Wednesday 20 February 2008

Countdown Carling Cup นัดชิงชนะเลิศ


นับจากวันนี้ไปก็จะเหลืออีกเพียงแค่ 4 วันครับ ที่ศึกฟุตบอลคาร์ลิ่งคัพ นัดชิงชนะเลิศคู่ระหว่าง เชลซี-สเปอร์ส จะเปิดฉากขึ้น

โดยสังเวียนโม่แข้งในปีนี้จะกลับมาเล่นที่สนาม "นิว เวมบลีย์" อีกครั้งหลังจากที่ "เว้นช่วง" ปรับปรุงสนามไปนานถึง 7 ปีโดยแมตช์ชิงชนะเลิศบอลถ้วย "มิกกี้ เมาส์" ครั้งสุดท้ายที่เวมบลีย์เก่าก็คือคู่ชิงระหว่าง "สุนัขจิ้งจอก" เลสเตอร์ ซิตี้ กับ ทรานเมียร์ โรเวอร์ โดยในปีนั้น เลสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การนำทีมของ มาร์ติน
โอนีล เอาชนะไปได้ 2-1 และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมานัดชิงชนะเลิศบอลถ้วย ของอังกฤษก็ได้ย้ายไปเล่นที่สนาม มิลเลนเนียม สเตเดี้ยม ในกรุงคาร์ดิฟฟ์ ประเทศเวลส์ เป็นการชั่วคราว


ดังนั้นปีนี้ที่ฟุตบอลถ้วยนัดชิงฯจะกลับมาเล่นที่ประเทศอังกฤษอีกครั้ง ผมจึงรู้สึกได้ถึงความพิเศษของเกมนี้ เพราะอย่างไรเสียผมเชื่อครับว่าฟุตบอล ถ้วยของอังกฤษก็ควรที่จะต้องเตะกันที่ "อังกฤษ" ไม่ใช่ เวลส์ หรือประเทศเครือในจักรภพของ "เกาะอังกฤษ"

เช่นกัน เมื่อได้เห็นข่าวการที่พรีเมียร์ชิพมีแผนจะโกอิน เตอร์ไปเตะนัดที่ 39 ต่างแดนด้วยแล้วนั้น ผมก็ยิ่งไม่เห็นด้วยกันไปใหญ่ เพราะมันจะทำให้เสีย "เสน่ห์" และ "ความขลัง" ไป แม้จะเข้าใจว่านี่คือแผนทางการตลาดที่ "แหล่ม" มากก็ตาม

กลับมาที่เรื่อง คาร์ลิ่ง คัพ ในปีนี้กันต่อ แม้ว่าหลายๆ ทีมอาจจะมองว่าถ้วยนี้เป็นแค่ถ้วย "ลูกเมียน้อย" และไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไรมากมายนัก ยกตัวอย่างง่ายๆ ในปีนี้ ทีมอย่าง "ปิศาจแดง" แมนฯยูไนเต็ดก็ดูจะไม่เน้น และชิงตกรอบไปตั้งแต่ไก่โห่ด้วยการส่ง "เด็กผี" ชุดปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมไปให้ทีม "ช้างกระทืบโรง" โคเวนทรี บุกมายัดเหยียด ความอับอายถึงถิ่นโรงละครแห่งความฝันไป 0-2 แบบไม่แคร์สายตาแฟน บอลทีมตัวเอง
อาร์เซนอล ในรอบเซมิไฟนัล ที่ผ่านมาก็เช่นกัน เชื่อได้ว่าหาก อาร์แซน เวนเกอร์ ใส่ขุนพลชุดใหญ่ใน เลกสองที่ไป เยือนสเปอร์สแล้วละก็ ทีมปืนใหญ่ป่านนี้คงได้เข้าชิงฯกับเชลซี ไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม แม้มันจะเป็นเพียงแค่บอลถ้วยเล็ก และสำหรับทีมใหญ่ (บางทีม) รายการนี้จะเป็นแค่เพียง "สนามซ้อมใหญ่" ให้นักเตะหนุ่มๆ ได้ลงไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ก่อนที่จะ เลื่อนขั้นดันตัวเองเข้าสู่ทีมชุดใหญ่หา กว่าทำผลงานได้เข้าตาผู้เป็นนาย
แต่สำหรับคู่ชิงชนะเลิศในปีนี้แล้วนั้น ทั้งเชลซี และสเปอร์ส ได้มองความสำคัญของถ้วยนี้ต่างออกไป และส่งผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามทุกนัดในรอบที่ผ่านๆ มา ดังนั้นผมเองจึงค่อนข้างมั่นใจว่านัดชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้จะเป็นเกมที่สนุก+ สมศักดิ์ศรี และตื่นเต้นเร้าใจแน่นอน
สาเหตุประการแรกนั้นก็เพราะว่ากุนซือของทั้งสองทีมอย่าง อัฟรัม แกรนต์ และฮวนเด้ รามอส นั้นเพิ่งเข้ามาคุมทีมเป็นซีซั่นแรกด้วยกันทั้งคู่ ดังนั้นการได้แชมป์มาประเดิมงานใหม่ให้กับทีมนั้นน่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้ทั้งนักเตะในทีม และฝ่ายบริหารรวมไปถึงแฟนบอลได้ไม่น้อย ในรายของอัฟรัม แกรนต์นั้น หลังจากที่เจ้าตัว เข้ามาคุมทีมแทน โจเซ่ มูรินโญ่ แบบสร้างความแปลกใจให้หลายๆ ฝ่ายเนื่องจากไม่ได้ "ไฮ-โพรไฟล์" อย่างกุนซือชื่อดังคนอื่นๆ และการที่จะ "วัดรองเท้า" ความสำเร็จกับ "เฮียมู" แล้วนั้นยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้

