Saturday 22 December 2007

หนาวนี้


คริสตร์มาสปีนี้ ช่างหนาวและรู้สึกว่ามันเนิ่นนานเหลือเกิน....
ทำไมเวลามันเดินช้าอย่างนี้นะ
ทำอาหารกินก็แล้ว อ่านหนังสือก็แล้ว นั่งจิบกาแฟที่ร้านประจำก็แล้ว ไม่หมดวันสักที
ปีใหม่ก็ดันทะลึ่งไม่ได้กลับบ้าน ค่าตั๋วแพงบรรลัย !!

จริงๆแล้วก่อนหน้านี้ช่วงที่สอบ Final ก็นับวันเมื่อไรจะสอบเสร็จสักที
แต่เอาเข้าจริงๆ อาการหนาวๆ หมอกลงยังกะอยู่บนดอยและพระอาทิตย์ตกเร็วเหลือเกิน
ทำให้ "ความเหงา" มาเยือนผมอีกครั้ง ในวันคริสตร์มาสนี้

ชีวิตหลังการสอบ เรียบง่ายขึ้นเยอะ ไม่ต้องว้าวุ่นใจ มีอะไรให้ห่วงหน้า พะวงหลังเหมือนเดิม งานพาร์ทไทม์ที่ร้านอาหารก็กำลังจะหยุดยาว ว่างมากกกกกถึงว่างที่สุด

นี้ยังดีนะที่ได้พี่ชายใจดี หยิบยื่น "โอกาส" ให้ได้ไปดูบอลติดๆอีกครั้ง ในช่วง Boxing day ที่จะถึงนี้ หลังจากที่ "เว้นวรรค" เรื่องบอลไปพักใหญ่ ไม่งั้นละมี "โฮมซิก" ++

บ้านใหม่ที่ย้ายมาอยู่ พี่ผู้หญิงเจ้าของบ้านและลูกชายก็เป็นกันเองดี จน"ความเหงา"เริ่มจางหายไป และ เริ่มมีไอเดียที่จะทำอะไรสร้างสรรค์ๆอย่างคนอื่นเค้าบ้างแล้วละ

จริงๆแล้วก็เสียวเรื่องผลสอบอยู่เหมือนกันเนื่องจากเทอมนี้เป็นเทอมแรกและดูเหมือนว่าผมจะยังแบ่งอะไรๆได้ไม่ลงตัวหนัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน หรือ เรื่องงาน ฯลฯ
ทุกอย่างมันประดังเข้ามา ไม่ทันให้เราได้มีเวลาได้คิดหรือตั้งตัว

กว่าจะมีเวลามานั่งคิด ให้เวลาตัวเองอีกทีก็หมดไปอีกปีนึงแล้ว
เวลาไม่เคยหยุดรอใครจริงๆ…

เรื่องของ “เวลา”ที่ไม่เคยหยุดรอเรานี่แหละ ทำให้ผมเริ่มคิดไตร่ตรอง และหยุดคิด ให้เวลาสำรวจตัวเองอีกครั้ง ว่าเป้าหมายที่เคยวางไว้ ได้เป็นไปตามแผนหรือเปล่า

ช่วงเวลาที่หลงระเริง เผลอใจไปกับเมืองที่เต็มไปด้วยสิ่งยั่วยวนต่างๆมากมาย ทำให้ผมลืม “เป้าหมายที่แท้จริง” กว่าจะมีสติอีกทีก็ต้องรอจนตัวเองได้มีเวลาหยุดพักนิ่งๆแบบนี้

อย่างไรก็ดี ผมดีใจที่ได้มาค้นหาตัวเองที่นี้….

ขวบปีที่ผ่านมานี้ที่ประเทศอังกฤษ ผมได้ผ่านและเจอะเจออะไรต่างๆมาพอสมควร
ผู้คนและเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามา เปรียบดั่ง “บทเรียนแห่งชีวิต” ที่สอนให้ผมได้
เรียนรู้ที่จะ “อดทน”

อายุที่เพิ่มขึ้นมาในแต่ละปี ทำให้ความรับผิดชอบและภาระที่เพิ่มขึ้น ผมคิดไม่ผิดที่มาที่นี้ เพราะมั่นใจว่าเมื่อกลับไป ผมจะแกร่งขึ้นทั้งกายและใจ และหวังว่าจะได้ตอบแทนทางบ้านที่ อายุมากขึ้นทุกปี และใช้เวลาอยู่ด้วยกัน“ทดแทน”ช่วงที่ห่างเหินกันมา

หนาวนี้ของผม อาจไม่ได้ไปเมาปลิ้นตามผับ และ มีคนให้จูงมือเดินเล่นเหมือนอย่างเคย
แต่หนาวนี้ ก็ทำให้ผมรู้สึกโตขึ้นมาอีกหนึ่งปี และตั้งเป้าจะ "ทำ”ความฝันให้เป็นจริงเสียที หลังจากแวะพักตามไหล่ทางอยู่หลายครั้ง

ขอบคุณ “ลมหนาว” และ “ความเหงา” ที่ทำให้ผมได้หยุดคิดและให้เวลาตัวเองอีกครั้ง…

3 comments:

น. ณ นนท์ said...

ไอ้เรื่องของความเหงานี่ มันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ
ไม่ว่าอยู่ที่ไหน มันก็เหงาเหมือนๆกันทุกที่
บางทีมีคนอยู่รอบกายเต็มไปหมด แต่แม่งก็ยังเหงาอยู่ดี

สู้ๆว่ะเพื่อน...

Anonymous said...

เอกยังมีเราอีกคนนะ ...


อยู่เป็นเพื่อนกัน ..ในเมืองที่หมอกหนา

ลมหนาว...ฝนพรำ ...เรียกว่าบรรยากาศทำให้เหงาง่าย

แต่ลองสังเกตดีดีนะ ..หน้าหนาวในลอนดอน

ทำให้เห็นดวงดาวชัดเจนขึ้น..หน้าหนาว ดาวสวย

ก็คงเหมือนชีวิตอ่ะแหละ...มีสองด้านเสมอ

แต่เราเชื่อ ว่าเอก ได้เจอะเจอด้านที่งดงามแล้ว

ยินดีด้วย...

คิดถึงเหมือนเดิม

ขวัญ

เอก อุดมสุข said...

ช่ายยย อย่างน้อยเราก็มีขวัญเป็นเพื่อนรัก
ขอบคุณมากๆน้า
Mizz & Tk care