เปิดเว็บไซต์ดูพยากรณ์อากาศจาก BBC เช้าวันอังคารนี้แล้ว สุขใจครับสำหรับคนขี้หนาวอย่างผม เพราะสองสามวันต่อจากนี้อุณหภูมิใน ลอนดอนมีโอกาสแตะถึงหลัก 30 องศาเซลเซียส และนี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายของชาวอังกฤษ และผมกับการที่จะได้ซึมซับบรรยากาศ ซัมเมอร์ไทม์เป็นครั้งสุดท้ายในปีนี้ก่อนที่หน้าฝน และหน้าหนาวจะเข้ามารับช่วงต่อในเดือนหน้า
พูดแล้วก็ใจหายครับ เพราะไม่คิดจริง ๆ ว่าเวลาเดินเร็วขนาดนี้ อยู่ไปอยู่มาก็จะเข้าปีที่สองแล้ว สำหรับผม กับประเทศอังกฤษ และก็ยังไม่รู้ครับว่านี่จะเป็นซัมเมอร์ครั้งสุดท้าย ของผมหรือเปล่า เพราะจากนี้คงต้องตัดสินใจอีก ทีว่าเรียนจบในเดือน พฤษภาคมปีหน้าแล้วจะกลับไปมาตุภูมิบ้านเกิดเลย หรือจะเลือกใช้โควตาขยายเวลา ไปอีกปีสองปีตามกฎใหม่ของคนจบปริญญาโทที่จะได้โอกาสหางานที่นี่ต่อ
เขียนเรื่องตัวเองตามฟอร์มครับ ตามประสาคนไกลบ้าน + นึกมุขอะไรไม่ออกในช่วงที่ข่าวฟุตบอล อังกฤษค่อนข้างเงียบเหงา เพราะ ‘ดีล’ ใหญ่ ๆ นั้นยังคาราคาซัง และไม่คืบหน้าสักเท่าไรเลย ^^
เคสของ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ และดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ที่เขียนถึงอาทิตย์ที่แล้วก็ยังนิ่งอยู่ซึ่งถึงตรงนี้บอก ตามตรงว่าผิดคาดเล็กน้อยที่การเจรจายังไม่ลุล่วง เพราะแมนฯยูฯเองก็ไม่อยากเสียปีกโปรตุเกสไป แม้ว่าใจโด้จิ๋วนั้นลอยไปซานติอาโก้ เบอร์นาบิวนานแล้ว
แต่ก็อย่างว่าครับหากมองกันให้ลึกลงไปถึงตำแหน่ง ของหนูโด้ และเบิร์บนั้นคนละตำแหน่งอย่างชัดเจน และปรมาจารย์อย่างเฟอร์กี้ก็คงบวกลบคูณหารแล้ว การเก็บหนูโด้ไว้ และได้เบอร์บาตอฟมาเสริมความน่ากลัวในแนวรุกน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด หาใช่เอาเบิร์บมาเป็นตัวแทนโด้จิ๋วอย่างที่ออกข่าวมาในตอนแรก
ขณะที่ในมุมของสเปอร์ส ดู ๆ แล้ว ฆวนเด้ รามอส นั้นพร้อมจะปล่อยผู้เล่นที่ไม่มีใจออกไปอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าดาเนียล เลวี่ ท่านประธานไก่ดันรู้สึกเหมือนตัวเอง โดนตีท้ายครัวจึงออกอาการกริ้วอย่าง ออกนอกหน้าทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว หากจำกันได้สเปอร์สเองก็เพิ่งทำกับคริสตัล พาเลซ ในกรณีการไปฉกตัว จอห์น บอสต็อค มาด้วยค่าตัวจุ๋มจิ๋มแค่ 700,000 ปอนด์จนทำเอาไซม่อน จอร์แดนตอนนี้ถึงกับเซ็งในความ ไม่ยุติธรรมของวงการฟุตบอล และกำลังจะขายสโมสรทิ้งเร็ว ๆ นี้
