Wednesday 18 July 2007

เบ็คแฮม กับอนาคต และความท้าทายใหม่

แน่นอนเหลือเกินว่า เดวิด เบ็คแฮม จะเป็นเครื่อง มือทางการตลาด ที่สำคัญอย่างยิ่งยวดในการดึงชาวอเมริกันให้หันมาสนใจกีฬา "ซอกเกอร์" ในเมเจอร์ลีก ซอกเกอร์ หรือ MLS กันมากขึ้น หลังจากกีฬาประเภทนี้อยู่ใต้ร่มเงาของ อเมริกันฟุตบอล, บาสเกตบอล และเบสบอล มานานแสนนาน


ไร้ข้อกังขาอีกเช่นกันสำหรับกระแส "เบ็คแฮม มาเนีย" ในประเทศสหรัฐอเมริกานาทีนี้ เพราะไม่ว่าจะหันไปทางใด สื่อไหน ก็จะต้องมีใบหน้าอันหล่อเหลาของ หนุ่มเบ็คส์ และศรีภรรยาสุดรัก "วิกตอเรีย เบ็คแฮม"ปรากฏอยู่ด้วยแทบทุกสื่อหลังการเปิดตัว อย่างเป็นทางการกับอู่ข้าวอู่น้ำใหม่อย่างทีม แอลเอ กาแลกซี่ ไปเมื่อวันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา

แม้ว่าการมาเยี่ยมแดนมะกันในครั้งนี้ของ "เจ้าพ่อลูกนิ่ง" จะไม่ได้ลำบากลำบนอะไรในแง่ของชีวิต นอกสนามเพราะมีเพื่อนซี้ที่เป็นดาราดังอย่าง ทอม ครูซเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ คอยให้คำแนะนำในการปรับตัว และใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมใหม่อยู่แล้ว
แต่เรื่องในสนามคือการเล่นฟุตบอล ซึ่งถือเป็นหน้าที่ หลักของเบ็คแฮม เป็นสิ่งที่เจ้าตัวต้องพยายามลบคำครหาจากสื่อบางสื่อที่ว่าเจ้าตัวหมดไฟในการเล่นแล้ว การมาอเมริกาก็เพียงแค่หาเงินก้อนใหญ่อีกสักก้อนก่อนรีไทร์ และดันตัวเองเพื่อเข้าสู่วงการแสงสีเสียง อย่างฮอลลีวูดที่เจ้าตัว และภรรยา (อาจจะ) ใฝ่ฝัน

นอกจากนี้ยังมี "ปัจจัยภายนอก" ที่ ทาง BBC ไปสัมภาษณ์ รุ่นพี่ในลีก MLS ที่หวังดีกับเบ็คแฮมอย่าง เทอร์รี่ คุก (อดีตดาวรุ่ง ที่โตขึ้นมาพร้อมกับ เบ็คแฮม ในทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) และ แดนนี่ ดิคิโอ (อดีตหัวหอกตัวสำรองของซันเดอร์แลนด์) ซึ่งปัจจุบัน ค้าแข้งอยู่กับโคโลราโด ราปิดส์ และโตรอนโต เอฟซี ที่ต่างออกมา กล่าวเตือนเบ็คแฮมว่า การมาเล่นที่นี่ไม่ใช่เรื่องที่ง่าย อย่างที่เจ้าตัว และหลายคนคิดแน่นอน

โดยปัจจัยที่ว่ามี 5 ประเด็นหลัก ๆ

ประเด็นแรกก็คือ สภาพอากาศที่แตกต่าง จากที่อังกฤษ และสเปนมาก เพราะที่อเมริกาแต่ละรัฐซึ่งตั้งอยู่ใน พื้นที่ที่ระดับ น้ำทะเลต่างกัน จะมีผลต่อสภาพอากาศ และความชื้นที่ต่างกันไปด้วย

โดยดิคิโอ ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง BBC สื่อใหญ่เมือง ผู้ดีที่ตามไปเกาะติดกระแสเบ็คแฮมที่อเมริกาว่า เมืองโตรอนโตที่เจ้าตัวอาศัยอยู่นั้นอยู่เหนือระดับน้ำทะเล แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ทีมต้องออกไปเยือนทีม ที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลมากๆ จะทำให้พวกเค้าเสียเปรียบเพราะอากาศจะชื้น และร้อนมาก ซึ่งจุดนี้ถือเป็นหนึ่งปัจจัย "ภายนอก" ที่ไม่อาจมองข้ามไปได้

