Wednesday 12 March 2008

มรสุมที่ เซนต์ เจมส์พาร์ค และสแตมฟอร์ด บริดจ์


สภาพดินฟ้าอากาศที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษตอนนี้ถือว่า อยู่ในช่วงย่ำแย่มากครับ อาจจะไม่ได้เลวร้ายที่สุด (หนาวแบบสุดขั้วเหมือนในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา) แต่ก็ถือว่าน่าเบื่อหน่ายไม่น้อยทีเดียวกับสองสามวัน มานี้ที่พายุโหมกระหน่ำจนเป็นเหตุให้ฝนเทลง มาอย่างหนักตลอดทั้งวันจน เที่ยวบินหลายเที่ยวที่สนามบิน หลักในลอนดอนอย่าง Heathrow และ Gatwick airport ก็ต้องถูกเลื่อน หรือยกเลิกไปกะทันหันหลายไฟลท์ทีเดียว
นั่งฟังข่าวจาก BBC สื่อใหญ่เมืองผู้ดีรายงานว่า นี่อาจจะเป็นพายุลูกใหญ่ที่สุดที่เกิด ขึ้นกับเกาะอังกฤษเลยก็ว่าได้ มันก็เลยทำให้ผมอดเป็นห่วงคุณแม่ และน้องสาวสุดที่รักไม่ได้ครับ เพราะว่าทั้งคู่กำลังจะมีคิวเดินทางมาเที่ยว และเยี่ยมผมในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้แล้ว (ก็พรุ่งนี้นั่นแหละ) ก็ได้แต่หวังครับว่าพายุจะหมดไปก่อนที่จะออกเดินทางกัน