มองอีกด้านมันก็เหมือนกรรมมันตามทันสเปอร์สที่ทำเอาไว้กับพาเลซ เพราะพวกเค้าก็มีโอกาสมากกว่า 70% ที่จะเสียทั้งเบอร์บาตอฟ รวมไปถึงร็อบบี้ คีน สองหัวหอกตัวเก่งของทีม
หากถามแฟนสเปอร์ส (รวมทั้งตัวผม) คงต้องบอกว่าหากเสียทั้งคู่ไปจริง ปีหน้าแนวรุกสเปอร์สจะมีปัญหาแน่นอน เพราะต่อให้รามอสจะไปสอย อังเดร อาร์ชาวิน หรือดิเอโก้ มิลิโต้ มาได้ แต่ผมก็ไม่เชื่อว่าสองคนนี้จะประสบความสำเร็จในชั่วข้ามคืน อีกอย่างราคาของอาร์ชาวินที่แม้จะโดดเด่นพอสมควรในยูโรก็แพงเกินความจริง
อย่าลืมนะครับว่านักเตะฟอร์มดีในทัวร์นาเมนต์สั้น ๆ อย่างยูโร หรือฟุตบอลโลกต่าง “สอบตก” ในลีกอังกฤษมาแล้วนับไม่ถ้วน ดังนั้น 21.5 ล้านปอนด์ที่เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก เรียกมาถือว่าแพงบรรลัยครับ
อย่างไรก็ดีทิศทางของทีมตราไก่ในชั่วโมงนี้ น่าสนใจมาก และถือเป็นย่างก้าวที่สำคัญ อย่างยิ่งกับอนาคตของสโมสรว่าจะแทรกตัวไปเป็นหนึ่งใน ‘บิ๊กโฟร์’ ได้มั้ย
ประการแรก บอร์ดบริหารชุดนี้ถือว่ามีการวางแผนการทำทีมในระยะยาวได้ดี + เข้าใจลงทุนกับนักเตะอายุไม่เยอะแต่ฝีเท้าดีมาเสริมทีมอยู่เรื่อย ๆ จริงอยู่ที่บางครั้งดูเหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ อย่างเช่นรายของ เควิน ปรินซ์ บัวเต็ง, ดาร์เรน เบนท์ หรือยูเนส คาบูล
อย่างไรก็ดีทุกอย่างมีด้านขาว และดำ เพราะมีหลายคน เช่นกันที่ซื้อเข้ามาแล้วคุ้มเกินคุ้ม อย่างในรายของ โจนาธาน วู้ดเกต (8ล้านปอนด์), เบอร์บาตอฟ (10.9 ล้านปอนด์), แอรอน เลนนอน (1ล้านปอนด์) หรือแม้กระทั่งแกเร็ธ เบล (5 ล้านก้อนแรก อีก 5 ล้านตามจำนวนนัด+ ความสำเร็จ) ที่แม้เจ็บปิดเทอมยาวในซีซั่นที่แล้ว แต่ฟอร์มเท่าที่ดูแล้วถือว่าสอบผ่านสบายสำหรับปีแรกในพรีเมียร์ชิพ
รายชื่อที่ไล่มานี้ถือว่าเป็นดีลที่โชว์ Vision ของเหล่าแมวมองของสเปอร์สว่าไม่ได้ด้อย ไปกว่าทีมคู่ปรับอย่างอาร์เซนอลสักเท่าไร
นี่ยังไม่รวม ลูก้า โมดริช หรือจิโอวานี่ โดส ซานโตส ที่รอการพิสูจน์ตัวเองกับพรีเมียร์ชิพ แต่แค่ฉกสองคนนี้มาเล้าไก่ได้ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว สำหรับสองดาวรุ่งพุ่งแรงที่ได้รับการกล่าว ขานว่าจะเป็นดาวดังในอนาคตอันใกล้โดยเฉพาะโมดริชที่เราเห็น ‘คลาส’ ของเจ้าตัวมาบ้างแล้วในศึกยูโรครั้งที่ผ่านมา
