Wednesday 21 November 2007

ไม่เข้ารอบก็แย่แล้ว !!


ไม่ว่าเราจะเรียกมันว่า "โชคชะตาฟ้าลิขิต" หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่สุด "โอกาส" ก็กลับมาอยู่ในมือ ของอังกฤษอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้ใครจะ กล้าคิดล่ะ ครับว่ารัสเซียภายใต้การ ทำทีมของกุนซือคนเก่ง กุส ฮิดดิ้งค์จะไปแพ้อิสราเอล 1-2 และส่งผลให้ "โมเมนตัม" เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแบบนี้

"ความแน่นอน คือความไม่แน่นอน" เป็นประโยคที่ดูจะเหมาะสุดแล้วครับสำหรับสาย E ที่อังกฤษและรัสเซีย ยังมีลุ้นทั้งสองทีมตามทฤษฎี แม้ว่าจริงๆ แล้วอังกฤษต้อง การแค่เสมอในนัด ต่อไปกับโครเอเชียในบ้านก็จะลอยลำ เข้ารอบสุดท้ายที่ออสเตรีย และสวิตเซอร์แลนด์กลางปีหน้า ทันที

ขณะที่รัสเซียเองได้สูญเสียการคอนโทรล "โอกาส" ไปโดยเครดิตนี้ต้องชมอิสราเอลที่เล่นราวกับว่า "มีลุ้นเข้ารอบ"

เหนือสิ่งอื่นใด ในเวลานี้ชาวอังกฤษมีฮีโร่ใหม่ที่ไม่ใช่ เดวิด เบ็คแฮม หรือไมเคิล โอเว่น แต่กลับกลายเป็นนักเตะ สัญชาติยิวนามว่า โอเมอร์ โกลัน ผู้ยิงประตูดับชัยดับรัสเซียเมื่อ คืนวันเสาร์ที่ผ่านมาครับ เพราะหมอนี้เปรียบเสมือน "ผู้ชุบชีวิต" โอกาสในการลุ้นเข้ารอบของ ขุนพลทรีไลออนส์ให้มีหวังขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ก่อนเกมนี้จะเริ่มขึ้นจิตใจของชาวอังกฤษ กำลังบอบช้ำจากการเชียร์นักกีฬาของพวกเค้า เพราะทั้งรักบี้, F1 และฟุตบอล กีฬาหมายเลขหนึ่งของที่นี่ต่างก็ทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง

อังกฤษถือไพ่ดีกว่ารัสเซียใน ตอนนี้ก็จริง แต่ก็อย่าลืมนะครับว่า ฟุตบอลลูกกลมๆ ไม่เคยมีอะไรแน่นอน ดังนั้นสตีฟ แม็คคลาเรน จึงต้องเน้นกับเกมสุดท้ายนี้ให้มาก ไม่ใช่เล่นเอาผลเสมอ และหวังกอดคอกันเข้ารอบไปกับทีมตราหมากรุกของ สลาเวน บิลิช

ตอนนี้กระแสเกม อังกฤษ-โครเอเชียที่ประเทศ อังกฤษมาแรงมากครับ ทั้งในแง่ของสื่อที่โหม ข่าวนำเสนอข้อมูล & คอมเมนต์ต่าง ๆ ขณะที่ร้านขายเครื่องกีฬาชื่อดังในลอนดอนอย่าง Lillywhite ก็ลดราคาเสื้อทีมชาติอังกฤษจาก 30 กว่าปอนด์เหลือเพียงแค่ 20 ปอนด์เท่านั้นในเวลานี้ โดยทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อกระตุ้นแฟนบอล และบรรยากาศของเกมนี้ให้มี "รสชาติ" มากขึ้น

ผมเชื่อนะครับว่า แม้เกจิอาจารย์รวมถึงกุนซือเลือดผู้ดี ในแวดวงฟุตบอลอังกฤษหลาย ๆ ท่านอย่าง แฮร์รี่ เรดแนปป์ หรือแซม อัลลาร์ไดซ์ จะไม่ค่อยชอบวิธีการ ทำทีมของบิ๊กแม็ค และไม่เห็นด้วยแต่แรกแล้วว่า "บิ๊กแม็ค" จะใช่ The right man หรือคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้

แต่เกมคืนวันพุธนี้ซึ่งเปรียบ เสมือนเกมที่สำคัญยิ่งยวด ต่ออนาคตทีมชาติของพวกเค้า ผมรู้สึกได้เลยครับว่า ทุกๆ คนทั้งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง และอ้อมที่นี่พร้อมจะ Back up หรือสนับสนุนกุนซือของพวกเค้า อย่างเต็มที่ เพราะมันคงจะดูแปลกพิลึกครับ หากทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ แบบนี้จะไม่มีทีมสิงโตคำรามเข้าไปมีส่วนร่วม