พูดก็พูดนะครับ โลกเราทุกวันนี้จัดว่าเข้าขั้น "วิกฤติ" แล้วในเรื่องของภัยธรรมชาตินานาชนิดที่เกิดขึ้น รอบโลกในช่วงสามสี่ปีหลังนี้ ไหนจะสึนามิ, แผ่นดินไหว หรือพายุกระหน่ำแทบจะทุกปีที่สหรัฐอเมริกา โดยเมื่อสองอาทิตย์ก่อนที่ลอนดอน (อีกเช่นกัน) ขณะที่ผมนั่งทำงานอยู่ที่ห้องพัก ก็มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น แม้จะสั่นสะเทือนไม่เยอะก็จริง แต่มันก็ทำให้ผมฉุกคิด และเป็นห่วงโลกของเราจริง ๆ ครับว่า ถึงรุ่นลูกรุ่นหลานเราแล้ว ยังจะมีอากาศดี ๆ บริสุทธิ์สดชื่นหลงเหลือให้ได้สูดหายใจกันอีกมั้ย หรือจะต้องพาน พบกับภัยธรรมชาติอันเกิดจาก "การกระทำ" ของคนรุ่นเราๆ ท่าน ๆ ดังนั้นผมจึงอยากจะฝากกัน ไว้ให้คิดกันต่อครับว่า จะทำอะไรก็อยากจะให้คิด ถึงคนรุ่นหลังเราที่อาจจะ ได้รับผลกระทบกันนิดนึงแล้วกัน
อ่ะ ไหน ๆ ก็พูดถึงเรื่อง "พายุ" แล้ว วันนี้เรามาว่ากันเรื่อง พายุ (ในสนาม) หรือจะเรียกให้ฝรั่งจ๋าหน่อยก็คือ "สตอร์ม" กันนะครับ
ตอนนี้ไม่ใช่แค่พายุจะโหม กระหน่ำใส่เกาะอังกฤษอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันมี พายุฝน ฟ้าคะนอง เกิดขึ้นกับสโมสรฟุตบอลใน อังกฤษหลายทีมๆ ด้วยกัน และช่วงนี้ถือว่าหนักหนา สาหัสเอาเรื่องอยู่ทีเดียวครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทีมของ เควิน คีแกน ขวัญใจคนเดิมในถิ่น เซนต์ เจมส์ พาร์ค ที่หวนกลับมาคุม ทีมเป็นคำรบที่สอง
โดยตอนนี้ พลพรรครักเอย เอ้ยไม่ช่ายสิ @(^.^ )@ พลพรรคสาลิกาดง สะกดคำว่า "ชนะ" ในลีกไม่เป็นมา 12 นัดเข้าไปแล้ว ณ นาทีนี้ตัวคีแกนเองก็ออกมายอมรับแต่โดยดีครับว่าทีม ของเค้าต้องดิ้นรนหนีการตกชั้นแบบเต็มตัว หลังจากที่ก่อนเข้ามารับตำแหน่งแทนที่ แซม อัลลาร์ไดซ์ นั้น เจ้าตัวแอบมีหวัง เล็กๆ ครับว่าจะนำเจ้านกสาลิกาติด "ท็อปซิกซ์" ให้ได้
แต่ดูนิวคาสเซิลในช่วงนี้แล้ว อย่าว่าแต่จะติดท็อปซิกซ์ และท็อปเทนเลยครับ ขอแค่เอาตัวรอดให้ได้จากการโดนถีบตกชั้นในปีนี้นั้น แฟนบอลทีมนกสาลิกาดงก็คงจะตีปีกพั่บๆ แล้วเนื่องจากช่วงนี้ฟอร์มของนิวคาสเซิลนั้นพูดได้คำเดียวครับว่า "หมูมาก" อีกทั้งสไตล์การเล่นก็ชวนให้หมดอารมณ์ทางเพศไปดื้อๆ เช่นกัน เพราะ "แท็กติกส์" ที่คีแกนสั่งให้เด็กเล่นในแต่ละนัดนั้น บอกตรงๆ ครับว่า โบราณ น่าเบื่อ และตกยุคไปแล้วกับฟุตบอลสมัยนี้
ผมเองยอมรับนะครับว่าชื่นชมการคุมทีมของคีแกนในสมัยที่แกคุมนิว คาสเซิลครั้งแรกมาก และรู้สึก "เซอร์ ไพรส์" ไม่น้อยกับผลงานสาละวันเตี้ยลงของนิวคาสเซิลในเวลานี้ เพราะชื่อชั้นนักเตะแต่ละคนนั้นหาก จะดูกันเป็นรายตัวนั้นถือว่า "คลาส" และ "ดีกรี" ประดับใน CV ของแต่ละคนนั้นก็ธรรมดาซะที่ไหน
ไมเคิล โอเว่น (อดีต) จรวดทาง เรียบ และเครื่องจักรถล่มประตูที่กองหลังทุกรายต้องหวั่นไหว ยามต้องเผชิญหน้ากันตัวต่อตัว เดเมี่ยน ดัฟฟ์ ปีกเลือดไอริชที่พลิ้วเหลือหลายในสีเสื้อของเชลซี และทีมชาติไอแลนด์ เอ็มเร่ เบเลโซกลู จอมทัพผู้ผ่านสังเวียนกัลโช่ เซเรียอา และเกมระดับนานาชาติมามากมาย หรือจะเป็น ชาร์ลส์ เอ็นซอกเบียร์ ดาวรุ่งที่เปี่ยมไปด้วยทักษะและพละกำลัง มาร์ค วิดูก้า, อลัน สมิธ, เจมส์ มิลเนอร์ ฯลฯ
ครับหลายชื่อเหล่านี้จัดได้ว่าเป็นนักเตะที่อย่างน้อยๆ ก็เกรด B-ถึง B และคงจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็น อย่างยิ่งหากทีมยักษ์จากไทน์ไซด์ทีมนี้จะต้องตกลงไปเล่นในศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ แต่ความจริงข้อหนึ่งที่ทุกคนต้องยอมรับก็คือ ไม่มีคำว่า "ดีเกินจะตกชั้น" เพราะโลกฟุตบอลสมัยนี้ไม่มี "ที่ว่าง"สำหรับผู้พ่ายแพ้ และทีมที่ดีพอเท่านั้นครับที่จะมีสิทธิ์อยู่รอดในพรีเมียร์ชิพ ซึ่งตอนนี้ได้ชื่อว่าเป็นลีกหินที่สุดในโลกไปแล้ว ดังนั้นจากนี้จึงน่าสนใจมากครับว่าคีแกนจะเก็บชัยชนะ 4 จาก 9 นัดที่เหลือของฤดูกาลนี้ และพาทีมรอดตกชั้นตาม Missionล่าสุดของเจ้าตัวได้มั้ย

อีกทีมนึงที่กำลังโดนมรสุมเล่นงานอยู่ คือทีมสิงโตพันล้าน เชลซี หลังจากที่พลาดท่าปราชัยให้สเปอร์ส 1-2 ในคาร์ลิ่งคัพ นัดชิงชนะเลิศ ทีมของอัฟรัม แกรนต์นั้นทำท่าว่าจะไม่แตกความสามัคคีอย่างที่หลายๆ ฝ่ายคิด และดีขึ้นในสองนัดถัดมาหลังไปไล่ยำเวสต์แฮม 4-0 ต่อด้วยเชือดโอลิมเปียกอสนิ่มๆ 3-0 ลอย ลำเข้ารอบ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปอย่างง่ายดาย แต่ล่าสุดลุง แกรนต์ และลูกทีมกลับตกม้าตายเอาดื้อๆ ด้วยการโดนบาร์นสลี่ย์ "หมามืด" ตัวจริงของเอฟเอคัพปีนี้ที่ได้สร้าง "ตำนานเจ้าตูบ" ให้แฟนบอลต้องจดจำไว้อีกครั้งด้วยการพลิกเอาชนะเชลซีไป 1-0 ทะยานเข้ารอบรองชนะเลิศได้อย่างน่าปรบมือ ให้ในความวิ่งสู้ฟัดแบบยอมตายเพื่อทีม ของนักเตะทุกคนหลังจากก่อนหน้านี้ก็เพิ่งหักปากกาเซียนทุกสำนักด้วยการบุกไปทุบลิเวอร์พูลถึงถิ่น 2-1

