่าวกับซันเดอร์แลนด์

เคสของสองตัวหลัก ที่อาจจะโดน ‘บีบ’ ให้ย้ายออกไปโดยบอร์ดนี้แหละครับ อาจจะส่งผลโดยตรงถึงการ ตัดสินใจของฮิวจ์สได้เลยว่าจะ Commit หรือทุ่มเทตนให้อู่ข้าว อู่น้ำใหม่ของเค้าต่อ ตามแบบฉบับของมืออาชีพที่พึงกระทำ หรือจะเลือก "หักดิบ" ตัดช่องน้อยแต่พอตัวลาออกไปเพื่อ ความสบายใจของตัวเอง
จากการให้สัมภาษณ์ช่วงหลัง ๆ ของกุนซือฮาร์ดคอร์รายนี้บ่งบอกได้เป็นอย่างดีครับว่าเจ้าตัว ‘อึดอัด’ กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับสโมสรแมนฯ ซิตี้ พอสมควร เพราะหลาย ๆ อย่าง ตัวเค้าซึ่งน่าจะเป็นคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจเรื่องการซื้อ / ขายผู้เล่นมากที่สุดกลับโดนมองข้ามหัวและ ได้แต่ทำหน้าที่คุมทีม+ วางแท็กติกส์ รอความหวัง และคำมั่นสัญญาเรื่องงบประมาณ ใช้จ่ายซื้อตัวผู้เล่นมาเสริมทีม ไปวัน ๆ อย่างนั้นหรือ

ผมไม่เชื่อนะครับว่าคนที่เด็ดขาด และมีความชัดเจนใน การทำงานพอสมควรอย่างฮิวจ์สคง ต้องขอเคลียร์กับ บอร์ดบริหารก่อนฤดูกาลจะเริ่มขึ้นอย่างแน่นอน และจากนี้น่าสนใจมากครับว่า ความสัมพันธ์ของผู้จัดการทีมเลือดเวลส์ และอดีตนายกฯชาวไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป
อีกเรื่องที่ผมสนใจเป็นพิเศษก็คือประเด็นที่ พรีเมียร์ลีกนำโดย CEO ริชาร์ด สคูดามอร์ อาจทบทวนความเหมาะสมของ “ทักษิณ” ในฐานะเจ้าของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้อีกครั้งนึง เพราะตามกฎของพรีเมียร์นั้นบอกไว้ชัดเจนว่า หากคุณทักษิณโดนพิสูจน์ + ตัดสินว่ามีความผิด ทางกฎหมายอาญาจริง ‘คุณสมบัติ’ การครอบครองสโมสรแมนฯซิตี้ ก็อาจจะหมดลง และหากไม่ยอมลงจากเก้าอี้ พรีเมียร์มีสิทธิ์ที่จะ ถอดถอนสโมสร ออกจากการแข่งขัน ตามกฎ D10

เคสโดนถอน ออกจากการแข่งขัน คือ สมมติฐานที่อาจเกิด ขึ้นอย่างเลวร้ายที่สุดนะครับ และก็อย่าเพิ่งตกอกตกใจไป เพราะว่าหากเรื่องบาน ปลายไปถึงขั้นนั้นจริง ๆ ผมเชื่อว่าคุณทักษิณน่าจะหานายทุน รายใหม่มารับช่วงต่อได้แน่ เพราะซิตี้ก็เป็นทีมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แฟนบอลในเมืองแมนเชสเตอร์ ก็มากกว่าแมนฯยูไนเต็ดด้วยซ้ำไป นอกจากนี้ทรัพยากร และศักยภาพของทีมเรือใบก็ไม่ได้ขี้เหล่เลย

ส่วนตัวเชื่อนะครับว่าถ้าซิตี้ ได้เม็ดเงินเต็มเม็ดเต็มหน่วย + ท่านประธานออกมาชี้ให้ชัดถึงเป้าหมาย และทิศทางที่แน่นอน กุนซือฝีมือดีอย่าง มาร์ค ฮิวจ์ส น่าจะพาเรือใบแล่นฉิวได้ไม่ยาก ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่ว่า เมื่อถึงเวลาแฟนบอลแมนฯซิตี้ ยังจะเชื่อมั่นในตัวประธานสโมสรอยู่หรือเปล่า เพราะกระแสต่อต้าน หลังจากด่วนปลด สเวน โกรัน เอริคส์สัน ก็เริ่มมีให้เห็น เมื่อรวมเรื่องความเหมาะสม ที่ถูกตั้งคำถามขึ้นมาอีก อันนี้คงยังไม่มีใครสามารถตอบได้ และ ‘เวลา’ เท่านั้นครับที่เป็นบทเฉลยนิยายเรื่องนี้...

No comments: