Tuesday 29 July 2008

เศรษฐกิจตกต่ำกระเทือนตลาดนักเตะในภาพรวม

หากรัก จะเป็น นักฟุตบอลบอล เมื่อต้องโดนโยกย้าย ตำแหน่งมาเล่นตำแหน่งที่ไม่ถนัดเฉกเช่น สตีวี่ จี มายืนปีกขวา โอเว่น ฮาร์กรีฟ ที่บางครั้งโดนจับยืนแบ็ก หรือ ดิออน ดับลิน อดีตกองหน้า ช้างกระทืบโรง โคเวนทรีซึ่งครั้งนึงก็เคยย้าย จากกองหน้า มาเล่นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ก็ต้องเล่นให้ได้+ทำให้ดี เพื่อผลประโยชน์โดย รวมของ ‘ทีม’ ไม่ใช่ออกลูกงอแงแบบ วิลเลี่ยม กัลล่าส์ ที่โดนจับยืนแบ็ก สมัยอยู่เล่นอยู่กับเชลซีแล้ว งอนตุ๊บป่องขอขึ้นทรานสเฟอร์ลิสต์ย้ายทีม

เป็นนักข่าวก็เช่น กันครับผมเชื่อว่า หากมี Flexibility หรือ ความยืดหยุ่นให้สูงเข้าไว้ เหมือนที่ท็อป ‘ไข่มุกดำ’ และโด้ ‘ลูกแม่กิ่ง’ ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบในการไปทำข่าวยูโรฯ ครั้งที่ผ่านมา (เรื่องการจัดตารางดูบอล เส้นทางการเดินทางฯลฯ) ก็จะช่วย ให้เป็นปัจจัยนึงที่จะทำให้งานออกมาดี และราบรื่นที่สุด...

ผมเอง ซึ่งถือว่ายังค่อนข้างใหม่กับงานนี้ และเท่าที่ได้ตามอ่านงาน ของพวกเค้าก็บอกตามตรงครับว่าวันนึง ‘ฝัน’ที่จะทำให้ได้บ้าง แม้ว่าอาจจะต้องใช้เวลาบ่มประสบการณ์อีกหลายล้านปีแสงก็ตาม ฮ่าๆ

ที่เกริ่นมาแบบนี้ ไม่ใช่อะไรหรอกครับคือว่าจริง ๆ แล้ววันนี้ผมมีเวลา 3 ชั่วโมงในการปั่นงาน ชิ้นนี้ให้เสร็จตามคำสั่งของท่านพี่ท็อป และก็จะพยายามใช้พื้นที่ตรงนี้ให้งาน ออกมาให้เนียนที่สุดเท่า ที่จะทำได้ เพราะจากนี้ไป ไม่แน่เหมือนกันครับว่าเร็ว ๆ นี้เส้นทางชีวิตของผมอาจถึง ‘จุดเปลี่ยน’ ครั้งสำคัญก็เป็นได้...
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ กรุงลอนดอนนั้นยังคงรักษา ดีกรีความร้อนแรงของ อากาศซัมเมอร์ไทม์ได้แบบที่ว่า ร้อนที่สุดในรอบปีนี้อย่างต่อเนื่องและยาวนานมาร่วมหนึ่งอาทิตย์เต็มๆครับ สำหรับพวกฝรั่งมังค่า ที่ผมได้เจอและไถ่ถามนั้นแต่ละคนนั้นพูดเป็นเสียงเดียวกันครับว่า ร้อน อิ๊บอ๋าย
ดังนั้นช่วงนี้ร้านอาหารไทยที่นี้จึงค่อนข้างเงียบเหงาพอสมควร เพราะว่าอาหารบ้านเราในสายตาชาวต่างชาตินั้น ถือว่าขึ้นชื่อในเรื่องความเผ็ดอยู่แล้ว ขืนกินในช่วงที่อากาศแตะหลัก 30 องศาแบบนี้ อาจได้เห็นฝรั่งน็อกคาโต๊ะอาหารกันละครับ

จบจากเรื่องอากาศร้อนๆ เรามาดูเรื่อง ‘ดีล’ ร้อนๆที่เริ่มขยับ และเป็นรูปร่างมากขึ้นตามเวลาที่บีบเข้ามาเรื่อยๆเพราะซีซั่นใหม่นั้นใกล้จะเปิดแล้ว และผู้จัดการทีมก็เชื่อได้ครับว่า อยากจะให้การเจรจานั้นลุล่วงให้รวดเร็วที่สุดเพื่อที่จะได้เตรียมวางตัว + ลองทีมในช่วงปรีซีซั่นที่เหลืออยู่อีกไม่นาน
ดีลใหญ่ล่าสุดที่คิดว่าน่าจะลงเอยได้สวยและเป็น ‘ดีล’ ที่จะทำให้ตลาดขยับอีกครั้งก็คือการย้ายทีมของร็อบบี้ คีน กัปตันทีมชาติไอร์แลนด์วัย 28 ขวบของไก่เดือยทอง สเปอร์สที่คาดว่าจะได้ รับค่าเหนื่อยไปเหนาะๆ 80,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์พร้อมสัญญา 5 ปี


ผมเชื่อนะครับว่านี้น่าจะเป็นการย้ายทีมครั้งสุดท้ายแล้ว ของกองหน้าจอมพเนจรคนนึงในโลกลูกหนัง เพราะคีนน้อยนั้น อยู่มาแล้ว 5 ทีม (แจ้งเกิดกับวูล์ฟแฮมป์ตันก่อนย้ายไป โคเวนทรี,อินเตอร์ มิลาน, ลีดส์ และสเปอร์ส) ค่าตัวรวมกันหากนับครั้งล่าสุดประมาณ 18 ล้านปอนด์เข้าไปด้วย ก็จะทำให้เค้ามีค่าตัวย้ายทีมรวมกันทุกครั้งถึง 56 ล้านปอนด์ ! จะเป็นรองก็แค่ นิโกลาส์ อเนลก้า ( 86.8 ล้านปอนด์) ฮวน เวรอน (76.2 ล้านปอนด์) และเฮอร์นัน เครสโป (70.8ล้านปอนด์) สามคนนี้เท่านั้นเอง

และสังเกตเห็น อะไรมั้ยครับ สามรายชื่อข้างบนที่กล่าวมา นั้น จะเห็นได้ว่า สองรายเคยเป็น อดีตนักเตะของเชลซี ขณะที่อีกราย ก็ค้าแข้งอยู่กับสิงห์ไฮโซในชั่วโมงนี้ ดังนั้นเราจึงสรุป ได้ว่าตลาดนักเตะ ตอนนี้ที่ไม่ค่อยขยับนั้น สาเหตุนึงนั้นมาจากการที่เชลซีไม่ได้ขยับตัว มากนักในปีนี้

เพราะหากเทียบกับสมัยเมื่อสามสี่ปีก่อน ที่พวกเค้าซื้อแบบไม่คิดหน้าคิดหลังสักเท่าไร ฟุตบอล ‘ปิดเทอม’แต่ละปี พวกเค้าใช้จ่ายไม่อั้นและพร้อมสอยทุกรายหากอยากได้ใคร โดยไม่ได้คำนึงถึงค่าตัว ที่บางครั้งพุ่งสูงเกินความเป็นจริงที่มันควรจะเป็น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเลยก็เช่น รายของ ไรท์-ฟิลลิปส์ 21ล้านปอนด์ หรือ อังเดร เชฟเชนโก้ 30ล้านปอนด์ ฯลฯ
เอาเป็นว่าช่วงหลังๆที่พวกเค้ารัดเข็มขัดมากขึ้นเพราะกลัว ตลาดนักเตะปั่นป่วน + ราคาค่าตัวแบบไร้ ขีดจำกัด เมื่อรวมกับเศรษฐกิจโดยรวมของโลกในยุคปัจจุบันที่ราคาน้ำมันก็แพง และพี่เบิ้มอย่างสหรัฐ อเมริกาก็อยู่ในช่วง Recession ทุกปัจจัยเมื่อมารวมๆกันจึงทำให้ตลาดนักเตะ ในอุตสาหกรรมฟุตบอล ไม่คึกคักเหมือนสองสามปีก่อนหน้านี้ เอซี มิลาน บาร์ซ่า เรอัล มาดริด เองที่เคยทำตัวจ่ายไม่อั้น มาปีนี้ก็อย่างที่เห็นนะครับว่าระมัดระวังตัวเรื่องการใช้จ่ายขึ้นเยอะทีเดียว