เวลานี้คอของแกรนต์จึงเหมือนโดนพาดไว้กับแท่นประหาร หัวคางคก รอเวลาเหมาะสมที่จะโดนเชือดเท่านั้นเอง โดยกุนซือชาวยิว นั้นมีโอกาสรอดเพียงแค่สองทางเท่านั้นครับคือ 1.ปาดหน้าทีมปืนโต และผีแดงเข้าป้ายเป็นแชมป์พรีเมียร์ชิพ และ 2.คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาต่ออายุ "ระเบิดเวลา" ของตัวเองกับเสี่ยหมี ซึ่งหากแกรนต์ไม่สามารถทำสองสิ่งที่ว่านี้ได้แล้วล่ะก็ โอกาสที่จะต้องรับโทษประหารจากท่านเปาบุ้นจิ้น นามว่าโรมัน อบราโมวิช นั้นมีมากกว่า 90% แน่นอน
จากสองชอยซ์ที่เหลืออยู่ของแกรนต์ ผมยังมองโลกในแง่ดีนะครับว่า เชลซียังมีโอกาสทำได้เพราะในบอลลีกนั้นพวกเค้าตามอาร์เซนอล "จ่าฝูง" อยู่ 8 คะแนน แต่แข่งน้อยกว่า 2 นัด และตามแมนฯยูฯอยู่ 6 คะแนน แข่งน้อยกว่า 1 นัด โอกาสจึงยังเปิดกว้างอยู่สำหรับเชลซีซึ่งตรงนี้ผมย้ำมาตลอดว่าแข้งสำรองข้างสนาม ของพวกเค้าที่มีคุณภาพใกล้เคียงตัวจริงมากกว่าสองทีมนำนั้นถือเป็น "ข้อได้เปรียบ" ที่สามารถเปลี่ยนวิกฤติตรงนี้ให้เป็นโอกาสได้
หากแกรนต์หนักแน่นในเลือกการจัดตัวผู้เล่น และต้องเลือกทีมที่ดีที่สุดเท่านั้นลงเล่นในแต่ละนัด แม้ว่าจะต้องดรอปซูเปอร์สตาร์ไปบ้างแต่นั่นคือสิ่งที่เค้าต้องทำเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อทีม และชะตาชีวิตเค้าเองในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์
ผมเชื่อมาเสมอครับว่า ฟ้าหลังฝนมักจะสวยงามเสมอ และก็แอบเอาใจช่วยให้นิวคาสเซิลของ เควิน คีแกน และ เชลซีของอัฟรัม แกรมต์ผ่านช่วงมรสุม "วิกฤติ" ตรงนี้ไปได้ เพื่อจะได้มีท้องฟ้าที่สดใส กับเค้าเสียทีทั้งในถิ่นเซนต์ เจมส์ พาร์ค และสแตมฟอร์ด บริดจ์

9 นัดที่เหลือของนิวคาสเซิล

จันทร์ที่ 17 มีนาคม 2551
เบอร์มิงแฮม VS นิวคาสเซิล
เสาร์ที่ 22 มีนาคม 2551
นิวคาสเซิล VS ฟูแล่ม
อาทิตย์ ที่ 30 มีนาคม 2551
สเปอร์ส VS นิวคาวเซิล
เสาร์ที่ 5 เมษายน 2551
นิวคาสเซิล VS เรดดิ้ง
เสาร์ที่ 12 เมษายน 2551
ปอร์ทสมัธ VS นิวคาสเซิล
เสาร์ที่ 19 เมษายน 2551
นิวคาสเซิล VS ซันเดอร์แลนด์
เสาร์ที่ 26 เมษายน 2551
เวสต์แฮม VS นิวคาสเซิล
เสาร์ที่ 3 พฤษภาคม 2551
นิวคาสเซิล VS เชลซี
อาฑิตย์ที่ 11 พฤษภาคม 2551
เอฟเวอร์ตัน VS นิวคาสเซิล

2 comments:

tummy said...

เชียร์ คีแกนด้วยคนครับบ

ธานคับ said...

แวะมาเยี่ยมคุรเอกครับ ผมว่าคีแกนตกยุคไปแล้วจริงๆครับ ตอนที่กลับมารับงานผมว่าน่าจะดีกว่านี้ แต่ตอนนี้ไม่ไหวจริงๆครับ ส่วนแกรนท์บารมีแกไม่พอครับ ถึงแม้เชลซีช่วงหลังจะดีขึนแล้วก็ตาม แต่ใจผมอยากให้ทั้งคู่คุมทีมเหมือนเดิมครับ ไก่เราจะได้สบาย 5555