ดังนั้น "ศักดิ์ และศรี" ครับคือสิ่ง ที่บิ๊กแม็ค และขุน พล ทรีไลออนส์ต้องแสดงมันออกมาต่อหน้าแฟนๆ ใน สนามเวมบลีย์ตอนหัวค่ำ เพื่อตอบแทนแรงศรัทธาที่แฟนๆ มอบให้พวกเค้า

หลายๆ คนอาจจะคิดว่าโครเอเชีย ซึ่งลอยลำไปแล้ว จะไม่เต็มที่กับเกมนี้ แต่ขอให้ดูเกม อิสราเอล-รัสเซียเป็นตัวอย่างครับว่า ทีมที่ดูไม่มีลุ้น ไม่ได้ไม่เสียอะไรแล้ว ก็ต้องเล่นเพื่อศักดิ์ศรีแก่ประเทศชาติเช่นกัน

โครเอเชียเองแม้จะเป็นทีมที่น่ากลัว และประกาศว่าไม่ได้มาเพื่อเล่นผลเสมอ แต่ก็ต้องยอมรับครับว่า "ความเต็มที่" กับเกมนั้นอาจจะไม่ได้ใส่เกียร์ 5 หวังเดินหน้าฆ่ามัน เพราะความรู้สึกส่วนตัวลึกๆ ของนักเตะที่รู้ตัวว่าเข้ารอบไปแล้วนั้น ทำให้ผ่อนคลาย และอาจสร้างความมันไม่ได้ในระดับ 5 ดาวเหมือนคู่ อิสราเอล-รัสเซีย

ก็ได้แต่หวังครับว่า บิลิช และลูกทีมจะมอบเกมดี ๆ ให้เราได้ชมอย่างที่อิสราเอลโชว์ให้เห็นถึง สปิริตนักสู้ ให้ชาวโลกได้ประจักษ์

ข้ออ้างผู้เล่นตัวหลักที่บาดเจ็บหลายราย ไม่ใช่ข้ออ้างที่ "ฟังขึ้น" ครับในกรณีที่ อังกฤษไม่ได้ "ผลการแข่งขัน" ที่ต้องการ เพราะขอเล่นเพียงแค่ 1 แต้ม ยังไง ๆ ความกดดันก็น้อยกว่าที่ต้องการเล่นเพื่อ 3 แต้มอยู่แล้ว

1 แต้มกับเกมในบ้านตัวเองถือว่าไม่ได้มากมายเลยครับ ที่ชาวอังกฤษจะขอจากอดีตกุนซือโบโร่
และนี่ก็จะเป็นโอกาสอันดีที่บิ๊กแม็คจะ Turn things around หรือพลิกวิกฤติ (จากเสียงวิจารณ์) ให้เป็น โอกาส และทำให้ตัวเองเป็นที่รักของแฟนบอลอังกฤษ เกจิ หรือสื่อที่ไม่ชอบแกได้มากขึ้น

บิ๊กแม็ค ที่เหมือน "ตายแล้วเกิดใหม่" อย่างที่คุณ "ไข่มุกดำ" ว่าไว้ จึงมีหน้าที่ต้องปลุกระดมความฮึกเหิม ของผู้เล่นในทีมอย่าให้ "ชะล่าใจ" กับโอกาสที่กลับมาอยู่ในมือ อีกครั้ง

เพราะหากอังกฤษเกิดทะลึ่งแพ้เกมนี้ขึ้นมาก็ต้องตัวใครตัวมันเลยล่ะครับ...


ข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์คิกออฟ ฉบับที่ 3044

4 comments:

Anonymous said...

ตัวใครตัวมันแล้วพี่ หะหะ

เขียนต่อเร็วๆนะพี่ รออ่านอยู่

Anonymous said...

และแล้วก็ตกรอบเพราะกุนซือคนเดียว เอาโยลไปเป็นกุนซือคนใหม่ม่ะ

เอก อุดมสุข said...

เอาโยลเลยหรอครับ คุณ Timduncan 555

อย่างนี้บักโจ้เราก็คงได้ใส่เบอร์ 10 เป็นจอมทัพทีมชาติอังกฤษ แหงๆ ^^

Anonymous said...

ขอบคุณมาก ๆ นะครับ สำหรับบทความดีๆ