ส่วนทีมที่ทำให้ผมแปลกใจ ที่สุดในช่วงนี้ก็คือสเปอร์สเนี่ยแหละครับ กลัว กลั๊ว กลัว ว่าทีมรักจะถังแตกเพราะเล่นช็อปซะสี่ทีม ‘บิ๊กโฟร์’ อายเลยปีนี้
หากตามข่าวกันดีๆเนี่ย ลองดูนะครับไม่ว่านักเตะดังๆ หรือพอมีชื่อหน่อยตกเป็น ข่าวจะย้ายทีมทีไรเนี่ย ไก่จอมเจ้าชู้พร้อมมีเอี่ยวกับเค้าตลอด นี่ยังดีที่บอร์ดบริหาร และฆวนเด้ รามอส มีแพลนล้างบางนักเตะ เพื่อนำมาเป็นทุนบ้างไม่ใช่สักแต่ว่าจ่าย ไม่หารายรับเข้าสโมสร

กลับมาที่ลิเวอร์พูล หลังจากที่ได้คีนน้อยมาแล้ว จากนี้น่าสนใจมากครับว่า ‘ดีล’ กับแกเรธ แบร์รี่ที่ติดต่อ ไว้ก่อนคีนด้วยซ้ำ จะล้มหรือไม่ เพราะชาบี้ อลอนโซ่ก็ยังอยู่และไม่ได้ย้ายไปยูเวนตุส ดังนั้นเงินก่อนที่จะนำไปโปะเป็นค่าตัวแบร์รี่นั้นหายไปแล้ว
ไม่แน่เหมือนกันนะครับ อาร์เซนอลที่ตอนนี้ทำตัวเป็นตาอยู่ รอดูดีลนี้อยู่ห่างๆ อาจจะทำตัวเป็น ‘ตาอยู่’ คว้าแบร์รี่ไป ใช้บริการก็เป็นไปได้เหมือนกัน เพราะที่ผมมอง จุดประสงค์ในการย้ายทีม ของกัปตันสิงห์ผงาดรูปหล่อรายนี้ อยู่ที่โอกาสในการเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีกมากกว่า อีกอย่างอาร์เซนอลก็เสียกองกลางไปแล้วถึงสามรายและ Need นักเตะในตำแหน่งนี้ มากกว่าหงส์แดง ที่ผู้เล่นในตำแหน่งนี้นั้นมีทั้ง เจอร์ราร์ด มาสเคราโน่ อลอนโซ่ ไม่นับลูคัส เลว่า ที่รอโอกาสอยู่
สุดท้าย ดีลที่อยากให้ติดตามดูเพราะ น่าสนใจมากก็คือ สงครามประสาทระหว่างทางแมนฯยูฯกับสเปอร์ส ที่ถึงนาที แมนฯยูฯ ( แกล้ง) ไปสนใจ เธียร์รี่ อองรี ซามูเอล เอโต้ และ โรเก้ ซานตาครูซ ซะอย่างนั้น ดีลนี้ผมมองว่าสุดท้ายแล้วฝ่ายที่ใจอ่อนก่อนน่าจะเป็นสเปอร์สที่มีสิทธิ์ตกหลุม พรางนี้ของเฟอร์กี้และขายในราคาที่ไม่เกิน 30 ล้านปอนด์ครับ

7 comments:

Anonymous said...

All I can say is nothing because your blog is not interesting to read.

Anonymous said...

Well, all I can say is. Im hungry.

Anonymous said...

คุณเอกครับ อยากแชร์ คอลัมน์ ให้เพื่อนสเปอร์ส อ่านได้ปะครับ ขอบคุณครับ

Anonymous said...

หมายถึงไปไว้ที่เวบ spursthailnad.net

เอก อุดมสุข said...

ยินดีคับ :)

ธานคับ said...

แต่ปีนี้ ผมว่าสเปอส์ถ่ายเลือดได้สะใจจริงๆครับ ไอ้พวกห่วยๆ ที่แฟนไก่อยากให้ไป ไปหมดเลย เสียดายก็แต่คีนนี่หละครับ เฮ้อ .... แวะมาทักทายคุณ เอก ครับ ^-^

เอก อุดมสุข said...

เสียดายคีนน้อยมากเหมือนกันคับ

แต่นี้คือวิถีทางของฟุตบอล ต้องทำใจครับ

ยังไงก็แล้วแต่ผมเชื่อนะครับว่าตัวใหม่ๆที่เราซื้อเข้ามาจะทำผลงานได้ดี และสเปอร์สเราจะดีขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน อิอิ