อย่างไรก็ดีครับ ถึงนาทีนี้เชื่อว่าแฟนบอล ไม่ว่าจะเป็นของทีมสิงห์บลูส์ หรือทีมอื่นก็ดีคงจะได้ประจักษ์ สายตากันไปแล้วว่า กุนซือเลือดยิวรายนี้ไม่ได้ขี้ๆ เหมือนกัน เพราะมีหลายต่อหลายช่วงในฤดูกาลนี้ที่เชลซีต้องเจอ "โจทย์ยาก" อาทิเช่น ปัญหาอาการบาดเจ็บยาวของ จอห์น เทอร์รี่, แฟรงค์ แลมพาร์ด และนักเตะตัวหลักหลายรายต้องไปรับใช้ชาติในศึกแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ ที่ผ่านมา แต่กุนซือผู้มีหน้าตาละม้ายคล้ายคางคกผู้นี้ก็ยังสามารถพาทีมเอาตัวรอดมาได้ และสถิติการคุมทีมตั้งแต่รับตำแหน่งมานั้นก็ไม่เท่าไรเองแค่ ชนะ 22 จาก 29 นัดเท่านั้น!! (ขอประชดประชันในความเก่งหน่อยนะครับ เก่งเกิ๊น ^^)

ขณะที่ฮวนเด้ รามอสหรือกุนซือ ที่แม้จะยังคงมีปัญหาเรื่องภาษาอังกฤษในการสื่อสารกับลูกทีม แต่ใครจะสนใจละครับหากว่าเฮียแกยังสั่งงานให้ กัส โปเยต์ ถ่ายทอด "แท็กติกส์" ให้ลูกทีมได้แบบนี้ และเปลี่ยนสเปอร์สอย่างกับหน้ามือเป็นหลังมือได้ขนาดนี้ เพราะก่อนที่อดีตกุนซือเซบีญ่าจะเข้าคุมทีมแทน มาร์ติน โยลนั้น ฟอร์มของสเปอร์สนั้นยังกับ "ไก่ติดหวัดนก" และหากใครกล้า "คิดนอกกรอบ" ว่าสเปอร์สจะเข้าชิงบอลถ้วยในปีนี้ได้แล้วล่ะก็ คงต้องโดนหัวเราะ + ประณามโทษฐานที่กล้าคิดอย่างไม่ต้องสงสัย

ส่วนที่เชื่อว่าเกมนี้จะดูสนุกก็เพราะว่า สเปอร์สนั้นตั้งแต่รามอสเข้ามาคุมทีมได้เปลี่ยน สไตล์มาเป็นบอลบุกโดยธรรมชาติที่กล้าบุก กล้าแลก เปรียบเป็นมวยก็ต้องเป็นมวย Fighter ที่จะพร้อมจะเดินเข้าหาคู่ชกก่อนแน่นอน ไม่ว่าจะเจอทีมใหญ่ หรือเล็กกว่า