ประเด็นที่สอง เรื่องการเดินทาง เนื่องจากประเทศสหรัฐอเมริกามีเนื้อที่กว่า 3.7 ล้านตารางไมล์ ซึ่งนั่นหมาย ความว่าการเดินทางไปเตะนอกเมืองแต่ละครั้งจะกินเวลามากกว่าครึ่งค่อนวันเลยทีเดียว
อย่างในเคสของ ดิคิโอ ทีมคู่แข่งที่อยู่ใกล้โตรอนโตที่สุดคือ รัฐ Salt lake ซึ่งใช้เวลาอย่างน้อย ในการเดินทาง 90 นาทีโดยเครื่องบิน และ 8 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อยถ้าเลือก เดินทางโดยรถยนต์

ประเด็นที่สาม ที่ทั้งเทอร์รี่ คุก และแดนนี่ ดิคิโอ เห็นพ้องตรงกันก็คือเรื่องมาตรฐานของฟุตบอล อเมริกาที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และเกมฟุตบอลลีก ของที่นี่ก็ใช้พละกำลัง และความเร็วมากกว่า ที่ทั้งคู่คิด ไว้ในทีแรกที่เดินทางมาถึงที่นี่

จริงอยู่ที่ว่ามาตรฐาน อาจจะสู้ลีกใหญ่ๆ ของยุโรป อย่าง อังกฤษ สเปน และอิตาลีไม่ได้ แต่ที่ทั้งคู่ยืนยันได้ก็ คือ เรื่อง Determination (ความมุ่งมั่น) และ Fitness (ความฟิตของร่างกาย) ที่มีไม่น้อยไปกว่าลีกชั้นนำ ที่กล่าวมาข้างต้นแน่นอน

ประการที่สี่ เสียงเชียร์จากแฟนบอล ที่อาจจะไม่ได้มีมากเท่าที่อังกฤษ หรือสเปน แต่หนุ่มเบ็คส์อาจจะ ต้องเซอร์ไพรส์ ไม่น้อยหากรู้ว่าธรรมชาติของแฟน "ซอกเกอร์" ที่นี่ไม่นิยมตะโกนเชียร์ และร้องรำ ฮัมเพลงประจำสโมสรอย่างที่สโมสรส่วนใหญ่ในยุโรปทำ กันซึ่งถือเป็นเรื่องแปลกแต่จริงเอามาก ๆ
แม้ว่าแฟนบอลจะหนุนหลัง และรักทีมขนาดไหน แต่พวกเค้าก็นิ่งได้ประหนึ่งว่ากำลังชมภาพยนตร์อยู่ใน โรงหนัง และมิควรส่งเสียงรบกวนคนนั่งข้าง ๆ ยังไงยังงั้นเลยทีเดียว

ประการที่ห้า ระบบการตัดสิน ของกรรมการแบบ แผนการจัดทีม และศัพท์ฟุตบอลแปลกๆ ในอเมริกา ที่ หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่า ทำไมฟุตบอลเหมือนกันตัดสินไม่เหมือนกันหรืออย่างไร?

คำตอบที่ได้จากปากกองหน้าหัวเหม่งอย่างดิคิโอ กล่าวไว้ได้น่าสนใจว่า "ผู้ตัดสินที่นี่จะเป่าทันที ที่มีการกระโดดประทะกันเกิดขึ้น แทบจะทุกครั้งที่มีการเปิดบอลจากปีก และผมเตรียมจะขึ้นเทก ตัวโหม่งแย่งกับกองหลัง ร้อยละ 80 จะเป็นลูกฟาวล์ของกองหน้า" ดังนั้นการครอส บอลสุดแม่น ของหนุ่มเบ็คส์อาจจะหมดค่าไปเลยก็เป็นได้ หากโยนมาแล้วกรรมการดันทะลึ่งเป่าฟาวล์ง่ายๆ จริงอย่าง ที่ดิคิโอว่าไว้

ระบบการเล่นของทีมใน MLS ส่วนใหญ่จะมีระบบ 4-4-2 ยืนพื้นแต่ส่วนมากพอเกมเริ่มเล่นไป ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะเปลี่ยน สลับแผนเป็น 3-4-3 หรือ 5-4-1 ได้ตลอดเวลาประมาณว่าเปลี่ยน แผนกันได้ทุก 5-10 นาที ดังนั้นนักเตะยุโรปที่มาเล่นที่นี่ส่วนใหญ่จะ อาจจะออกอาการมึนงง และต้องปรับตัวไม่น้อยในลีก MLS กับรูปแบบการเปลี่ยนแผนนาทีต่อ นาทีเยี่ยงอเมริกันฟุตบอล NFL