ประการที่สอง หากสเปอร์สสามารถขาย 4 นักเตะอย่าง มัลบรองค์, คาบูล, ไทนิโอ และชิมบงด้าได้ในราคาประมาณ 23 ล้านปอนด์อย่างที่ตกเป็นข่าวจริงสเปอร์ส ก็อาจไม่จำเป็นต้องขายคีนน้อยไปหงส์แดง เพราะแม้หอกไอริชจะเป็นแฟนลิเวอร์พูล แต่ลึก ๆ แล้วเชื่อว่าด้วยความผูกพันที่เจ้าตัวกับสเปอร์สมีมากว่า 6 ปี สุดท้ายแล้วกองหน้าจอมตีลังกาจะอยู่ช่วยทีมท้าทาย ‘บิ๊กโฟร์’ ในซีซั่นหน้า
ประการสุดท้าย ความสามารถของฆวนเด้ รามอส ที่สร้างปาฏิหาริย์พาทีมได้แชมป์คาร์ลิ่ง คัพ ในนัดชิงฯกับเชลซีนั้นสร้างความฮึกเหิม + เพิ่มความเชื่อมั่นให้บอร์ดบริหาร ในการกล้าให้งบประมาณ มาแต่งองค์ทรงเครื่องทีมตราไก่ขึ้นอีกเยอะ
ปีนี้เราจะได้ดูกันเต็ม ๆ ล่ะว่า แกจะทำได้ดีแค่ไหน และฟุตบอลสไตล์เดินหน้าฆ่ามันที่เจ้าตัวชื่นชอบ นักหนาจะรักษา บาลานซ์ของทีมได้มั้ย เพราะคงไม่ดีแน่ครับ หากต้องเป็นแบบซีซั่นก่อนที่พร้อมเสียประตูทุกเมื่อ และสกอร์ 6-4 (ชนะเรดดิ้ง) หรือเสมอ 4-4 ในการพบกับแอสตัน วิลล่า และเชลซีในซีซั่นก่อน มันดูจะบีบหัวใจคนดูไปหน่อยกระมังครับ โดยเฉพาะกับแฟนตราไก่ที่จริงอยู่ว่าชื่นชอบเอนเตอร์เทนฟุตบอล แต่มันคงไม่ดีแน่ครับสำหรับคนเฒ่าคนแก่ ที่เชียร์อยู่หน้าจอ เพราะหัวใจอาจวายตายคาหน้าจอทีวีเอาได้ง่าย ๆ ^^
สรุปนะครับว่า แน้วโน้มทีมกุ๊กไก่ใน ปีหน้าฟ้าใหม่ที่จะถึงนี้ แม้จะได้ตัวแจ่ม ๆ มาเสริมทีมเยอะ แต่โอกาสที่จะแทรกไปเป็นหนึ่งใน ‘บิ๊กโฟร์’ ต้องยอมรับความจริงว่า โอกาสมีไม่ถึง 30 % เลย เพราะโครงสร้างทีม อำนาจเงิน และกึ๋นกุนซือของทีมอย่าง แมนฯยูฯ, เชลซี, อาร์เซนอล หรือลิเวอร์พูล นั้นยังดูดีกว่าสเปอร์สมาก
ดังนั้น ‘ท็อปซิกซ์’+ แชมป์บอลถ้วยสักแชมป์ น่าจะเป็นเป้าหมายที่ไม่หลอกตัวเองเกินไปครับ
5 comments:
หวัดดีครับคุณเอก ผมขอลุ้นที่ 4 จนถึงวันสุดท้ายครับ อย่างน้อยได้ที่ 5 ก็โอเค พร้อมขอบอลถ้วยสักสองรายการอย่าง ลีก คัพ และเอฟเอ คัพ ก็แล้วกัน ส่วนยูฟ่า คัพ คงยาก เพราะทีมใหญ่ลงมเล่นเพียบ แค่มิลานทีมเดียวก้หนาวแล้วครับ ขอแค่นี้พอ อิอิ
จิงๆ ก้ออยากให้ติดท็อปโฟร์น่ะคับปีนี้ แต่ถ้า คีน กะ เทพตอฟ ไปจิงๆ คดหมดสิทธิ์แน่
ส่วนยูฟ่า มิลานก็มิลานดิคับ รามอสเราเจ้าพ่อบอลถ้วยอยู่แล้ว ได้ลุ้นๆ
ผมขอที่ 4 ละกัน พร้อมกับถ้วย สักใบ แค่นี้ก็มีความสุขเหลือล้านแล้ว อย่างน้อยการได้ไปแชมเปียนลีก ก็จะทำให้ เด็กที่กำลังสนใจบอล กำลังหาทีมเชีย หรือแม่แต่ คนทั่วไปหันมาเชียร์ สเปอร์ส เยอะขึ้น
อยากได้ๆๆๆๆๆ ที่ 4
คีนน้อยไปแล้ว โอกาสที่ 4 เลือนลางครับ
ขอบคุณมาก ๆ นะครับ สำหรับบทความดีๆ
Post a Comment