แต่จุดสำคัญที่แฟนทีมไก่เดือยทอง(รวมไปถึงตัวผมเอง) ยังอดห่วงสเปอร์สไม่ได้ก็คือความผิดพลาดง่ายๆ ในแนวรับ เพราะแม้การได้โจนาธาน วู้ดเกต มาเสริม จะเพิ่มความอุ่นใจได้ในระดับ หนึ่ง แต่คนที่จะมายืนคู่กับเจ้าตัวนั้นหากเลดลี่ย์ คิง ยังเรียกความ ฟิตกลับมาไม่ได้ สเปอร์สก็พร้อมเสียประตูได้ทุกเมื่อเช่นกัน
ส่วนตำแหน่งนายทวารด่านสุดท้ายที่แม้จะดรอป "หมูบิน" พอล โรบินสันไว้ที่ข้างสนามแล้ว แต่คนที่รับหน้าที่แทนอย่าง ราเด็ค แชร์นี่ ก็ยังไม่ได้โชว์สัญญาณใดๆ ว่ามีดีกว่าประตูร่างอวบแต่อย่างใด โดยแมตช์กลางสัปดาห์ก่อนกับสลาเวีย ปราก แชร์นี่ก็ทำบอลหลุดง่ายๆ เป็นเหตุให้วันพรุ่งนี้สเปอร์สที่จะลงเตะนัดที่สองในบ้าน ตัวเองยังสบายใจไม่ได้เพราะมี ผลต่างได้เสียอยู่แค่ 1 ประตูเท่านั้น (ชนะมา 2-1 ในเลกแรก)

โดยสองจุดนี้แหละครับจะเป็น "ปัจจัยสำคัญ" ของทีมน้องไก่ และรามอสให้คิดหนักกับการวางแบ็กโฟร์ในแนวรับ ยิ่งเจอบอลเขี้ยว ๆ ของเชลซีซึ่งเสียบอล + เสียประตูยาก หากได้นำใครไปก่อนแล้ว โอกาสน้อยครับที่จะพลาดท่าเสียทีให้ใคร

ขณะที่นักเตะ "คีย์แมน" หรือในความหมายของผมคือ คนที่มีโอกาสสูงที่จะสามารถเปลี่ยน "ผลการแข่งขัน" ในเกมนี้ได้ของทั้งสองทีมจากที่กวาดตาดู +ขอเลือกมาทีมละสองคน ทางเชลซีผมให้ นิโกล่าส์ อเนลก้า และแฟรงค์ แลมพาร์ด
ในรายของ นิโก้ อเนลก้า นั้น เชื่อว่าการที่เจ้าตัวกำลังโหยหา "ความสำเร็จ" เป็นอย่างมากในตอนนี้จะเป็นแรงผลักดันให้เจ้าตัวทำผลงานออกมาได้ดี ขณะที่หนุ่มแลมพ์นั้นไม่มีต้องพิสูจน์อีกต่อไปหลังจากยิงประตูแตะหลักร้อยให้เชลซีไปเรียบร้อย และอันตรายเสมอหากปล่อยที่ว่างให้เจ้าตัวได้มีเวลาสับไก
ส่วนทางสเปอร์ส ผมอยากให้จับตา เบอร์บาตอฟ ที่เป็นเหมือนทุกอย่างในแนวรุกสเปอร์ส เพราะทำทางให้เพื่อนก็ดี และ จบสกอร์เองก็ได้ ขณะที่อีกคนผมให้ แอร่อน เลนนอน ที่ความเร็วนั้นสร้างความได้เปรียบให้แนวรุกสเปอร์สมาหลายต่อหลายครั้ง และผมเชื่อครับว่า หากปีกลมกรดรายนี้สามารถเอาชนะ แอชลีย์ โคลที่กำลังมีปัญหาชีวิตนอกสนามอยู่ได้ล่ะก็ สเปอร์สน่าจะมีลุ้นได้แชมป์ประเดิมสนาม "นิวเวมบลีย์" ได้ครับ