ประการสุดท้าย คำศัพท์แปลกๆ ที่นักเตะที่นี่ใช้กันระหว่างฝึกซ้อม เบ็คแฮมอาจจะเจอประสบการณ์นี้แล้ว ก็เป็นได้ในการเริ่มซ้อมไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เพราะนักเตะจะเรียก Penalty Kick หรือลูกจุดโทษสั้นๆ ว่า PK และเรียกว่าลูกฟรีคิกว่า FK เป็นต้น

และสุดท้ายจริงๆ หนุ่มเบ็คส์อย่าเผลอเชียวกับ การหลุดปากเรียก "ซอกเกอร์" เป็น "ฟุตบอล" ถ้าไม่อยากหน้าแตก เพราะอเมริกันชนที่นี่ทุกรายจะเข้าใจว่ามันคือ อเมริกันฟุตบอล

สายตาทุกคู่จากสื่อ และแฟนลูกหนังเมืองลุงแซมกำลังจดจ้องมาที่เกมกระชับมิตรวันเสาร์ที่จะถึงนี้ เนื่องจากต้นสังกัดใหม่ของเจ้าพ่อลูกนิ่งจะต้องมีคิวลงเตะกับทีม "สิงโตพันล้าน" เชลซีที่มีเพื่อนร่วม ทีมชาติอังกฤษ ของเบ็คแฮมเดินทางมาร่วมด้วยหลายต่อหลายคน เช่น แฟรงค์ แลมพาร์ด โจ โคล และจอห์น เทอร์รี่

ตั๋วจำนวน 27,000 ใบ ถูกขายออกไปพร้อมทั้งกำหนด การถ่ายทอดสดไปทั่วสหรัฐอเมริกาสำหรับ เกมกระชับมิตรแมตช์นี้ แสดงให้เห็นถึงความตื่นตัวที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สำหรับเกมกีฬาที่เรียกชาวมะกันเรียกมันว่า "ซอก เกอร์"

แค่นี้ก็พอจะซาวด์เสียงกระแส ความดังของ "แบรนด์ เบ็คแฮม" ได้เป็นอย่างดี และ MLSก็น่าจะปลาบปลื้มไม่น้อยกับกระแสตอบรับที่ดีเกินคาดจากแฟนลูกหนังเมืองลุงแซม

แม้ว่าความจริงแล้ว อาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าของหนุ่ม เบ็คส์ ยังลูกผี-ลูกคน ไม่แน่ว่าจะถูกส่งไปเปิดซิงในเกมนี้ได้หรือไม่

แต่อย่างน้อย เราก็ได้เห็นแนวโน้ม ที่ดีขึ้นของ MLS และได้แต่เอาใจช่วยปีกขวาขวัญใจ แม่ยกรายนี้ให้ประสบความสำเร็จกับชีวิตใหม่ที่ LA และปิดฉากอาชีพนักฟุตบอล ให้ยิ่งใหญ่ดั่ง ที่เจ้าตัวปรารถนา

Viva London โดย เอก อุดมสุข ข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์คิกออฟ ฉบับที่ 2918

4 comments:

ธานคับ said...

แต่ผมกลัวว่าเบ็คแฮมคนเดียวจะทำให้ทีมดีขึ้นไม่ได้นะซิครับ ฟุตบอลนะไม่ใช่บาส ที่อาจจะฉายเดี่ยวได้ เบ็คส์มีดีที่ลูกเปิดและฟรีคิด หากเปิดไปแล้วเพื่อนทำไม่ได้ก็สูญเปล่าทางที่ดี ให้ LA ไปซื้อ ยอร์คกับโคลมายืนกองหน้าดีกว่า เปิดไปได้ประตูแน่นอน 555 แต่ก้เอาใจช่วยเบ็คส์ครับ ชอบที่ความทุ่มเทและ passion ของเค้าต่อฟุตบอล

ปล.ขอบคุณเรื่องราวของ MLS นะครับ ได้รู้อะไรอีกเยอะเลย ผมไม่ต่อยได้ตาม MLS สักเท่าไหร่

เอก อุดมสุข said...

ใช่ครับ เบ็คส์ ไม่ใช่นักเตะที่เลี้ยงหลบ 4-5 คนแล้วยิงประตูได้เสียด้วย

ก็มีความขยัน+ใจสู้ ในสนามเนี่ยแหละครับที่ผมเชื่อว่า เจ้าตัวจะเข้าไปอยู่ในสี่ห้องหัวใจของแฟนๆ MLS
ได้อย่างแน่นอน

ธานคับ said...

ผมก็เอาใจช่วยเบคแฮมอยู่เหมือนกันครับ แต่พวกไอ้กันมันบ้า ฮีโร่อ่ะดิครับ กลัวจะกดดัน จนล้มเหลว ก่อน

Anonymous said...

ความรู้และประสบการณ์แน่นมากอ่ะ คุณเอกอุดม