สรุป + ขออนุญาต ฟันธงตรงนี้เลยนะครับ เชลซี "แชมป์เก่า" นั้นได้เปรียบสเปอร์สแน่นอน ตรงที่นักเตะได้ลูกเก๋า และมีตัวสำรองข้างสนามที่ "น่ากลัว" กว่าสเปอร์สมาก แต่ฟุตบอลลูกกลมๆ + ฮวนเด้ รามอสนั้นก็ถือได้ว่าเป็นเจ้าแห่งบอลถ้วยตั้งแต่คุมทีมในสเปนแล้ว ดังนั้นถ้าเชลซีจะชนะก็จะชนะแบบหืดจับมากๆ เผลอๆ อาจมีเสมอในเวลา และยืดเยื้อกันไปจนถึงเตะจุดโทษเลย... ฟันธง!!!


เส้นทางสู่นิวเวมบลีย์ของทั้งสองทีม
รอบสาม

ฮัลล์ ซิตี้ 0- 4 เชลซี
สเปอร์ส 2-0 มิดเดิลสโบรห์
รอบสี่
เชลซี 4-3 เลสเตอร์
สเปอร์ส 2-0 แบล็คพูล
รอบ ควอเตอร์-ไฟนัล
เชลซี 2-0 ลิเวอร์พูล
แมนฯซิตี้ฯ 0-2 สเปอร์ส
รอบ เซมิ-ไฟนัล
เชลซี 2-1 เอฟเวอร์ตัน
อาร์เซนอล 1-1 สเปอร์ส
เอฟเวอร์ตัน 0-1 เชลซี
สเปอร์ส 5-1 อาร์เซนอล
นัดชิงชนะเลิศ
เชลซี ?? - ?? สเปอร์ส

8 comments:

Anonymous said...

ได้บัตรไปดูไหมครับ ผมเป็นสมาชิกของ สเปอร์
แต่ แต้มไม่พอที่จะซื้อ อดเลยยย

แถมยังมีแข่งฟุตบอลนักเรียนไทย ที่ Bath อีก

ฝากเชียร์ด้วยนะครับ ถ้ามีบัตรขายบอกด้วย

ธานคับ said...

หวัดดีครับคุณเอกและคุณ Osurada โอ๊ยยย อิจฉาคนที่ได้ไปดูจริงๆ หรือได้ใกล้ชิดบรรยากาศที่อังกฤษจังครับ เมื่อไหร่จะมีโอกาสมั้งเนี่ย

เอก อุดมสุข said...

ผมคงนั่งดูที่ผับกับเพื่อนๆครับ

ส่วนตั๋วบอล มีพี่คนไทยมาขายตอนแรก ใบละ100ปอนด์ นั่งฝั่งแฟนเชลซี วันนี้เท็กซ์มาใหม่ราคาขึ้นเป็น 160 ปอนด์เหลือ 2 ใบครับ

แพงมากกกก...

อ้าว คุณ Osurada จะไปเหล่หญิง เอ้ย..เตะบอล
งานกีฬาของสามัคคีสมาคม ด้วยหรอครับ ตอนแรกผมก็ว่าจะไป เห็นเค้าว่าสาวๆเพียบ ^.^

Anonymous said...

ตั๋วแพงมากจริงๆ

คงนั่งดูที่ผับกับเพื่อนเช่นกันล่ะ

คุณเอก...

แต่ขอเชียร์ก่ล่ะงานนี้ นอกรอบไง

ก็เพื่อนชายทั้งกลุ่มเค้าเป็นแฟนเชลซี ฮ่าๆๆ

ขอให้ไก่โชคดีๆๆ

Anonymous said...

Yes, I will go to Sa-ma-kee game on 24 Feb to play football. Exactly, there are pretty girls. 555 .
So pity. I cannot buy the ticket, although I am a member becuz my point is not enough.If I cannot get the ticket I might watch in the pub too.

We will be a Champion.

Anonymous said...

ยินดีด้วย แชมเปี้ยน!!!!!

ธานคับ said...

ดีใจจริงๆครับคุณเอก ไก่เราทำได้ ก้าวเล็กๆ สู่ก้าวที่ยิ่งใหญ่ต่อไป

เอก อุดมสุข said...

ดีใจโคตรๆ เหมือนกันครับ ไก่เราเป็นแชมป์แล้ว เย้ !!